“ผอ.ธัญญารักษ์” ไปไม่เป็น เจอถามกรณีหมอถ่ายคลิป “เสก” และให้ 3 มิติเข้าไปถ่าย ด้านรมว.สาธารณสุขลั่นถ้าหมอทำจริงไม่เอาไว้แน่
“ผอ.ธัญญารักษ์” ถึงกับไปไม่เป็น หลังถูกถามกรณีที่ทนายของ “เสก” ระบุว่า หมอเป็นคนถ่ายคลิปเสกเพื่อยืนยันว่าเสกไม่ได้หนีออกจากรพ. บอกจะต้องตรวจสอบอีกทีว่ายังไง แต่พอถูกถามว่าผอ.เองก็มีภาพอยู่ในคลิปเล่นเอาเจ้าตัวได้แต่ยิ้ม ส่วนเรื่องที่ “ทีมข่าว 3 มิติ” เข้าไปบันทึกภาพเสกในสถานบำบัดนั้นเจ้าตัวอ้ำอึ้งไม่ตอบว่าใครเป็นคนอนุญาต ด้าน รมว.สาธารณสุขเตรียมสอบว่าหมอเป็นคนถ่ายคลิปจริงไม่ ถ้าจริงจะไม่เอาไว้
เป็นเรื่องขึ้นมาอีกแล้วหลังจากที่ครอบครัวของ “เสก โลโซ” เสกสรร ศุขพิมาย ได้เปิดแถลงข่าวปฏิเสธข่าวเสกหนีออกจากสถาบันธัญญารักษ์ กรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข กลับบ้านไปหา “กานต์ วิภากร” กับลูกๆ และได้มีการนำคลิปเสกขณะอยู่ในสถาบันธัญญารักษ์มาเผยแพร่กับสื่อมวลชนและลงยูทูปเพื่อยืนยันว่า เสกได้รักษาตัวอยู่โรงพยาบาลตลอดไม่ได้หนีไปไหน และนอกจากนั้นแล้ว “อุดม โปร่งฟ้า” ทนายความของเสกยังบอกกับผู้สื่อข่าวอีกว่า คลิปดังกล่าวแพทย์เป็นคนถ่ายส่งมาให้
โดยมีทั้งหมด 7 คลิป คลิปแรกจะเป็นคลิปที่ “นายแพทย์อังกรู ภัทรากร” รองผู้อำนวยการสถาบันธัญญารักษ์ กับเสกนั่งอยู่บนโซฟา โดยหมอได้พูดผ่านคลิปถึงอาการของเสก และยังมีการขอร้องให้เพลงร้องเพลง “ใจสั่งมา” ให้ฟัง นอกจากนั้นแล้วก็ยังมีคลิปที่เสกเดินไปเยี่ยมผู้ป่วยรายอื่น รวมไปถึงคลิปที่เสกนั่งเล่นเครื่องดนตรีโดยมีนายแพทย์อังกรู และ “นายแพทย์วิโรจน์ วีรชัย” ผู้อำนวยการสถาบันธัญญารักษ์ อยู่ในคลิปด้วย
นอกจากนั้นแล้วก็ยังมีการอนุญาตให้ทีมข่าว 3 มิติช่อง 3 นำโดยนักข่าวคนดัง “ฐปนีย์ เอียดศรีไชย” ไปบันทึกภาพเสกถึงสถาบันธัญญารักษ์ ทั้งที่ก่อนหน้านี้ได้มีการบอกผู้สื่อข่าวในวันแถลงข่าวที่ปปส.และเมื่อวันที่แถลงข่าวที่สถาบันธัญญารักษ์ขอร้องอย่าให้สื่อมวลชนไปวุ่นวายหรือไปเก็บภาพเสกขณะบำบัด
เมื่อภาพของเสกถูกเผยแพร่ออกไปก็เป็นที่วิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักถึงความเหมาะสม ไม่ว่าจะเป็นเรื่องที่ทนายระบุว่าแพทย์เป็นคนถ่ายคลิปมาเผยแพร่ หรือเรื่องที่ข่าว 3 มิติช่อง 3 ได้เข้าไปถ่ายภาพขณะที่เสกกำลังสลึมสะลือยามีอาการหลับตาพูดจาไม่เป็นปกติ ซึ่งเป็นภาพที่ไม่สมควรจะถูกเผยแพร่ และเหมาะสมแล้วหรือไม่ที่แพทย์จะเป็นผู้ถ่ายคลิปเอง และอนุญาตให้สื่อมวลชนเข้าไปบันทึกภาพเสกซึ่งเป็นคนไข้บำบัดยาเสพติด
วันนี้(13/ม.ค./55) นายวิทยา บุรณศิริ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขได้เดินทางไปเยี่ยมอาการของเสกที่สถาบันธัญญารักษ์ โดยมี “นางปลิว ศุขพิมาย” แม่ของเสก และ “อมร ศุขพิมาย” พี่ชายของเสก รวมไปถึงผู้อำนวยการสถาบันธัญญารักษ์ และ “แพทย์หญิงวิลาวัณย์ จึงประเสริฐ” อธิบดีกรมการแพทย์ให้การต้อนรับ
โดยภายหลังจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขได้เข้าเยี่ยมเสกก็ได้เปิดเผยกับสื่อมวลชนว่า.....
“ตอนนี้เสกอยู่ในช่วงที่จะต้องรับยาได้รับการดูแลและต้องพักผ่อนมากๆ ความคาดหวังค่อนข้างเป็นที่น่าพอใจ สิ่งที่เราอยากเห็นเขามากที่สุดคือ อยากจะให้เขาเป็นปกติก็เอาใจช่วย ก็ได้คุยกับคุณแม่ของเสกว่า ถ้าเสกได้กลับมาก็จะทำให้ขวัญและกำลังใจเยาวชน แฟนคลับก็คงจะอยากให้เสกกลับมาเป็นเหมือนเดิมอีกครั้งหนึ่ง ส่วนตัวผมเองคิดว่ารัฐบาลพณฯนายกยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ก็มีความคาดหวังในเรื่องนี้ ไม่ว่าจะเป็นของกลุ่มต่างๆ อย่างกลุ่มที่เสพไปแล้วที่มีอยู่ 4 แสนกว่าคนเป็นเรื่องที่ต้องดูแลอย่างใกล้ชิด เพื่อเป็นการคืนคนดีให้กับสังคม”
“และก็คิดว่าการที่รัฐบาลเรื่องจุดยืนยาเสพติดที่ผ่านมา ก็คิดว่าสถาบันธัญญารักษ์แห่งนี้ก็ต้องดูแลเพิ่มขึ้นเยอะ เราก็ได้ทราบว่าเสกได้เข้ามารักษา และมีอีกหลายคนที่เข้ามาเราก็ยินดี ถือว่าสถาบันตรงนี้ก็พร้อมที่จะให้การดูแลจนกว่าท่านที่จะพ้นเป็นสภาพปกติ สำหรับเสกเท่าที่ได้รับรายงานก็คาดว่าต้องใช้ระยะเวลาประมาณ 1 เดือนจะได้รับข่าวดีถึงในเกณฑ์ดีที่สุด”
สำหรับกรณีที่ “อุดม โปร่งฟ้า” ทนายความเสกนำคลิปเสกในสถานบำบัดมาเผยแพร่ โดยระบุว่าแพทย์เป็นคนถ่ายคลิปนั้น นายวิทยาบอกว่า โดยจรรยาบรรณแพทย์ไม่น่าเกิดเหตุการณ์อย่างนี้ขึ้น แต่ถ้าทำจริงก็จะไม่เอาไว้เหมือนกัน
“เข้าใจว่าคงไม่ใช่เรื่องนั้นนะครับ คงไม่ใช่เพราะเรื่องนี้จรรยาบรรณทางแพทย์มีมันไม่น่าจะเกิด (จะมีการตรวจสอบไหม) เดี๋ยวตรงนี้จะต้องได้ดูรายละเอียดอยู่แล้วไม่ต้องห่วง”
ผู้สื่อข่าว : แพทย์เป็นคนปล่อยเอง ?
รมว.สาธารณสุข : “อันนี้คือใครเห็นครับ”
ผู้สื่อข่าว : ทางทนายเป็นคนบอกว่าหมอเป็นคนถ่ายคลิป
รมว.สาธารณสุข : “ผมไม่อยากให้เป็นอย่างนั้น การที่จะเข้าไปนี่จะต้องขออนุญาต แม้แต่นักข่าวจะเข้าก็ต้องขออนุญาต เพราะคนที่จะเข้าไปได้ก็คือคุณแม่ ซึ่งแม่ก็คงจะไม่ทำเรื่องนี้ ถ้าคนที่หวังดีต่อเสกก็ขอร้อง แต่ผมคิดว่าสังคมให้โอกาสเสกด้วยและเข้าใจเสก”
“แต่ถ้าเป็นบุคลากรของเราเป็นคนถ่ายคลิปผมจะไม่เอาไว้ต้องนิมนต์ไปที่อื่น แต่อยากให้พวกเราให้กำลังใจเขา”
ผู้สื่อข่าว : ถือว่าผิดจรรญาบรรณไหม ?
รมว.สาธารณสุข : “ก็เมื่อกี้ผมกล่าวแล้วไงครับ ไม่เฉพาะของเสกทุกคนด้วยใครที่ไปทำแบบนั้นในสถานที่อื่นก็คงไม่ได้”
ผู้สื่อข่าว : การตรวจสอบให้เวลายังไง ?
รมว.สาธารณสุข : “จริงๆ บุคคลที่จะเข้าไปตรงนั้นได้มีอยู่ไม่กี่คน และถ้าไม่ใช่ญาติหรือคุณแม่แล้ว อย่างนักข่าวจะขอเข้าไปก็ไม่อนุญาตเพราะบางทีมันอาจจะหลุดไปได้เสมอ”
ผู้สื่อข่าว : คลิปที่เผยแพร่ในยูทูปจะสั่งการยังไงให้ไอซีทีจัดการยังไง ?
รมว.สาธารณสุข : “อันนี้เป็นสิ่งหนึ่งที่ผมต้องสั่งการอยู่แล้ว บางทีเราก็ไม่อยากปิดกลั้นคนใกล้ชิดเพราะเป็นคนในครอบครัว ก็คิดว่าเขาคงจะไม่อยากทำร้ายเสกแบบนี้”
ภายหลังจากที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขกลับไป ผู้สื่อข่าวก็ได้ไปสัมภาษณ์ “นายแพทย์วิโรจน์ วีรชัย” ผู้อำนวยการสถาบันธัญญารักษ์ถึงเรื่องคลิปดังกล่าวที่งานนี้ถ้าตรวจสอบแล้วใครผิดอาจโดนเด้ง
ผอ.ธัญญารักษ์ : “เสกเข้ามารับการรักษาด้วยความสมัครใจทางสถาบันธัญญารักษ์เอง อยู่ในกลุ่มฟื้นฟูอย่างเรื่องเสื้อผ้าเครื่องแต่งกายเขาก็ต้องซักผ้าเองนะครับ เพราะว่าเขาต้องรับผิดชอบเรื่องการกินการอยู่เขาจะต้องทำของเขาเอง อย่างเรื่องเสื้อผ้าบางคนก็อาจจะรู้สึกแปลกเอ๊ะทำไมเสกไม่ใส่ชุดคนไข้ แต่ถ้าเขาอยู่กลุ่มเดียวพอใส่แล้วหงุดหงิดเราก็จะอนุโลมเป็นช่วง อย่างตอนที่ท่านรัฐมนตรีไปเยี่ยมเสกก็อยู่ในชุดคนไข้ ก็มีทั้งใส่ชุดคนไข้และไปรเวสสลับกันไปมาก็แล้วแต่เราไม่ได้ซีเรียสเรื่องชุด”
ผู้สื่อข่าว : เรื่องคลิปของเสกที่ทนายระบุว่าคุณหมอเป็นคนถ่าย
ผอ.ธัญญารักษ์ : “ประเด็นเรื่องความลับผู้ป่วยเราก็ระมัดระวังอยู่แล้วว่าอันไหนที่จะเป็นปัญหาออกไปในทางเสื่อมเสียกับผู้ป่วยอันนี้ก็จะต้องหลีกเลี่ยง”
ผู้สื่อข่าว : คลิปที่ถูกเผยแพร่ออกไปคลิปไหนที่มีปัญหา
ผอ.ธัญญารักษ์ : “ผมก็ยังไม่ได้ดูกับเขาเลย ก็คงจะไปตรวจสอบอีกทีนะครับ”
ผู้สื่อข่าว : มีผอ.อยู่ในคลิปด้วยนะ ?
ผอ.ธัญญารักษ์ : (หัวเราะ) “ท่านรัฐมนตรีและท่านอธิบดีมาเยี่ยมก็ยืนยันอยู่ในตัวแล้วว่า เราก็ยังดูแลเสกอย่างเต็มที่ ก็สั่งการให้ทางสถาบันดูแล”
ผู้สื่อข่าว : ความลับคนป่วยแล้วนี่เราถ่ายมานี่มันยังไง ?
ผอ.ธัญญารักษ์ : “ความลับก็คือสิ่งที่เราทำให้เขาเสื่อมเสีย ความลับผู้ป่วยก็อย่างเช่นเรื่องที่เขาไปเสพอะไร เสพมากเสพน้อย ไอ้เหล่านี้เป็นสิ่ง.... เรื่องที่เสกมารักษาที่นี่มันไม่ใช่ความลับอยู่แล้วมันเป็นระบบสมัครใจตั้งแต่ปปส.แถลงว่ามารักษาที่นี่ การมารักษาที่มันไม่ใช่ความลับ”
ผู้สื่อข่าว : การเผยแพร่รูปล่ะเป็นความลับหรือเปล่า คือภาพที่ออกไปเขาหลับตาสภาพสลึมสะลือไม่น่าเผยแพร่
ผอ.ธัญญารักษ์ : “อ๋อ...อันนี้ต้องไปนั่นครับ”
ผู้สื่อข่าว : จริงๆ มันสมควรไหม ?
พญ.วิลาวัณย์ : “มันยังไม่เห็นคลิปนะคะ มีใครมีคลิปไหม”
ผู้สื่อข่าว : การตรวจสอบต้องทำไง ?
ผอ.ธัญญารักษ์ : “การที่สื่อมวลชนนำเสนอก็จะยิ่งทำให้ผู้ป่วยไม่สบายใจ”
ผู้สื่อข่าว : แต่ทางรพ.เป็นคนอนุญาตให้ทีมข่าว 3 มิติเข้ามาถ่ายภาพ
ผอ.ธัญญารักษ์ : “นั่นน่ะสิเมื่อวานผมยังสงสัยเลย”
ผู้สื่อข่าว : ได้รับอนุมัติจากใครผอ.ทราบเรื่องไม่ ?
ผอ.ธัญญารักษ์ : “ยังๆ เดี๋ยวค่อย....เดี๋ยวต้องกักแล้วว่าอย่าให้มันนั่น ไม่ต้องห่วงท่านรัฐมนตรีก็คงจะสั่งการเราก็จะดำเนินการครับ
ผู้สื่อข่าว : ผอ.คิดว่าเป็นคนในโรงพยาบาลทำไมในเมื่อคนนอนกมันเข้าไม่ได้ ?
ผอ.ธัญญารักษ์ : (ยิ้ม) “คนนี้ขอยังเข้าไม่ได้เลยใช่ไหม คนนี้ใช่ไหมโดนห้าม”(ชี้ไปที่ผู้สื่อข่าว)
ผู้สื่อข่าว : ผอ.ไม่ห้ามแต่ช่อง 3 ทำไมช่อง 3 เข้าได้ ?
ผอ.ธัญญารักษ์ : “ก็ถ้ามาขอผอ.ก็โดนห้ามไปแล้ว”
ผู้สื่อข่าว : ทางทนายความบอกว่า คลิปนี้ทางหมอเป็นคนถ่าย
พญ.วิลาวัณย์ : “คงต้องมีการตั้งคณะกรรมการดูแลให้ถูกต้อง ก็ต้องดูในรายละเอียดว่าเรื่องเป็นยังไง”
ผู้สื่อข่าว : เมื่อวาน “กานต์” อดีตภรรยาเก่า “เสก” แถลงก็ไม่ค่อยพอใจที่มีภาพเสกเผยแพร่คลิปออกไป และข่าวที่ช่อง 3 นำภาพออกอากาศ
พญ.วิลาวัณย์ : “ก็คงต้องขอดูก่อนว่าเรื่องเป็นยังไงเพราะยังไม่ได้เห็น”
ผู้สื่อข่าว : จะดูคลิปไหมคะ ? (ผู้สื่อข่าวยื่นโทรศัพท์ให้ดู)
พญ.วิลาวัณย์ : “อันนี้ทันสมัยดีจังเลย”
ผอ.ธัญญารักษ์ : “แสงมันค่อนข้างมืด ที่มันสว่างไปมันมองไม่เห็น”
ผู้สื่อข่าว : คลิปนี้จะมีหมออังกรู และมีผอ.ด้วย ?
ผอ.ธัญญารักษ์ : “นี่นักข่าวที่ไหนบ้างเนี่ย สองคนนี้นักข่าวกระทรวงใช่ไหม”(หัวเราะและชี้ไปที่กลุ่มผู้สื่อข่าว)
ผู้สื่อข่าว : คือทางทนายบอกในวันแถลงข่าวว่า แพทย์เป็นคนถ่ายเพื่อยืนยันว่าเสกไม่ได้หนีออกจากโรงพยาบาล
พญ.วิลาวัณย์ : “โอเคเดี๋ยวให้ตั้งคณะกรรมการ”
ผู้สื่อข่าว : ใช้เวลานานแค่ไหน ?
ผอ.ธัญญารักษ์ : “ไม่นาน”
ผู้สื่อข่าว : 7 วันได้ไหม ?
ผอ.ธัญญารักษ์ : “ก็เดี๋ยวให้คณะกรรมการดำเนินงาน และท่านอธิบดีก็สั่งการต่อ”
พญ.วิลาวัณย์ : “ชัดเจนยังไงก็จะมีวิธีการที่จะปรับปรุงให้ถูกต้อง ขอไปฟังให้ชัดก่อนว่าที่มาที่ไปเป็นยังไง และเป็นความเหมาะไม่เหมาะยังไง”
ASTVผู้จัดการออนไลน์ 14 มกราคม 2555
