ผู้เขียน หัวข้อ: ลูกยันแม่ติดเชื้อโควิด-19 จาก รพ.ตรังจนเสียชีวิต เผยมีคลิปขณะย้ายผู้ป่วยโควิด  (อ่าน 674 ครั้ง)

story

  • Staff
  • Hero Member
  • ****
  • กระทู้: 9745
    • ดูรายละเอียด
ลูกยันแม่ติดเชื้อโควิด-19 จาก รพ.ตรังแน่นอน เผยมีคลิปขณะย้ายผู้ป่วยโควิด-19 ออกจากวอร์ดชั้น 4 ชั้นเดียวกับที่แม่นอนรักษาตัวอยู่ และยังรอการติดต่อจากโรงพยาบาล จี้หากยังเงียบเตรียมเดินหน้าเรียกร้องความเป็นธรรมต่อ

จากกรณี นางประจบ เป้าทอง อายุ 87 ปี อยู่บ้านเลขที่ 107/2 หมู่ 5 ต.ละมอ อ.นาโยง จ.ตรัง ได้ป่วยเป็นโรคไต และโรคเกาต์ เป็นผู้ป่วยติดเตียงเข้ารับการรักษาตัวที่โรงพยาบาลตรัง ตั้งแต่วันที่ 20 ม.ค.ที่ผ่านมา โดยมีลูกสาวชื่อ นางจิตราภรณ์ เคลือกล่อม อายุ 56 ปี ทำหน้าที่นอนเฝ้าดูอาการแม่ของตัวเอง จนถึงวันที่ 10-13 ก.พ.ได้ขอผลัดเปลี่ยนเวรกับพี่สาวเพื่อขอกลับบ้าน ซึ่งในระหว่างนั้นรู้สึกไม่สบายตัว ได้ไปทำการตรวจหาเชื้อโควิด-19 พบติดเชื้อโควิด-19 และมั่นใจว่าติดเชื้อมาจากโรงพยาบาลตรังอย่างแน่นอน ขณะที่เฝ้าดูแลแม่ตนเองไม่ได้ไปไหน ต้องระมัดระวังแต่ยังติดเชื้อ ซึ่งโดยปกติแล้วญาติๆ ที่เฝ้าทุกคนต้องผ่านการสวอบก่อนที่จะขึ้นตึกเฝ้าไข้ผู้ป่วยได้ ส่วนพี่สาวที่มาช่วยเฝ้าไข้ได้ทำการสวอบแต่ผลเป็นลบ ในขณะที่แม่ที่นอนรักษาโรคไตกลับติดโควิด-19 ทางเจ้าหน้าที่พยาบาลจึงได้แยกตัว และพาเข้ารักษาตามขั้นตอน จนเสียชีวิตเมื่อวันที่ 26 ก.พ.ที่ผ่านมา

ด้าน นพ.สมบัติ สธนเสาวภาคย์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลตรัง เผยว่า เตรียมประสานเข้าพูดคุยกับญาติเพื่อชี้แจงข้อเท็จจริงว่า เหตุที่เกิดขึ้นเป็นเหตุสุดวิสัย และทางกระทรวงสาธารณสุขไม่มีงบประมาณในการเยียวยานั้น

ล่าสุด วานนี้ (3 มี.ค.) ที่วัดหนองยวน หมู่ 7 ต.ละมอ อ.นาโยง จ.ตรัง นางจิตราภรณ์ เคลือกล่อม อายุ 56 ปี พร้อมด้วยลูกหลาน และญาติๆ ต่างนำอาหารมาร่วมทำบุญ และนำอัฐิของ นางประจบ เป้าทอง อายุ 87 ปี เก็บเข้าโกศไว้ที่วัด ท่ามกลางความเสียใจที่แม้แต่หน้าแม่ก็ยังไม่ได้เห็น

นางจิตราภรณ์ กล่าวว่า วันนี้ลูกๆ หลานๆ และญาติมานำกระดูกแม่ใส่โกศ แล้วทำพิธีทอดผ้าบังสุกุล วางดอกไม้จันทน์ ตักบาตรกระดูกใส่โกศ แล้วมีการทำกับข้าวเลี้ยงเพลพระ และญาติๆ ตามอัตภาพ เนื่องจากไม่มีศพแล้ว ซึ่งตอนนี้ไม่ได้มีเจ้าหน้าที่จากโรงพยาบาลตรัง หรือใครติดต่อตนเองเข้ามาเลย โดยตนเองรออยู่ ซึ่งยังขอยืนยันว่าอยากให้ทางโรงพยาบาลรับผิดชอบ หากเสียชีวิตด้วยโรคประจำตัวทางญาติจะไม่ติดใจอะไรเลย แต่แม่กลับมาเสียชีวิตด้วยโรคโควิด-19 เชื้อลงปอด ซึ่งบรรดาลูกๆ ไม่ได้เห็นหน้าแม่เลย ตอนนี้เลยมาร้องเรียน คุณแม่ใครๆ ก็รัก หากยังเงียบอยู่จะดำเนินการต่อ โดยจะเข้าไปร้องเรียนศูนย์ดำรงธรรมต่อไป

อย่างไรก็ตาม หลังจากที่ตัวเองทราบข่าวทางผู้อำนวยการโรงพยาบาลตรัง แจ้งว่ากรณีนี้อาจจะเกิดจากเหตุสุดวิสัยนั้น ตนเองยืนยันว่าเป็นไปไม่ได้ เพราะมีคลิปหลุดมาจากวอร์ดชั้น 4 ตึก 298 ที่แม่นอนรักษาตัวอยู่ โดยพบว่าได้มีการขนเตียงผู้ป่วยติดเชื้อโควิด-19 ออกมาจากวอร์ดชั้น 4 เมื่อวันที่ 10 ก.พ. ซึ่งไม่ใช่เตียงของแม่ แต่เป็นคนไข้รายหนึ่งที่ติดเชื้อ จนทำให้แม่ติดเชื้อโควิด-19 จากในโรงพยาบาลในเวลาต่อมา คือวันที่ 13 ก.พ.เพราะที่บ้านอยู่กันทั้ง 10 ชีวิต ไม่มีใครติดเชื้อโควิด-19 สักคน มีแต่ตนเองที่ไปเฝ้าแม่ และตัวแม่เอง โดยตนช่วงที่ไปเฝ้าไข้แม้ที่โรงพยาบาล หากออกไปซื้อข้าวกินจะลงมาที่สหกรณ์ของโรงพยาบาลตลอด แต่ไม่เคยออกนอกโรงพยาบาลเลย และตนเองไม่เคยเดินไปที่เตียงไหนเลย อยู่เฉพาะเตียงของแม่ เตียงที่ 14 จึงอยากขอให้ทางโรงพยาบาลช่วยรับผิดชอบหน่อย ซึ่งหากแม่เสียชีวิตด้วยโรคประจำตัว คือโรคไต และโรคเกาต์จะไม่มาร้องเรียนเลย

ด้านนางยุพา กลิ่นเพชร อายุ 61 ปี ซึ่งเป็นพี่สาวของนางจิตราภรณ์ ที่มาเฝ้าแม่เปลี่ยนผลัดในวันที่ 10 ก.พ. ยืนยันด้วยว่า ตนเองตรวจ ATK ก่อนเฝ้าไข้ หลังเฝ้าไข้ และตรวจซ้ำเพื่อยืนยันผล 3 รอบ ปรากฏว่าไม่ติดเชื้อโควิด-19 และคนที่บ้านไม่มีใครติด มีเพียงน้องสาวคนเดียวที่ไปเฝ้าแม่ที่โรงพยาบาลเท่านั้น

4 มี.ค. 2565  ผู้จัดการออนไลน์

story

  • Staff
  • Hero Member
  • ****
  • กระทู้: 9745
    • ดูรายละเอียด
กรณีลูกติดใจแม่ป่วยโรคไตเข้ารักษาใน รพ.ตรัง แต่กลับติดเชื้อโควิดลงปอดเสียชีวิต ขณะที่ผู้ว่าฯ ระบุรับทราบเรื่องแล้ว สั่งให้ ผอ.รพ.สอบสวนข้อเท็จจริงและรายงานข้อมูลกลับมายังจังหวัดด่วน

วันนี้ (1 มี.ค.) จากกรณี นางประจบ เป้าทอง อายุ 87 ปี ได้ป่วยเป็นโรคไตและเกาต์ เป็นผู้ป่วยติดเตียง เข้ารับการรักษาตัวที่โรงพยาบาลตรัง ตั้งแต่วันที่ 20 มกราคมที่ผ่านมา โดยมีลูกสาวชื่อ นางจิตราภรณ์ เคลือกล่อม อายุ 56 ปี ทำหน้าที่นอนเฝ้าดูอาการแม่ของตัวเอง จนถึงวันที่ 10-13 ก.พ. ได้ขอผลัดเปลี่ยนเวรกับพี่สาวเพื่อขอกลับบ้าน ซึ่งในระหว่างนั้นรู้สึกไม่สบายตัว จึงได้ไปทำการตรวจหาเชื้อโควิด-19 พบว่าติดเชื้อโควิด-19 และมั่นใจว่าติดเชื้อมาจากโรงพยาบาลตรังอย่างแน่นอน เพราะขณะที่เฝ้าดูแลแม่ตนเองไม่ได้ไปไหนต้องระมัดระวังแต่ยังติดเชื้อ ในขณะที่แม่ที่นอนรักษาโรคไตก็ติดเชื้อโควิดด้วย ทางเจ้าหน้าที่พยาบาลจึงได้แยกตัวและพาเข้ารักษาตามขั้นตอน จนเสียชีวิตเมื่อวันที่ 26 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา เพราะติดเชื้อโควิดลงปอด

ล่าสุด ผู้สื่อข่าวได้ลงพื้นที่โรงพยาบาลตรัง เพื่อเข้าสอบถามข้อเท็จจริงกับ นายแพทย์สมบัติ สธนเสาวภาคย์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาล เพื่อขอสัมภาษณ์ถึงกรณีดังกล่าว แต่ได้ปฏิเสธการให้สัมภาษณ์ เพียงแต่ให้ข้อมูลเบื้องต้นผ่านเลขาฯ หน้าห้องว่า ทางโรงพยาบาลตรังได้รับทราบเบื้องต้นแล้ว กำลังตรวจสอบข้อเท็จจริงหาข้อสรุปอยู่

จากนั้นผู้สื่อข่าวได้ไปสัมภาษณ์ นายขจรศักดิ์ เจริญโสภา ผู้ว่าราชการจังหวัดตรัง กล่าวว่า เพิ่งได้รับรายงานจากผู้อำนวยการโรงพยาบาลตรังว่า มีเหตุการณ์ตามที่ทางสื่อมวลชนได้เสนอข่าวไปว่า มีผู้เสียชีวิตเนื่องจากติดโควิดในโรงพยาบาลตรัง ซึ่ง ผอ.รพ.ตรัง ยืนยันว่า ในเรื่องของการดูแลผู้ป่วยมีมาตรการอย่างเข้มงวด และจริงๆ แล้วโอกาสที่คนไปรักษาโรคทั่วไปที่จะติดโควิดมีโอกาสน้อย เพราะในเรื่องของการเข้าไป รพ.จะมีการตรวจ ATK ก่อนในเบื้องต้น โดยเฉพาะคนที่ไปเฝ้าไข้ ส่วนสาเหตุที่แท้จริงขอลงไปตรวจสอบอีกครั้งหนึ่ง

“จากนี้ได้สั่งการให้ทาง ผอ.รพ.ตรัง สอบสวนข้อเท็จจริงและรายงานข้อมูลกลับมายังจังหวัดโดยด่วน หลังจากนี้คิดว่าทางโรงพยาบาลตรัง ควรที่จะมีการชี้แจงข้อเท็จจริงกับทางญาติและพี่น้องประชาชนว่า สาเหตุการเสียชีวิตเป็นอย่างไร สาเหตุของการติดเป็นอย่างไร มาจากที่ไหน และจะมีแนวทางการช่วยเหลือเยียวยาได้อย่างไรบ้าง” ผู้ว่าราชการจังหวัดตรัง กล่าว

1 มี.ค. 2565  ผู้จัดการออนไลน์

story

  • Staff
  • Hero Member
  • ****
  • กระทู้: 9745
    • ดูรายละเอียด
ผอ.รพ.ตรัง ชี้แจงกรณีแม่ป่วยโรคไตเข้ารักษาใน รพ.ตรัง แต่กลับติดเชื้อโควิดลงปอดเสียชีวิต คาดเกิดจากเหตุสุดวิสัยจริงๆ เพราะที่ผ่านมามีมาตรการดูแลอย่างเข้มงวดแล้วทุกทาง

วันนี้ (2 มี.ค.) จากกรณี นางประจบ เป้าทอง อายุ 87 ปี ได้ป่วยเป็นโรคไตและเกาต์ เป็นผู้ป่วยติดเตียง เข้ารับการรักษาตัวที่โรงพยาบาลตรัง ตั้งแต่วันที่ 20 มกราคมที่ผ่านมา โดยมีลูกสาวชื่อ นางจิตราภรณ์ เคลือกล่อม อายุ 56 ปี ทำหน้าที่นอนเฝ้าดูอาการแม่ของตัวเอง จนถึงวันที่ 10-13 ก.พ. ได้ขอผลัดเปลี่ยนเวรกับพี่สาวเพื่อขอกลับบ้าน ซึ่งในระหว่างนั้นรู้สึกไม่สบายตัว จึงได้ไปทำการตรวจหาเชื้อโควิด-19 พบว่าติดเชื้อโควิด-19 และมั่นใจว่าติดเชื้อมาจากโรงพยาบาลตรังอย่างแน่นอน เพราะขณะที่เฝ้าดูแลแม่ตนเองไม่ได้ไปไหนต้องระมัดระวังแต่ยังติดเชื้อ ในขณะที่แม่ที่นอนรักษาโรคไตก็ติดเชื้อโควิดด้วย ทางเจ้าหน้าที่พยาบาลจึงได้แยกตัวและพาเข้ารักษาตามขั้นตอน จนเสียชีวิตเมื่อวันที่ 26 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา เพราะติดเชื้อโควิดลงปอด

ล่าสุด ที่เรือนสโมสร จวนผู้ว่าราชการจังหวัดตรัง นายขจรศักดิ์ เจริญโสภา ผู้ว่าราชการจังหวัดตรัง พร้อมด้วยหัวหน้าส่วนราชการ ร่วมประชุมหารือการปฏิบัติราชการประจำสัปดาห์ โดยทาง นายแพทย์สมบัติ สธนเสาวภาคย์ ผอ.รพ.ตรัง ได้ชี้แจงถึงกรณีดังกล่าวว่า สำหรับผู้ป่วยที่เป็นข่าวรายนี้ จากการไปตรวจสอบประวัติในช่วงวันที่ 20 มกราคม ผู้ป่วยมีอาการไข้ไม่รู้ตัว ได้ไป รพ.นาโยง และนำตัวส่งต่อมาที่ รพ.ตรัง อาการในช่วงแรกรับผู้ป่วยความดันตก อาการยังไม่ปลอดภัย ทาง รพ.ตรัง ได้ให้การรักษา โดยการเพิ่มยา เพิ่มความดัน รักษาอาการทั่วไป ประเมินเบื้องต้นผู้ป่วยมีอาการติดเชื้อทางกระแสเลือด มีการติดเชื้อในทางเดินปัสสาวะ มีแผลกดทับ มีอาการซึม


ทั้งนี้ จากการพูดคุยญาติผู้ป่วยในตอนนั้น ทางญาติไม่ให้ใส่ท่อช่วยหายใจ ไม่ขอปั๊มหัวใจในกรณีที่อาการทรุดลง แต่ รพ.ตรัง ให้การดูแลรักษาเพื่อประคับประคองต่อ จนสัญญาณชีพกลับมาดี ผู้ป่วยอยู่ใน รพ.เรื่อยมา ตั้งแต่วันที่ 21 มกราคม ถึงวันที่ 13 กุมภาพันธ์ เนื่องจากว่าช่วงที่ผ่านมาอนุญาตให้ผู้ป่วยเฝ้าไข้ได้ 1 คน เป็นคนเดิมเฝ้ามาจนถึงวันที่ 13 ก.พ. จนเปลี่ยนเป็นคนเฝ้าไข้คนที่ 2 ซึ่งคนเฝ้าไข้แรกได้บอกว่า ไปตรวจแล้วพบติดโควิด จึงโทร.แจ้งทาง รพ. ได้ทำการตรวจผู้ป่วย พบว่าติดเชื้อโควิดด้วย รวมกับโรคเดิม มีเชื้อติดแผล และมีอาการซึม จากนั้นผู้ป่วยย้ายไปในวอร์ดรวมสำหรับผู้ป่วยโควิด และผู้ป่วยได้เสียชีวิตลงในวันที่ 26 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา

ส่วนในกรณีทางญาติค่อนข้างติดใจนั้น จริงๆ แล้วทาง รพ.ตรัง มีมาตรการในการป้องกันโควิดอย่างเข้มงวด 3 แนวทาง ทั้งผู้ป่วยเอง รวมทั้งญาติ และทีมเจ้าหน้าที่ รพ. โดยผู้ป่วยทุกรายก่อนเข้ารักษาจะต้องตรวจ ATK และญาติเฝ้าไข้ 1 คน จะต้องตรวจ ATK ทุกสัปดาห์ แม้การเปลี่ยนตัวคนเฝ้าไข้ ก็ต้องตรวจ ATK และเจ้าหน้าที่เองจะต้องถูกสุ่มตรวจ ATK ทุกสัปดาห์เช่นกัน หากพบใครเชื้อเป็นบวกจะให้พักงานไป ซึ่งมาตรการของ รพ.ค่อนข้างจะรัดกุมในการป้องกันไม่ให้เชื้อภายนอกเข้ามา แต่ถ้าหากพบผู้ติดเชื้อโควิดถือเป็นเหตุสุดวิสัยจริงๆ ส่วนเรื่องการเยียวยานั้นเนื่องจากกระทรวงสาธารณสุขไม่มีงบประมาณในส่วนนี้ จะทำการพูดคุยกับญาติต่อไป

อย่างไรก็ตาม สำหรับการตรวจ ATK ของญาติที่เฝ้าไข้ 1 คน รพ.ตรัง จะทำ ATK ให้ฟรีสัปดาห์ละ 1 ครั้ง แต่ถ้าในระหว่าง 1 สัปดาห์ มีการเปลี่ยนตัวญาติคนต่อไปต้องเสียค่าใช้จ่ายเอง ซึ่งในตอนที่เกิดเหตุค่าทำ ATK อยู่ที่รายละ 500 บาท แต่ล่าสุดได้มีการปรับลดลงมาเหลือรายละ 350 บาทแล้ว และหากมีญาติมาขอเข้าเยี่ยมผู้ป่วยรายใดต้องจ่ายค่าตรวจ ATK เอง เพราะกระทรวงสาธารณสุขไม่มีงบประมาณในส่วนนี้ให้

2 มี.ค. 2565  ผู้จัดการออนไลน์

story

  • Staff
  • Hero Member
  • ****
  • กระทู้: 9745
    • ดูรายละเอียด
รพ.ตรังเรียกลูกคุยกรณีติดใจแม่ป่วยโรคไต แต่กลับมาเสียชีวิตด้วยโรคโควิด-19 ผลยังสรุปกันไม่ได้ เพราะทางโรงพยาบาลพยายามโบ้ยว่าลูกเป็นคนนำเชื้อมาติดแม่เอง เตรียมเดินหน้าร้องเรียนต่อ

จากกรณี นางประจบ เป้าทอง อายุ 87 ปี อยู่บ้านเลขที่ 107/2 หมู่ 5 ต.ละมอ อ.นาโยง จ.ตรัง ได้ป่วยเป็นโรคไต และโรคเกาต์ เป็นผู้ป่วยติดเตียง เข้ารับการรักษาตัวที่โรงพยาบาลตรัง ตั้งแต่วันที่ 20 ม.ค.ที่ผ่านมา โดยมีลูกสาวชื่อ นางจิตราภรณ์ เคลือกล่อม อายุ 56 ปี ทำหน้าที่นอนเฝ้าดูอาการแม่ของตัวเอง จนถึงวันที่ 10-13 ก.พ.ได้ขอผลัดเปลี่ยนเวรกับพี่สาวเพื่อขอกลับบ้าน ซึ่งในระหว่างนั้นรู้สึกไม่สบายตัว ได้ไปทำการตรวจหาเชื้อโควิด-19 พบติดเชื้อโควิด-19 และมั่นใจว่าติดเชื้อมาจากโรงพยาบาลตรังอย่างแน่นอน เพราะขณะที่เฝ้าดูแลแม่ ตนเองไม่ได้ไปไหน ต้องระมัดระวัง แต่ยังติดเชื้อในขณะที่แม่ที่นอนรักษาโรคไต ทางเจ้าหน้าที่พยาบาลจึงได้แยกตัว และพาเข้ารักษาตามขั้นตอน จนเสียชีวิตเมื่อวันที่ 26 ก.พ.ที่ผ่านมา เพราะติดเชื้อโควิด-19 ลงปอดนั้น

ล่าสุด วันนี้ (4 มี.ค.) ที่โรงพยาบาลตรัง นางจิตราภรณ์ เคลือกล่อม อายุ 56 ปี ลูกสาวของ นางประจบ เป้าทอง อายุ 87 ปี อยู่บ้านเลขที่ 107/2 หมู่ 5 ต.ละมอ อ.นาโยง จ.ตรัง ที่เสียชีวิต ได้เดินทางเข้าพูดคุยกับ นพ.ศักดิ์วุฒิ รัตตานุกูล รองผู้อำนวยการโรงพยาบาลตรัง และพยาบาลหัวหน้าวอร์ด ชั้น 4 ที่แม่นอนรักษาตัวอยู่ในตึก 298 โรงพยาบาลตรัง เพื่อทำความเข้าใจถึงสาเหตุดังกล่าว โดยใช้เวลาในการพูดคุยกันเกือบ 2 ชั่วโมง ภายในห้องประชุมเฟื่องฟ้า ชั้น 2 ของโรงพยาบาลตรัง

นางจิตราภรณ์ เคลือกล่อม บอกว่า จากการพูดคุยกัน ทางโรงพยาบาลแจ้งว่าญาติเป็นคนนำเชื้อมาติด ซึ่งตนเองยอมรับว่าตอนนั้นได้ไปงานศพจริง แต่ไปแค่ให้ซองแล้วก็กลับ ไม่ได้นั่งกินข้าวหรือนั่งสังสรรค์ภายในงาน แล้วตนเองได้ถามต่อว่าทางโรงพยาบาลมีหลักฐานอะไรที่ได้ยืนยันเช่นนี้ ทางโรงพยาบาลบอกว่ามีหลักฐานการเข้าออก ตอนนี้ได้ถามต่อไปว่าถ้าหากตนเองจะดำเนินเรื่องต่อ ทางโรงพยาบาลจะเดือดร้อนไหม เขาชี้แจงกลับมาว่าให้ช่วยเห็นใจ ในส่วนประเด็นตรวจ ATK เก็บ 500 นั้นได้เคลียร์ปัญหาตรงนั้นเรียบร้อย และเข้าใจกันแล้ว

จากนั้นมานั่งพูดประเด็นเรื่องที่ญาตินำเชื้อมาติดแม่ ซึ่งตนเองบอกว่าตัดสินตรงนี้ไม่ได้ หลังจากนี้ตนขอกลับไปคุยกับพี่ๆ น้องๆ และญาติที่บ้านก่อนว่าจะดำเนินการยังไงต่อ ตอนนี้ยังติดใจที่ทางโรงพยาบาลพยายามหาว่าญาติเป็นคนนำเชื้อเข้ามา และทางโรงพยาบาลได้แจ้งว่าขออย่าติดใจเอาความ เพราะไม่มีเงินเยียวยา ส่วน นพ.ศักดิ์วุฒิ รัตตานุกูล รองผู้อำนวยการโรงพยาบาลตรัง ปฏิเสธให้ข้อมูล และสัมภาษณ์แก่ผู้สื่อข่าว

อย่างไรก็ตาม จากกรณีดังกล่าวเคยเกิดขึ้นแล้วที่ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา ซึ่งต่อมาทาง สปสช.เขต 12 สงขลา ได้มอบเงินเยียวยา 4 แสนบาท ให้ลูกของผู้เสียชีวิตจากโควิด-19 หลังติดเชื้อในโรงพยาบาลจากผู้ป่วยเตียงด้านข้าง แต่ทั้งนี้จะอยู่ที่ข้อมูล ข้อเท็จจริง และอยู่ที่คณะอนุกรรมการมาตรา 41 จะเป็นผู้พิจารณา

4 มี.ค. 2565  ผู้จัดการออนไลน์