ผู้เขียน หัวข้อ: ความผิดใคร? สั่งสอบปมศพถูกทิ้งในรถนาน 12 ชั่วโมง จ.ชลบุรี  (อ่าน 376 ครั้ง)

story

  • Staff
  • Hero Member
  • ****
  • กระทู้: 9721
    • ดูรายละเอียด
เช้านี้ที่หมอชิต - ตามต่อกรณีกู้ภัยมอเตอร์เวย์ ตำรวจทางหลวง ไม่เห็นร่างของผู้เสียชีวิตภายในรถ ลากจากจุดเกิดเหตุมาจอดไว้ที่โรงพัก ผ่านไปกว่า 12 ชั่วโมง ถึงจะรู้ว่ามีผู้เสียชีวิต งานนี้โดนตั้งข้อครหา โดยเฉพาะหากเขายังไม่เสียชีวิต อาจช่วยชีวิตไว้ได้ ล่าสุด ผู้บังคับการตำรวจทางหลวง ได้สั่งการให้สอบข้อเท็จจริงเรื่องนี้แล้ว

เราไปย้อนเหตุการณ์นี้กันก่อน ผู้เสียชีวิตคือ นายภัทรชัย อายุ 68 ปี เหตุเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 8 สิงหาคม ระหว่างที่เขาขับรถเก๋งสีขาว บนถนนมอเตอร์เวย์ ฝั่งขาเข้ามุ่งหน้าพัทยา รถของเขาได้เกิดการเสียหลัก ไปพุ่งชนข้างทางอย่างแรง ส่งผลให้กระโปรงหน้ารถพัง เรียกได้ว่ายับเลย

หลังเกิดเหตุเจ้าหน้าที่กู้ภัยรีบเดินทางมาที่เกิดเหตุเพื่อช่วยเหลือ พอมาถึงได้ตรวจสอบรอบรถและภายในรถ ปรากฏว่าไม่เจอใครอยู่ในรถ ขณะนั้นมีกู้ภัยอีกชุดเดินทางมาที่เกิดเหตุเช่นเดียวกัน แต่อาสาฯชุดแรก บอกว่า ไม่มีอะไร ๆ คนไม่อยู่แล้ว ก่อนแจ้งให้ตำรวจทางหลวงเขาเขียวทราบ ตำรวจจึงประสานให้รถยก มายกรถเก๋งคันเกิดเหตุมาจอดไว้ที่โรงพัก

เมื่อรถที่เกิดเหตุมาถึงโรงพัก ตำรวจก็รอให้มีญาติหรือเจ้าของรถติดต่อมา แต่ผ่านไป 12 ชั่วโมง ยังไร้เงา ตำรวจจึงโทรสอบถามโรงพยาบาลใกล้เคียงว่า มีใครที่ประสบอุบัติเหตุมารักษาตัวบ้างไหม แต่ก็ไร้ผู้บาดเจ็บ จึงตัดสินใจไปค้นรถเก๋งคันเกิดเหตุ เผื่อเจอข้อมูลให้ติดต่อญาติ หรือผู้บาดเจ็บ แต่ต้องผงะ เพราะเมื่อเปิดประตูรถและรื้อหาเอกสาร กลับพบร่างของนายภัทรชัย นอนแน่นิ่งเสียชีวิตอยู่ใต้พวงมาลัย

คือขณะเกิดเหตุ ตำรวจไม่ได้เดินทางไปที่เกิดเหตุ แต่ได้รับรายงานจากกู้ภัยว่าไม่มีคนเจ็บ ไม่มีคู่กรณี จึงคิดว่ามีพลเมืองดีนำตัวไปรักษาแล้ว แต่ที่สุดแล้วไม่ได้เป็นแบบนั้น กลายเป็นความผิดพลาด

การทิ้งศพไว้ในรถ 12 ชั่วโมง เป็นคำถามตัวโต ๆ เลย คนทั้งคนอยู่ในรถ ไม่เห็นได้อย่างไร ได้ตรวจสอบดีแล้วหรือไม่ บางคนถึงกับตั้งคำถามว่าหากเจอและช่วยแต่แรก และส่งถึงมือแพทย์ อาจจะมีชีวิตรอดก็เป็นได้ โดยเฉพาะกู้ภัยอีกชุดที่มาทีหลัง พอทราบข่าวว่ามีศพอยู่ในรถนานถึง 12 ชั่วโมง รู้สึกเสียใจมากที่ไม่มีโอกาสได้เข้าไปช่วยเหลือ

สุดท้ายครอบครัวของผู้เสียชีวิตไม่ได้ติดใจสาเหตุการตาย เพราะเดิม นายภัทรชัย ป่วยมีโรคประตัวอยู่แล้ว ต้องฟอกไตอาทิตย์ละ 2 ครั้ง และคาดว่าวันที่เกิดอุบัติเหตุ อาการของนายภัทรชัยน่าจะกำเริบ ประกอบกับภายในรถมียาตกอยู่ด้วย จึงไม่ได้ติดใจเอาความกับเจ้าหน้าที่กู้ภัยและตำรวจ

แต่เรื่องนี้ ผู้บังคับการตำรวจทางหลวง ได้สั่งให้ตรวจสอบข้อเท็จจริง และรายงานอย่างละเอียด เพื่อให้สามารถตอบคำถามของสังคมว่า การปล่อยศพไว้ในรถนานถึง 12 ชั่วโมง เกิดจากอะไรกันแน่ เป็นข้อผิดพลาดของเจ้าหน้าที่ หรือเป็นที่ระบบของการประสานงาน

ทีมข่าวของเรายังสอบถามไปยังสถาบันนิติเวชวิทยา โรงพยาบาลตำรวจ ถึงแนวทางการชันสูตรว่าศพที่ถูกทิ้งไว้ในรถนาน 12 ชั่วโมง โดยเฉพาะรถที่จอดไว้กลางแดด จะมีผลในการหาเวลาการเสียชีวิตหรือไม่ เรื่องนี้ทางนิติเวชฯ ยอมรับเลยว่ามีผลเป็นอย่างมาก แต่จะพยายามให้คลาดเคลื่อนให้น้อยที่สุด เพื่อให้ทุกอย่างออกมาอย่างถูกต้อง รวมไปถึงต้องชันสูตรหาสาเหตุของการเสียชีวิตด้วย ว่าเกิดขึ้นจากสาเหตุใด

11 ส.ค. 2565
https://news.ch7.com/detail/587794

story

  • Staff
  • Hero Member
  • ****
  • กระทู้: 9721
    • ดูรายละเอียด
ตำรวจทางหลวงตั้งโต๊ะชี้แจงศพถูกทิ้งในรถ 12 ชม. กู้ภัยเเจ้งไม่เปิดรถกลัวของหาย ร้อยเวรยอมรับไม่ได้ไปที่เกิดเหตุ จากกรณี อุบัติเหตุรถยนต์ เสียหลักพลิกคว่ำ บน  สาย 7 ฝั่งขาเข้าพัทยา ช่วง กม.105+700 เมื่อวันที่ 9 สิงหาคม 65 ที่ผ่านมา

ทล.แถลงแจงเหตุทิ้งศพในรถ นิติเวชยันผลชันสูตร กู้ภัยเเจ้งไม่เปิดรถกลัวของหาย ร้อยเวรยอมรับไม่ได้ไปที่เกิดเหตุ จากกรณี อุบัติเหตุรถยนต์ เสียหลักพลิกคว่ำ บน  สาย 7 ฝั่งขาเข้าพัทยา ช่วง กม.105+700 เมื่อวันที่ 9 สิงหาคม 65 และได้มีการประสานเก็บกู้ซากรถออกจากบริเวณที่เกิดเหตุ แต่ต่อมาพบร่าง ผู้เสียชีวิต ติดอยู่ในซากรถคันดังกล่าว เหตุเกิดเมื่อวันที่ 9 สิงหาคม 65 ที่ผ่านมา

กรมทางหลวง แถลง กรณีศพในรถ ตร.เจ้าของคดียอมรับไม่ได้ลงพื้นที่เกิดเหตุ ผลตรวจเบื้องต้นพบขั้วหัวใจฉีกขาด

วันนี้ (12 ส.ค. 65) พล.ต.ต เอกราช ลิ้มสังกาศ ผบก.ทล แถลงกรณีอุบัติเหตุรถยนต์เก๋งเสียหลักพลิกคว่ำกลางถนนมอเตอร์เวย์สาย 7 ขาออกช่วงกม. 105 +700 เมื่อวันที่ 9 ส.ค. 65 จึงได้มีการประสานเก็บกู้ซากรถออกจากบริเวณที่เกิดเหตุปรากฏต่อมาว่าพบศพอยู่ในซากรถดังกล่าว ณ กองบังคับการตำรวจทางหลวง

นายภาสกร ศิริภาพ เจ้าหน้าที่ กู้ภัย กล่าวว่า ขอบเขตในการช่วยเหลือของกู้ภัยหากไม่พบผู้ประสบภัยจะไม่มีการเปิดค้นรถ เนื่องจากเคยมีข้อร้องเรียนว่าทรัพย์สินของผู้ประสบภัยสูญหาย จึงทำได้เพียงสังเกตเบื้องต้น ซึ่งปกติถ้าเกิดอุบัติเหตุ​แล้วมีผู้ประสบภัยนั้นจะอยู่บริเวณพวงมาลัย เทไปด้านหน้าหรือด้านซ้ายและด้านขวา แต่จากการสังเกต​เบื้องต้น​ไม่พบสัญญาณขอความช่วยเหลือ ไม่พบอวัยวะส่วนอื่นส่วนใดอยู่บริเวณนั้น ไม่พบคราบเลือด สิ่งที่พบมีเพียงของที่กระจัดกระจายอยู่

ส่วนคำถามที่ทำไมถึงไม่เปิดประตูฝั่งขวานั้น นายภาสกรแจ้งว่า มองหาเบื้องต้นแล้วว่าไม่พบ จึงต้องรอให้เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องมาตรวจสอบ และตนคิดว่ามีผู้หวังดีพาไปโรงพยาบาลแล้ว ตนจึงให้คำตอบเพียงว่ายังไม่พบผู้บาดเจ็บ แต่ไม่แน่ใจว่าผู้บาดเจ็บถูกนำส่งโรงพยาบาลหรือไม่ เพราะที่ผ่านมาเคยมีประสบการณ์ที่ผู้ขับขี่รถยนต์ผ่านมาเจอแล้วนำไปส่งโรงพยาบาล จึงคิดว่าครั้งนี้จะมีผู้หวังดีนำไปส่งพยาบาลเหมือนกับที่ผ่านมา

ด้าน พ.ต.ท. รัตพล วรรณะ พนักงานสอบสวนเจ้าของคดี กล่าวว่า ยอมรับว่าภายในที่เกิดเหตุไม่มีพนักงานสอบสวน ไม่มีเจ้าหน้าที่ตำรวจอยู่ เพราะปกติหากมีการรายงานว่ามีเหตุชนกันโดยไม่พบผู้เสียชีวิตหรือผู้บาดเจ็บ และมีข้อมูลจากกล้องวงจรปิดที่เกิดเหตุถือว่าเพียงพอแล้วในการประกอบคดีและจำเป็นต้องเคลื่อนย้ายรถเพื่อความปลอดภัยของผู้ใช้ถนน

โดยภาพจากกล้องวงจรปิดที่ได้รับเป็นช่วงของการเกิดเหตุที่ส่งกันผ่านไลน์ พบว่าเกิดอุบัติเหตุเอง ไม่มีการเฉี่ยวชน พร้อมได้รับคำยืนยันจากกู้ภัยว่าไม่มีผู้บาดเจ็บ และหลักฐานที่มีความเป็นไปได้ว่าจะไม่มีผู้เสียชีวิต และตนเชื่อมั่นในชุดเจ้าหน้าที่ที่ไปตรวจสอบ เพราะเจ้าหน้าที่มีความละเอียดในระดับหนึ่งและมีความเป็นไปได้ที่ผู้บาดเจ็บอาจจะเดินทางไปโรงพยาบาลแล้ว จึงอนุญาตให้เคลื่อนย้ายรถออก

ขณะที่ พ.ต.อ. นพ. ปกรณ์ วะศินรัตน์ ผู้แทนสถาบันนิติเวชวิทยาศาสตร์ กล่าวว่า ผลการตรวจภายในเบื้องต้น พบเป็นภาวะการบาดเจ็บที่รุนแรงจากการฉีกขาดของขั้วหัวใจ จากตำราถือเป็นการบาดเจ็บที่รุนแรงและสามารถเสียชีวิตได้ภายในไม่กี่นาที ค่าเฉลี่ยการเสียชีวิตทันทีประมาณ 80 เปอร์เซ็นต์​ ส่วนอีก 20 เปอร์เซ็นต์​นั้นก็คือเป็นเคสของผู้ป่วยหนักที่ไม่สามารถเคลื่อนไหวหรือช่วยเหลือตัวเองได้และต้องการรักษาเร่งด่วนทางการแพทย์

และ นายธนศักดิ์ วงศ์ธนากิจเจริญ ผู้แทนกรมทางหลวง กล่าวว่า กรณีนี้กรมทางหลวงจะเข้าไปรับผิดชอบอย่างเต็มที่ ขณะนี้ได้มีการประสานงานกับลูกสาวของผู้เสียชีวิตในด้านของการจัดงานพิธีต่างๆจะจัดให้ดีที่สุด โดยเป็นเจ้าภาพในการจัดงานทั้ง 3 วัน และท่านอธิบดีได้มีการตั้งคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริง เพื่อที่จะสอบสวนข้อเท็จจริงทั้งหมด ขอให้ประชาชนมั่นใจว่าจะได้ความชัดเจนในทุกประเด็นแน่นอน

12 ส.ค. 2565
https://www.thainewsonline.co/news/social/838988