ผู้เขียน หัวข้อ: สลด ปล่อยรอคลอดนาน สุดท้ายเสียชีวิตทั้งกลม จ.สระบุรี  (อ่าน 329 ครั้ง)

story

  • Staff
  • Hero Member
  • ****
  • กระทู้: 9745
    • ดูรายละเอียด
เช้านี้ที่หมอชิต - เกิดเหตุสลด เมื่อหญิงท้องแก่ ไปรอคลอดที่โรงพยาบาล แต่แพทย์กลับให้รอนาน ระบุว่า เด็กไม่มีปฏิกิริยาตอบรับให้ไปทานอาหารเพื่อกระตุ้นเด็ก แต่สุดท้ายเด็กเสียชีวิตภายในครรภ์ แต่หมอก็ยังไม่ทำการผ่าเด็กออกมายังให้แม่รอ รอจนเสียชีวิตตามลูกในครรภ์ ขณะที่ญาติติดใจกระบวนการของแพทย์เหตุใดปล่อยให้คนไข้รอนานขนาดนี้

นางสมใจ ปานนาศรี อายุ 55 ปี แม่สามีของ นางสาวกรรณิกา รัตกูล อายุ 30ปี ผู้เสียชีวิต มาแจ้งความที่ สภ.เมืองสระบุรี พร้อมขอให้ตำรวจทำเรื่องส่งศพผู้เสียชีวิตไปชันสูตรที่โรงพยาบาลธรรมศาสตร์เฉลิมพระเกียรติ จังหวัดปทุมธานี เพื่อหาสาเหตุการเสียชีวิต หลังจากที่ไปคลอดลูกที่โรงพยาบาลในจังหวัดสระบุรี แล้วเกิดเสียชีวิตทั้งแม่และเด็กในครรภ์ ทั้งที่ยังไม่ได้ดำเนินการคลอด

นางสมใจ เล่าว่า ลูกสะใภ้ (ผู้เสียชีวิต) ได้ตั้งครรภ์ลูกคนที่ 3 และมีกำหนดคลอดเมื่อวันที่ 8 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา แต่เมื่อเธอไปตามกำหนดแพทย์ในครั้งนั้น แพทย์บอกว่า ปากมดลูกของผู้เสียชีวิตยังไม่เปิด จึงให้กับไปพักที่บ้านและนัดมาใหม่อีกครั้งในวันที่ 14 กุมภาพันธ์ จนกระทั่งวันนัด เมื่อมาถึงโรงพยาบาล ทางแพทย์ก็ทำการตรวจครรภ์ พบว่าเด็กในท้องไม่ดิ้น จึงให้เธอไปกินข้าวกินอาหาร เพื่อเป็นการกระตุ้นเด็กในท้อง เธอก็ไปกินข้าวตามแพทย์บอก จากนั้น ก็มาตรวจซ้ำอีกครั้งด้วยการอัลตร้าซาวด์ ถึง 3 ครั้ง ก็พบว่าเด็กในครรภ์ไม่มีปฏิกิริยาตอบสนอง แพทย์จึงแจ้งว่า ทารกที่อยู่ในครรภ์เสียชีวิตแล้ว ทำให้ตอนนั้นเธอตกใจมาก จึงมาบอกญาติที่รอ ซึ่งทุกคนก็ตกใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เพราะที่ผ่านมาการฝากครรภ์นั้นก็เป็นไปตามปกติไม่ได้มีปัญหาอะไร จากนั้น จึงขอร้องให้แพทย์ทำการผ่านำเด็กออกมา เพื่อป้องกันอันตรายแก่แม่เด็ก และจะได้นำเด็กไปชันสูตรเพื่อหาสาเหตุการเสียชีวิต แต่แพทย์ก็ไม่ได้รีบดำเนินการผ่าตัดให้ ยังคงให้เธอนอนรอ ตั้งแต่ช่วงเช้า จนกระทั่ง 15.00 น. ซึ่งแพทย์ได้บอกกลับมาทางญาติว่า "เด็กที่อยู่ในท้องแม่ไม่เน่าอยู่ได้ 48 ชั่วโมง" และแพทย์ก็ให้ลูกสะใภ้เธอรอจนถึงเวลาเที่ยงคืนของอีกวัน (เข้าวันที่ 15 ก.พ.) ลูกสะใภ้เริ่มมีอาการเจ็บท้องและปากมดลูกเริ่มเปิดแล้ว และเสียชีวิตในเวลาต่อมา ทำให้ทางญาติและครอบครัวนั้นเสียใจเป็นอย่างมาก ที่ต้องสูญเสียทั้งลูกสะใภ้และหลานไปพร้อมกัน จากนั้น เธอจึงไปสอบถามสาเหตุกับทางโรงพยาบาลก็ไม่มีคำตอบให้และไม่ได้แสดงความรับผิดชอบกลับมา ทั้งที่ลูกคนแรกและคนที่สองก็ได้มาคลอดที่โรงพยาบาลนี้ แต่ไม่ได้มีปัญหาอะไร และไม่ได้รอนานขนาดนี้ แต่ครั้งนี้นานเกินไป

16 ก.พ. 2565
https://news.ch7.com/detail/550654
.................................

ครอบครัวคาใจ 2 แม่ลูกตายทั้งกลมหลังทำคลอด รพ.ดังสระบุรี ยืนยันจะเรียกร้องขอความเป็นธรรม

ครอบครัวคาใจ 2 แม่ลูกตายทั้งกลมหลังทำคลอด รพ.ดังสระบุรี ยืนยันจะเรียกร้องขอความเป็นธรรมโดยยังไม่ยอมเผาจนกว่าจะได้รับคำตอบจาก รพ. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง

จากกรณีที่ นายบัณฑิต ปานนาศรี สามี และนางสายใจ ปานนาศรี แม่ และญาติๆ พากันร้องสื่อว่า 2 แม่ลูกดับหลังทำคลอด รพ.ดังใน จ.สระบุรี โดย น.ส.กรรณิกา รัตกุล อายุ 31 ปี ได้มาทำคลอด จากนั้นลูกน้อยได้เสียชีวิตภายในครรภ์ โดยหมอไม่ยอมผ่าเด็กออก ปล่อยให้แม่นั่งรอจนแม่เสียชีวิต ญาติพากันคาใจสาเหตุการเสียชีวิต จึงได้นำแม่และเด็กผ่าพิสูจน์ที่ศูนย์ธรรมศาสตร์รังสิต จากนั้นได้นำศพ 2 แม่ลูกมาตั้งบำเพ็ญกุศลศพที่บ้านเลขที่ 43/1 ม.6 ต.หนองปลาไหล อ.เมือง จ.สระบุรี เป็นเวลา 4 คืน

ล่าสุด วันนี้ (20 ก.พ.) ผู้สื่อข่าวได้ลงพื้นที่ไปยังวัดโนนสภาราม ม.2 ต.กุดนกเปล้า อ.เมือง จ.สระบุรี ซึ่งจัดพิธีฌาปนกิจศพ น.ส.กรรณิกา รัตกุล และลูกน้อยที่เสียชีวิตตั้งแต่อยู่ในครรภ์ ซึ่งภายในงานมีญาติพี่น้อง มาร่วมงานกันเป็นจำนวนมาก พร้อมด้วย นายวิเชียร ระดมสุทธิศาล รองผู้อำนวยการโรงพยาบาลสระบุรี พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่จากโรงพยาบาลสระบุรี จากนั้นเวลา 16.00 น.จึงได้เริ่มพิธีทางศาสนา เมื่อเสร็จพิธีทางญาติได้นำศพของ 2 แม่ลูกเก็บไว้เพื่อที่จะเรียกร้องความเป็นธรรมให้ 2 แม่ลูกที่เสียชีวิตในเหตุการณ์นี้

นางสายใจ ปานนาศรี แม่สามีเผยว่า วันนี้ตนได้นำศพของลูกสะใภ้มาทำพิธีทางศาสนา จากนั้นจะนำศพบรรจุ และเก็บไว้ก่อน เนื่องจากว่าเรื่องการเยียวยาทาง รพ. หรือหน่วยงานต่างๆ ยังไม่ได้เข้ามารับผิดชอบกับเรื่องที่เกิดขึ้น มีเพียง รพ.สระบุรี ที่เข้ามาฟังสวดพระอภิธรรม และร่วมเป็นเจ้าภาพในคืนที่ผ่านมา พร้อมกับร่วมแสดงความเสียใจ ในส่วนที่ตนเอง และลูกชายได้ไปร้องที่รัฐสภานั้น เพื่อที่จะเร่งรัดผลการผ่าพิสูจน์ของลูกสะใภ้ เนื่องจากผลการผ่าพิสูจน์นั้นยังไม่ออกมา ต้องรอผล 15 วัน ถึง 2 เดือน จึงจะทราบ ตนจึงได้ไปยื่นเอกสาร

ส่วนสาเหตุที่เก็บศพไว้ก่อนนั้น สิ่งที่ต้องการ คือ อยากทราบสาเหตุการเสียชีวิตของลูกสะใภ้ และหลาน เรื่องเวชระเบียง ซึ่งทาง รพ.นำมาให้แล้ว เรื่องการเยียวยา การดูแล เราต้องการทราบว่า หลานของตนเสียชีวิตเพราะอะไร ซึ่งยังไม่มีใครให้คำตอบได้ แม้กระทั่งตัวหมอเองยังไม่ได้เข้ามาชี้แจง ซึ่งในใบแจ้งตายลงไว้ว่ายังไม่ทราบสาเหตุการเสียชีวิต ทำให้ตนเองสงสัย โดยหลังจากเสร็จงานในวันนี้ถ้าไม่ได้รับความเป็นธรรม ตนเองและลูกชายจะเดินหน้าต่อ ซึ่งอาจต้องนำโลงศพลูกสะใภ้ และหลานไปตั้งหน้า รพ.สระบุรี เพื่อแจ้งให้เราทราบถึงสาเหตุการเสียชีวิตที่แท้จริง

20 ก.พ. 2565  ผู้จัดการออนไลน์

story

  • Staff
  • Hero Member
  • ****
  • กระทู้: 9745
    • ดูรายละเอียด
เผยผลชันสูตร สาวตายทั้งกลม คาใจ รพ.ปล่อยนั่งรอจนสิ้นใจ อยากรู้เรื่องซี่โครงหัก ญาติจ่อฟ้อง 10 ล้าน ด้าน รพ.โร่แจง ทำไปตามกระบวนการ

จากกรณีเมื่อวันที่ 15 ก.พ.ที่ผ่านมา นายบัณฑิต ปานนาศรี และ นางสายใจ ปานนาศรี รวมทั้งญาติๆ พากันร้องสื่อมวลชนว่า 2 แม่ลูกดับหลังทำคลอด รพ.ดัง ใน จ.สระบุรี โดย น.ส.กรรณิกา รัตกุล อายุ 31 ปี ได้มาทำคลอด จากนั้นลูกน้อยได้เสียชีวิตภายในครรภ์ โดยหมอไม่ยอมผ่าเด็กออก ปล่อยให้แม่นั่งรอจนเสียชีวิต ญาติๆ พากันคาใจถึงสาเหตุ จึงได้นำแม่และเด็กส่งชันสูตร

ล่าสุดวันที่ 25 เม.ย.65 ที่ ร.พ.สระบุรี นางสายใจ อดีตประธานสภา อบต.หนองปลาไหล พร้อมด้วย นายบัณฑิต สามีของ น.ส.กรรณิกา และ นายบุญเที่ยง อินธิแสง ทนายความ นำเอกสารผลรายงานการตรวจชันสูตรศพจากสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ กระทรวงยุติธรรม ร.พ.ธรรมศาสตร์ศูนย์รังสิต เข้าพบ นพ.อนันต์ กมลเนตร ผอ.รพ.สระบุรี/ผู้บริหารฯ ทีมแพทย์ฯ ณ ห้องประชุมผู้บริหาร ร.พ.สระบุรี เพื่อขอรับฟังการชี้แจงและขอรับการเยียวยา

หลังผลชันสูตรศพ น.ส.กรรณิการะบุว่า “พบการหักของซี่โครงขวาด้านหน้าซี่ที่ 4-6 และกระดูกซี่โครงด้านซ้ายหน้าซี่ที่ 2-6 และระบุการเสียชีวิต ภาวะแทรกซ้อนอันเป็นผลจากทารกเสียชีวิตในครรภ์” โดยใช้เวลาเข้าพบราว 1 ชั่วโมง

นางสายใจ เปิดเผยว่า ได้นำเอกสารของนิติวิทยาศาสตร์ฯ ผลการชันสูตรศพ น.ส.กรรณิกา ว่ายังคงคาใจการเสียชีวิต กรณีที่แพทย์-พยาบาลให้รอนาน และทำไมผู้เสียชีวิตถึงซี่โครงหัก ผลการพูดคุยยังไม่สามารถตกลงกันได้ ซึ่งทาง รพ.ให้นำหลักฐานเอกสารมาให้เพิ่มเติมอีกครั้งในวันพรุ่งนี้ (26 เม.ย.) ส่วนการขอให้ทาง รพ.สระบุรี เยียวยาที่เกิดความสูญเสียของครอบครัวตนไปถึง 2 ชีวิตพร้อมๆ กัน อย่างน้อยๆ คงมีตัวเลขหลัก 10 ล้านบาท ซึ่งในเรื่องนี้จะมอบให้ ทนายความเป็นผู้ดำเนินการ หากตกลงกันไม่ได้ก็จะนำเรื่องเข้าสู่กระบวนการทางศาลต่อไป

ด้าน นายบุญเที่ยง ทนายความ เปิดเผยว่า เรื่องนี้ยังคงเปิดโอกาสให้กับ รพ.สระบุรี อยู่ หากไม่สามารถทำความตกลงกันได้ จะนำเรื่องนี้ขึ้นสู่ศาลอาญาทุจริตและประพฤติมิชอบฯ วินิจฉัย ส่วนคำตอบที่แพทย์ชี้แจง กรณีผู้เสียชีวิตซี่โครงหัก ว่าเป็นไปตามตามวิธีการทางการแพทย์ (ปั๊มหัวใจ) แต่เราไม่มีความรู้ทางการแพทย์ ต้องให้ศาลเชิญผู้เชี่ยวชาญทางการแพทย์มาอธิบายให้ศาลฟัง รพ.ก็ถือเป็นพยานของเขา ส่วนศาลต้องฟังคนที่เป็นกลาง สำหรับข้อเรียกร้องยังไม่ได้คุยรายละเอียดกันแต่คงหลายบาทอยู่ ส่วนจะมั่นใจหรือไม่ ถ้าไม่มั่นใจเอาตามวิธีไต่สวนข้อเท็จจริงกันไปแถลงข้อเท็จจริง จากประสบการณ์เรื่องนี้ แม้ตนจะไม่มีแต่ก็มีตัวอย่างให้เห็นเยอะ เราต้องศึกษา

ส่วน นพ.อนันต์ กมลเนตร ผอ.รพ.สระบุรี เปิดเผยทางโทรศัพท์ว่า หลังเกิดเรื่องนี้ขึ้นทาง รพ.สระบุรี ไม่ได้นิ่งนอนใจ ตน แพทย์ และผู้บริหารฯคนอื่นๆ ได้พยายามเข้าไปเยียวยา พูดคุยกับครอบครับ ผู้เสียชีวิต ทั้งร่วมในพิธีศพ และอื่นๆ แรกๆ เข้าใจได้ถึงผู้สูญเสีย เข้าถึงได้ยาก คงมีการพูดคุยกันผ่านทางทนายความมากกว่า แต่หลังจากนั้นก็มีการทำความเข้าใจกันมากขึ้น

ซึ่งในวันนี้ กลุ่มญาติๆ และทนายความ ได้มาพบและนำเอกสารผลการชันสูตรศพ จากนิติวิทยาศาสตร์มาขอรับฟังการชี้แจงจาก รพ. ซึ่งทาง รพ.ได้ชี้แจงไปตามข้อเท็จจริงคือ เป็นไปตามกระบวนการทางการแพทย์ทุกขั้นตอน ส่วนข้อเรียกร้องให้ ทาง รพ.สระบุรีเยียวยาให้นั้น เท่าที่พูดคุยกันคงเป็นไปได้ยาก เพราะ รพ.สระบุรี เป็นโรงพยาบาลของรัฐ คงไม่มีเงินมากมายขนาดนั้น

25เมย2565
Matichon