ผู้เขียน หัวข้อ: พ่อแม่ใจสลาย! ลูกไส้ติ่งแตก นอนรอ 2 วัน โดนคนไข้พิเศษแซงผ่าตัด สุดท้ายเสียชีวิต  (อ่าน 476 ครั้ง)

story

  • Staff
  • Hero Member
  • ****
  • กระทู้: 9721
    • ดูรายละเอียด
พ่อแม่ใจสลาย! ลูกปวดท้อง หมอบอกไส้ติ่งอักเสบ นอนรอ 2 วัน เข้าห้องผ่าตัด ก่อนเข็นออกมา เพราะโดนคนไข้พิเศษลัดคิว สุดท้ายไส้ติ่งแตกเสียชีวิต

เมื่อวันที่ 6 มิ.ย.65 ผู้สื่อข่าวได้รับการร้องเรียนจาก นายสมบูรณ์ กรมไธสง อายุ 42 ปี และนางน้ำฝน เทพพิทักษ์ อายุ 35 ปี ชาว อ.พุทไธสง จ.บุรีรัมย์ 2 สามีภรรยา ซึ่งสูญเสีย ด.ช.เอ หรือน้องต้นน้ำ อายุ 12 ปี นักเรียนชั้นม.1ลูกชายคนเดียว สาเหตุจากไส้ติ่งแตกและติดเชื้อ

นายสมบูรณ์ เล่าว่า เมื่อช่วงบ่ายวันที่ 29 พ.ค.ที่ผ่านมา น้องต้นน้ำมีอาการปวดท้องตลอดเวลา ตนจึงพาลูกไปที่โรงพยาบาลแห่งหนึ่ง ซึ่งเป็นโรงพยาบาลประจำอำเภอ เมื่อหมอตรวจดูอาการพบว่าเป็นไส้ติ่ง จึงส่งตัวลูกชายไปผ่าตัดที่โรงพยาบาลในจ.บุรีรัมย์ โดยเมื่อเวลาเที่ยงคืน เจ้าหน้าที่เวรเปลเข็นลูกชายเข้าไปในห้องผ่าตัด โดยที่ตนนั่งรออยู่ด้านนอก

สักพักเวรเปลคนดังกล่าวเข็นลูกชายออกมา ตนก็แปลกใจจึงเข้าไปสอบถามเจ้าหน้าที่เวรเปล ได้รับคำตอบว่าหมอมีคนไข้พิเศษ 2 คน โดยจะผ่าตัดคนไข้พิเศษก่อน และนำลูกชายกลับมานอนรอ

จนต่อมาคืนวันที่ 31 พ.ค. น้องต้นน้ำเสียชีวิต โดยหมอระบุว่าไส้ติ่งแตกและติดเชื้อ ทำให้ตนคาใจว่า ลูกชายส่งตัวไปรักษาที่โรงพยาบาลถึง 2 วัน หมอกลับไม่เร่งผ่าตัดให้ จนทำให้น้องต้นน้ำ ต้องเสียชีวิตลง ขณะนี้ยังไม่ได้รับคำตอบจากทางโรงพยาบาลแต่อย่างใด

6 มิ.ย. 2565
https://www.khaosod.co.th/around-thailand/news_7095157

story

  • Staff
  • Hero Member
  • ****
  • กระทู้: 9721
    • ดูรายละเอียด
รพ.เตรียมแถลงปม ด.ช.วัย 12 ปี ไส้ติ่งแตกดับบ่ายนี้ แม่-น้าสาว ยังคาใจถึงสาเหตุที่ไม่ยอมผ่าตัด ปล่อยให้เด็กทรมานถึง 2 วัน ช้ำใจมีลูกเพียงคนเดียว

กรณีนายสมบูรณ์ กรมไธสง อายุ 42 ปี และนางน้ำฝน เทพพิทักษ์ อายุ 35 ปี ชาว อ.พุทไธสง จ.บุรีรัมย์ 2สามีภรรยา ร้องเรียนผ่านสื่อว่า ไม่ได้รับความเป็นธรรม หลังจากไม่ได้รับคำชี้แจงจากโรงพยาบาลในจ.บุรีรัมย์ ถึงสาเหตุที่ไม่ยอมผ่าตัดไส้ติ่งให้ ด.ช.เอ หรือน้องต้นน้ำ อายุ 12 ปี นักเรียนชั้นม.1 ลูกชายคนเดียว จนทำให้ลูกเสียชีวิต ตามที่เสนอข่าวไปนั้น อ่านข่าว พ่อแม่ใจสลาย! ลูกไส้ติ่งแตก นอนรอ 2 วัน โดนคนไข้พิเศษแซงผ่าตัด สุดท้ายเสียชีวิต

ความคืบหน้า เมื่อวันที่ 6 มิ.ย.65 ผู้สื่อข่าวเดินทางไปที่โรงพยาบาลศูนย์บุรีรัมย์ เพื่อต้องการสอบถามข้อเท็จจริงกรณีที่เกิดขึ้น ปรากฏว่าผู้อำนวยการโรงพยาบาลศูนย์บุรีรัมย์ ไปประชุมสัมมนาที่ต่างจังหวัด จะกลับมาถึงและเตรียมแถลงถึงข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นบ่ายวันนี้

ขณะที่ครอบครัวของ น้องต้นน้ำ ที่อ.พุทไธสง ยังทำใจไม่ได้กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น หลังจากฌาปนกิจศพน้องต้นน้ำไปเมื่อวันที่ 4 มิ.ย.ที่ผ่านมา โดยเฉพาะคำตอบจากโรงพยาบาลที่ครอบครัวทวงถามมาโดยตลอด

นางน้ำฝน แม่น้องต้นน้ำ กล่าวว่า ตอนนี้ยังติดใจที่หมอไม่ผ่าให้ลูกชาย ทำไมต้องให้ปล่อยให้นอนรอถึง 2 วัน เพราะอะไร ทำไมหมอไม่อธิบาย ทำไมถึงเงียบ ทำไมไม่ติดต่อมาหาผู้ปกครองเลย ทางเราต้องติดต่อไปถามเอง อยากได้คำตอบที่เราเข้าใจมากกว่านี้หน่อย การสูญเสียลูกไม่ใช่เรื่องเล็ก เพราะเรามีเขาแค่คนเดียว

ด้าน น.ส.ปราณี ดาษดา อายุ 24 ปี น้าสาวน้องต้นน้ำ กล่าวว่า ตั้งแต่น้องเสียชีวิตเมื่อวันที่ 31 พ.ค.ที่ผ่านมา แล้วฌาปนกิจศพวันที่ 4 มิ.ย. มาจนถึงวันนี้ มีเพียงหมออ้างว่าเป็นหมอ โดยพ่อของน้องต้นน้ำเล่าว่า เมื่อช่วงบ่ายวันที่ 29 พ.ค. น้องต้นน้ำมีอาการปวดท้องตลอดเวลา ตนจึงพาลูกไปที่โรงพยาบาลประจำอำเภอ

เมื่อหมออาวุโส แผนกศัลยกรรมโทรมาเพียงคนเดียว ตนถามไปถึงเหตุผลที่ไม่ยอมผ่าหลาน หมอในสายบอกว่า "ญาติอย่าเพิ่งใจร้อน" ตอนนี้คุณพ่อของหมอเจ้าของไข้ที่จะผ่าตัด เสียชีวิตประกอบกับติดวันหยุดเสาร์-อาทิตย์ ไม่สามารถไปดูเอกสารได้

"ส่วนตัวยังไม่เชื่อคำอธิบาย เพราะน้องเสียชีวิตตั้งแต่วันจันทร์ ที่ 30 พ.ค.สิ่งที่ติดใจคือทำไมเข็นน้องเข้าไปผ่าแล้ว จึงเข็นออกมาคืน จนถึงขณะนี้ยังไม่มีคำตอบ ส่วนงานศพน้องไม่มีเจ้าหน้าที่โรงพยาบาลคนใดมาร่วมงานแม้แต่คนเดียว" น.ส.ปราณี กล่าว

ขณะที่นางเรณู กรมไธสง อายุ 86 ปี ย่าน้องต้นน้ำ บอกว่า ตอนนี้รู้สึกเหงาไม่เห็นหลานมาพูดคุยด้วย คิดถึงทุกครั้งเวลากินข่าว เพราะก่อนไปโรงเรียนทุกวัน หลานจะหาข้าวมาให้กินทุกครั้ง

สำหรับความคืบหน้าทางโรงพยาบาล ผู้สื่อข่าวได้รับการประสานมาว่า ในช่วงบ่ายวันนี้ นายแพทย์รักเกียรติ ประสงค์ดี รอง ผอ.ฝ่ายการแพทย์โรงพยาบาลศูนย์บุรีรัมย์ จะมาเป็นคนแถลงข้อเท็จจริงทั้งหมดที่เกิดขึ้น

6 มิย 2565
ข่าวสด

story

  • Staff
  • Hero Member
  • ****
  • กระทู้: 9721
    • ดูรายละเอียด
เมื่อวันที่ 6 มิ.ย.ที่ตึกเฉลิมพระเกียรติ ชั้น 8 โรงพยาบาลศูนย์บุรีรัมย์ นายแพทย์รักเกียรติ ประสงค์ดี รอง ผอ.ฝ่ายการแพทย์โรงพยาบาลศูนย์บุรีรัมย์ ได้รับมอบหมายจาก นายแพทย์ภูวดล กิตติวัฒนาสาร ผู้อำนวยการโรงพยาบาลบุรีรัมย์ แถลงข่าวกรณี ด.ช.กิตติศักดิ์ หรือ น้องต้นน้ำ กรมไธสง อายุ 12 ขวบ เสียชีวิตหลังผ่าตัดไส้ติ่ง ทำให้พ่อแม่เด็กคือนายสมบูรณ์ กรมไธสง อายุ 42 ปี และนางน้ำฝน เทพพิทักษ์ อายุ 35 ปี สองสามีภรรยา ออกมาร้องเรียนผ่านสื่อ ว่าไม่ได้รับความเป็นธรรม โดยระบุว่า หมอปล่อยเวลาล่วงเลยนาน 2 วันหลังเข้าทำการรักษา แต่หมอไม่ยอมผ่าตัด ทั้งที่โรงพยาบาลต้นทางระบุชัดว่าไส้ติ่งอักเสบ

สำหรับเหตุการณ์ดังกล่าว มีการวิพากษ์วิจารณ์และตั้งข้อสงสัยถึงแนวทางการรักษาของหมอ โดยเฉพาะคำบอกเล่าของพ่อ ที่บอกว่าพนักงานเปล ระบุมีเคสพิเศษ 2 รายตัดหน้าผ่าตัดไปก่อน

นายแพทย์รักเกียรติ กล่าวว่า จากการตรวจสอบข้อมูลพบว่า น้องต้นน้ำ มีอาการปวดท้องน้อยขวามาประมาณ 1 วัน เข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลพุทไธสง หมอระบุเป็นไส้ติ่งอักเสบ แล้วส่งต่อมารักษาที่โรงพยาบาลบุรีรัมย์ แพทย์ทำการตรวจประเมินซ้ำวินิจฉัยว่าไส้ติ่งอักเสบ เช่นเดียวกัน โดยได้เซตเวลาผ่าตัดไว้ที่ 17.00 น. วันที่ 29 พ.ค. ต่อมาพบว่าอาการของน้องเปลี่ยนแปลง มีหัวใจเต้นแรงมากขึ้น หมอได้เพิ่มน้ำเกลือ ประกอบผู้ป่วยมีความสูง 163 น้ำหนัก 83 กก. อยู่ในสภาวะน้ำหนักมาก ผู้ป่วยเข้าห้องผ่าตัด 23.30 น. แต่ในขณะนั้นห้องผ่าตัดซึ่งมี 3 ห้อง มีคนไข้รอผ่าตัดอยู่ทั้ง 3 ห้อง ห้องแรกผ่าตัดไส้เลื่อน และมีลำไส้เน่า แพทย์ต้องการตัดต่อลำไส้ จากนั้นต้องผ่าตัดคนไข้ที่มารอก่อนหน้านี้ เป็นผู้ป่วยช่องท้องอักเสบอย่างรุนแรง ผู้ป่วยรายที่ 2 ผ่าตัดเสร็จประมาณ ตี 2 ของวันที่ 30 พ.ค. ส่วนห้องผ่าตัดอีกห้อง เป็นคนไข้อุบัติเหตุกระดูกโผล่ มีแผลเปิด หมอต้องเร่งผ่าตัด มี 2 ราย อีกรายหนึ่งช่วงใกล้จะถึงเที่ยงคืน ซึ่งเป็นห้องผ่าตัดอีกห้อง ต้องผ่าตัดเด็กในครรภ์ มีสภาวะหัวใจเต้นเร็ว แต่การประสานงานของหมออาจไม่ตรงกัน ทำให้พนักงานเปล เข็นน้องต้นน้ำเข้าไปห้องผ่าตัด

จากการประเมินของหมอ ไม่ทราบได้ว่า การผ่าตัดเคสก่อนหน้านี้จะเสร็จสิ้นตอนไหน หรือจะใช้เวลานานแค่ไหน ไม่สามารถกำหนดเวลาได้ ถ้าจะให้เด็กรออยู่ในห้องผ่าตัดอาจจะไม่ปลอดภัย จึงแจ้งไปยังหอผู้ป่วยขอส่งตัวคนไข้คือน้องต้นน้ำกลับไปที่ห้องก่อน

ประเด็นที่ผู้ปกครองน้องติดใจว่า "มีเคสพิเศษ" แทรกคิวของน้องหรือไม่ จากการสอบสวนแล้วไม่มีเคสพิเศษใดๆในโรงพยาบาล ทุกเคสสามารถที่จะมีหลักฐานประกอบและเป็นเคสที่มีความเร่งด่วน และมารับบริการก่อนหน้านี้ ต่อมาแพทย์พบว่าน้องมีอาการหายใจเร็วขึ้น และตรวจพบว่ามีภาวะติดเชื้อในกระแสเลือด ผลจากการผ่าตัด พบว่าพบไส้ติ่งแตก มีหนองอยู่โดยรอบ ประมาณ 100 ซีซี การผ่าตัดเสร็จเวลาประมาณ 14.00 น. ใช้เวลาในการผ่าตัด 45 นาที เนื่องจากสภาพก่อนผ่าตัดมีภาวะแย่ลง และมีการติดเชื้อในกระแสเลือดจึงส่งเข้ารักษาที่ห้องไอซียู และหัวใจน้องหยุดเต้นเมื่อเวลา 02.25 น. ของวันที่ 31 พ.ค.

ทั้งนี้โรงพยาบาลต้องขอแสดงความเสียใจกับครอบครัวของน้องก่อนเป็นอันดับแรก และโรงพยาบาลยอมรับว่า เราที่รักษาล่าช้า เหตุการณ์เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 31 พ.ค. ทางคณะทีมรักษารวมถึงคณะการเยียวยา และการให้ข้อมูล การเยี่ยมบ้านคนไข้ ถือว่าล่าช้าไปมาก หลังจากนี้จะต้องไปขอขมาผู้ปกครองเด็กในเร็ว ๆ นี้ ส่วนการเยียวยาจะต้องเข้าไปสอบสวนในเชิงลึก ว่าจะสามารถช่วยเหลือครอบครัวเด็กตาม พ.ร.บ.คุ้มครองผู้เสียหาย จากการรับบริการทางสาธารณสุขได้มากน้อยแค่ไหน

6 มิ.ย.2564
เดลินิวส์

story

  • Staff
  • Hero Member
  • ****
  • กระทู้: 9721
    • ดูรายละเอียด
ผอ.รพ.บุรีรัมย์ สั่งจัดทีมลงพื้นที่ แจงปมทำเด็ก 12 ปี ไส้ติ่งแตก เสียชีวิต ยอมรับ เกิดจากความบกพร่อง เร่งเยียวยา ยืนยัน ไม่มีคนไข้วีไอพี

จากกรณี นายสมบูรณ์ กรมไธสง อายุ 42 ปี ชาว ต.พุทไธสง อ.พุทไธสง จ.บุรีรัมย์ ร้องขอความเป็นธรรม หลังจากลูกชาย อายุ 12 ปี ซึ่งปัจจุบันเรียนอยู่ชั้น ม.1 เสียชีวิตจากอาการไส้ติ่งแตกและติดเชื้อ ขณะถูกส่งตัวไปผ่าตัดเพื่อรักษาที่โรงพยาบาลแห่งหนึ่งในพื้นที่ จ.บุรีรัมย์ ซึ่งผู้เป็นพ่อติดใจว่าหมอผ่าตัดล่าช้าทำให้ลูกชายเสียชีวิต ตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น

ล่าสุดวันที่ 7 มิ.ย.2565 นพ.ภูวดล กิตติวัฒนาสาร ผู้อำนวยการโรงพยาบาลบุรีรัมย์ ได้สั่งการให้โรงพยาบาลจัดทีมเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง ลงพื้นที่ชี้แจงทำความเข้าใจกับครอบครัวของผู้เสียชีวิตที่บ้าน พร้อมทั้งให้อำนวยความสะดวกเรื่องเอกสารที่จะขอรับการเยียวยาตามสิทธิ์ ซึ่งยอมรับว่า กรณีที่เกิดขึ้นเป็นเพราะความบกพร่องของระบบการรักษาของโรงพยาบาลเอง ทำให้เด็กได้รับการผ่าตัดล่าช้า จนมีอาการหนักและเสียชีวิตในที่สุด

นพ.ภูวดล กล่าวต่อว่า ซึ่งทางโรงพยาบาลก็เสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น แต่ก็ถือเป็นบทเรียนที่โรงพยาบาลจะต้องนำมาปรับปรุงแก้ไขระบบการให้บริการ เพื่อไม่ให้เกิดความบกพร่องผิดพลาดขึ้นซ้ำอีก โดยจะเรียกประชุมหารือกับคณะผู้บริหาร แพทย์ พยาบาล และทีมผ่าตัด เพื่อปรับระบบการให้บริการโดยเฉพาะเคสผ่าตัดที่เป็นความจำเป็นเร่งด่วน ซึ่งปัจจุบันทีมผ่าตัดมีเพียงพอแต่อาจจะบกพร่องในเรื่องการจัดระบบมากกว่า และยืนยันว่าผู้ป่วยทุกคนมีสิทธิ์เข้าถึงการบริการที่เท่าเทียมไม่มีคนไข้วีไอพีอย่างแน่นอน อ่านข่าว : หมอแถลง ยอมรับผิด ผ่าตัดล่าช้า ทำเด็ก 12 ไส้ติ่งแตกเสียชีวิต ยันชัดไม่มีวีไอพี

ด้าน นายพิสิทธิ์ ตุนพอน ผู้ใหญ่บ้านหนองบก ต.พุทไธสง กล่าวว่า ไม่มีใครคาดคิดว่าจะเกิดเหตุการณ์นี้ขึ้นกับผู้ตาย เพราะแค่ปวดท้องไส้ติ่งก็ไม่น่าจะถึงขั้นเสียชีวิต อีกทั้งน้องอายุยังน้อย และครอบครัวนี้ก็น่าสงสารอยู่แล้ว เพราะมีกันอยู่แค่ 3 คน คือ ย่าที่อายุมากกว่า 80 ปี ลูกชายที่เป็นพ่อของน้อง และผู้ตาย ซึ่งเวลาที่พ่อออกไปทำงานผู้ตายจะเป็นคนคอยดูแลหาข้าวหาน้ำให้ยายกิน น้องเป็นเด็กนิสัยดีมาก หากเป็นไปได้ก็อยากให้ภาครัฐเข้ามาดูแลช่วยเหลือด้วย

7 มิย 2565
ข่าวสด

story

  • Staff
  • Hero Member
  • ****
  • กระทู้: 9721
    • ดูรายละเอียด
ศูนย์ข่าวศรีราชา - พ่อแม่ใจสลาย! ลูกปวดท้องเข้ารักษาตัวที่โรงพยาบาลใน อ.พานทอง จ.ชลบุรี แต่กลับต้องนอนรอหมอนานเพราะติดเที่ยง ซ้ำวินิจฉัยโรคไม่ขาด สุดท้ายไส้ติ่งแตกตาย ประกาศร้องขอความเป็นธรรม

จากกรณีผู้ที่ใช้เฟซบุ๊กชื่อ Yui Kusuma ได้โพสต์ภาพลูกชายวัย 12 ปี พร้อมระบุข้อความ “นอนรอหมอ ติดเที่ยงอีก ท้องก็ปวด ไม่อยากมาเลย” และจากนั้นอีกเพียง 1 วัน ผู้ใช้เฟซบุ๊กรายดังกล่าวได้โพสต์ภาพลูกชายพร้อมข้อความสุดสะเทือนใจ “แม่ขอให้ไปสู่สวรรค์ชั้นฟ้าไปสู่ภพภูมิที่ดีๆ ทำไมจากแม่ไปเร็วจังลูก ดวงใจน้อยๆ ของแม่ ขอบคุณที่เกิดมาเป็นลูกแม่ ขอบคุณที่ดูแลแม่ ขอบคุณที่ ผ่านอุปสรรคต่างๆ มากับแม่ หัวใจแม่สลาย ความหวังของแม่มันพังแล้วลูก”

โดยหลังโพสต์ดังกล่าวถูกเผยแพร่ลงในโลกออนไลน์ ปรากฏว่า มีชาวเน็ตจำนวนมากต่างพากันเข้ามาแสดงความเห็นใจ และวิพากษ์วิจารณ์ถึงระบบสาธารณสุขไทยอย่างดุเดือดนั้น


วันนี้ (24 ธ.ค.) ผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปยังวัดแหลมแค อ.พานทอง จ.ชลบุรี ซึ่งเป็นที่ตั้งบำเพ็ญกุศลศพ ด.ช.บุญวีร์ ใจเย็น อายุ 12 ปี โดยพบว่ามีบรรดาญาติพี่น้อง รวมทั้ง นายชัยเดช สว่างวงณ์ อายุ 41 ปี และ น.ส.กุสุมา ใจเย็น อายุ 33 ปี พ่อและแม่ที่ยังอยู่ในอาการเสียใจอยากหนัก

ขณะที่ นายชัยเดช และ น.ส.กุสุมา กล่าวว่าลูกชายได้เข้ารับการรักษาตัวที่โรงพยาบาลในพื้นที่เมื่อวันที่ 21 ธ.ค.ที่ผ่านมา จากอาการปวดท้อง แต่ในวันที่เดินทางไปถึงโรงพยาบาลเป็นช่วงพักเที่ยงจึงต้องนอนรอหมออยู่นาน ประกอบกับการวินิจฉัยโรคของหมอโรงพยาบาลดังกล่าวไม่ถูกต้อง จึงทำให้ลูกชายไส้ติ่งแตกตาย

โดยใบมรณบัตรที่ออกเมื่่อวันที่ 23 ธ.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งแพทย์ประจำสถาบันนิติเวชวิทยา โรงพยาบาลตำรวจ ที่ได้ทำการตรวจพิสูจน์ศพ ระบุว่า เสียชีวิตจากอาการไส้ติ่งอักเสบ และแตกทะลุ มีอาการอักเสบในช่องท้องอย่างรุนแรง


"รู้สึกเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นและไม่คิดว่าจะต้องมาเสียลูกชายจากการไส้ติ่งแตก จึงขอให้โรงพยาบาลออกมารับผิดชอบกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เนื่องจากหลังลูกชายเสียชีวิตมีเพียงตัวแทนของโรงพยาบาลที่เอาพวงหรีดเป็นพัดลมมาแสดงความเสียใจในวันสวดศพคืนแรกเท่านั้น"


ทั้งนี้ ทางครอบครัวอยู่ระหว่างการปรึกษากันว่าจะดำเนินการต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างไร เพียงแต่ขอให้งานศพผ่านพ้นไปก่อน

24 ธ.ค. 2564  ผู้จัดการออนไลน์

story

  • Staff
  • Hero Member
  • ****
  • กระทู้: 9721
    • ดูรายละเอียด
ข่าวอีกแล้ว! ดับเพราะรอรักษาอาการปวดท้องทำไส้ติ่งแตก ล่าสุดเป็นเด็กชายวัย 10 ขวบ ใน จ.ปราจีนบุรี

สระแก้ว - โรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราชสระแก้ว ยอมรับข้อบกพร่องในกระบวนการดูแลคนไข้ หลังทำเด็กชายวัย 10 ขบดับ เหตุไม่ได้รับการผ่าตัดทันท่วงทีจนไส้ติ่งแตก พร้อมเยียวยาตามมาตรา 41 แม่วอนขอเป็นกรณีสุดท้าย

จากกรณีที่ผู้สื่อข่าวได้รับการร้องเรียนจากครอบครัวของ ด.ช.สงกรานต์ หรือน้องกานต์ สีทอง อายุ 10 ขวบ ซึ่งพักอาศัยอยู่ใน อ.กบินทร์บุรี จ.ปราจีนบุรี เขตรอยต่อ ต.ศาลาลำดวน อ.เมืองสระแก้ว เพื่อขอความเป็นธรรมจากโรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราชสระแก้ว

หลังลูกชายมีอาการปวดท้องอย่างหนักช่วงคืนวันที่ 3 มี.ค.ที่ผ่านมา จนต้องนำตัวส่งรักษายังโรงพยาบาล และแพทย์วินิจฉัยว่าสาเหตุมาจากไส้ติ่งอักเสบ แต่ไม่ได้รับการผ่าตัดอย่างทันท่วงทีจนเป็นเหตุให้ไส้ติ่งแตก และเสียชีวิตนั้น

ล่าสุด เมื่อเวลา 16.00 น.วันนี้ (7 มี.ค.) นายแพทย์สุรสิทธิ์ จิตรพิทักษ์เลิศ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราชสระแก้ว ได้มอบหมายให้แพทย์หญิงกนกพร ทองเลื่อน รองผู้อำนวยการฝ่ายการแพทย์ และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องกับการดูแล น้องกานต์ ระหว่างคืนวันที่ 3-4 มี.ค.เข้าหารือที่ห้องประชุมราชพฤกษ์ ชั้น 3 ตึกผู้ป่วยนอก

โดยมี นางสายหยุด สีทอง แม่ของ ด.ช.สงกรานต์ พร้อมด้วยญาติและทนายความ แต่ไม่อนุญาตให้ผู้สื่อข่าวเข้าร่วม

ขณะที่แพทย์หญิงกนกพร เปิดเผยหลังการประชุมว่าทีมแพทย์มีความเสียใจต่อการสูญเสียที่เกิดขึ้น และทางโรงพยาบาลรับปากว่าจะแก้ไขปัญหาด้านการรักษาพยาบาลเพื่อไม่ให้เกิดเหตุการณ์ในลักษณะดังกล่าวขึ้นอีก นอกจากนั้น ยังได้เตรียมเงินสดจำนวน 20,000 บาท เพื่อช่วยเหลือในการจัดงานศพ

“ส่วนการเยียวยาหลังจากนี้ทางโรงพยาบาลจะดำเนินการตามมาตรา 41 พ.ร.บ.หลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) กรณีมีคนไข้เสียชีวิตจากกระบวนการรักษา ซึ่งจะได้รับเงินเยียวยาสูงสุดไม่เกิน 400,000 บาทตามกฎหมาย”

แพทย์หญิงกนกพร ยังเผยอีกว่า จากการพูดคุยร่วมกับญาติของผู้เสียชีวิต ทางโรงพยาบาลได้ทบทวนกระบวนการรักษากับผู้ที่เกี่ยวข้องกับการรักษาทั้งหมดว่ามีข้อบกพร่องในจุดใด ซึ่งญาติได้ติดใจสงสัยในกระบวนการรักษา แต่เมื่อพูดคุยทำความเข้าใจกับญาติว่ากระบวนการรักษาเป็นอย่างไรจึงมีความเข้าใจ

"ขณะนี้เราพบกระบวนการให้บริการที่ทำให้เกิดการสูญเสีย เราต้องมาทบทวนโดยมีการตั้งกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงและกระบวนการรักษาว่าได้มาตรฐานหรือไม่ซึ่งมีความจำเป็นจะต้องปรับปรุง" แพทย์หญิงกนกพร กล่าว

ด้าน นางสายหยุด สีทอง ได้เรียกร้องให้โรงพยาบาลมีการพัฒนาบุคลากรในการดูแลคนไข้ที่ฉับไวให้มากยิ่งขึ้นเพราะไม่ต้องการให้เกิดการสูญเสียเช่นลูกของตนเองอีก

7 มี.ค. 2565  ผู้จัดการออนไลน์
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 27 มิถุนายน 2022, 13:25:58 โดย story »