ผู้เขียน หัวข้อ: กลุ่มพยาบาลพม่าเสี่ยงชีวิตตั้ง 'คลินิกลับ' รักษาผู้ป่วยโควิดในพื้นที่ต่อต้านรัฐ  (อ่าน 581 ครั้ง)

story

  • Staff
  • Hero Member
  • ****
  • กระทู้: 9721
    • ดูรายละเอียด
เอเอฟพี - พยาบาลพม่าจำนวนหนึ่งที่หลบซ่อนตัวจากรัฐบาลทหารได้เปิดคลินิกชั่วคราวขึ้นเพื่อรักษาผู้ป่วยติดเชื้อโควิด-19 และสมาชิกของกองกำลังต่อต้าน ด้วยยาที่ลอบนำเข้ามาผ่านด่านตรวจของทหาร

พยาบาลเหล่านี้พร้อมหลบหนีตลอดเวลา หลังจากที่บรรดาบุคลากรทางการแพทย์กลายเป็นแนวหน้าในขบวนการอารยะขัดขืนต่อต้านการรัฐประหารเดือน ก.พ. และในการปราบปรามผู้เห็นต่างของทหาร มีผู้เสียชีวิตมากกว่า 1,300 คน ตามการระบุของกลุ่มสังเกตการณ์ท้องถิ่น

กลุ่มสิทธิระบุว่า การคว่ำบาตรสถาบันของรัฐ ทำให้โรงพยาบาลจำนวนมากไร้เจ้าหน้าที่และรัฐบาลทหารได้เข้าจับกุมและสังหารเจ้าหน้าที่สาธารณสุขที่ประท้วงเป็นจำนวนมาก

เอ นาย (นามแฝง) ออกจากงานในโรงพยาบาลของรัฐไม่นานหลังเกิดการรัฐประหารและในเดือน มิ.ย. เธอเริ่มเป็นอาสาสมัครในรัฐกะยา ที่อยู่ทางตะวันออกของประเทศ พื้นที่ที่กองทัพและฝ่ายต่อต้านรัฐประหารปะทะกันหลายระลอก

“เมื่อการต่อสู้เริ่มขึ้น เราต้องหนีไปซ่อนตัวในป่า” เอ นาย กล่าวกับเอเอฟพี ที่คลินิกที่ตั้งอยู่ในโรงเรียนที่ถูกทิ้งร้างเนื่องจากการต่อสู้ใกล้เมืองเดโมโซ

หลังการระบาดของโควิด-19 ในเดือน มิ.ย. และเดือน ก.ค. ที่ยอดผู้ติดเชื้อรายวันพุ่งสูงถึง 40,000 คน รัฐบาลทหารกล่าวว่ายอดผู้ติดเชื้อรายใหม่ได้ปรับลดลงเหลือประมาณ 150 คนต่อวันเท่านั้น และว่าสายพันธุ์โอมิครอนยังไม่ปรากฏในพม่า

แต่ด้วยระบบสาธารณสุขของประเทศที่อยู่ในความโกลาหล การตรวจหาเชื้อก็มีอยู่อย่างจำกัด

ในรัฐกะยา มีประชาชนราว 85,000 คน ต้องพลัดถิ่นเนื่องจากความรุนแรง ตามการระบุของหน่วยงานด้านผู้ลี้ภัยของสหประชาชาติ ที่ผู้คนจำนวนมากอยู่กันอย่างแออัดในค่ายพักพิงที่ทำให้การติดเชื้อแพร่กระจายได้ง่าย

ผู้ป่วยส่วนใหญ่ของเอ นาย เป็นครอบครัวพลัดถิ่นและสมาชิกของกองกำลังพิทักษ์ประชาชน (PDF) ในท้องถิ่น กลุ่มติดอาวุธที่ผุดขึ้นทั่วประเทศเพื่อต่อสู้กับรัฐบาลทหาร

“ฉันได้ยินว่าแถวนี้ไม่ค่อยมีแพทย์และเจ้าหน้าที่ทางการแพทย์มากนัก และชาวบ้านก็ถามหา ฉันเลยตัดสินใจมาที่นี่” เอ นาย กล่าว

ที่หมู่บ้านแห่งหนึ่ง ทีมของเธอทำการตรวจหาเชื้อโควิด-19 ด้วยการสวอบผ่านแผ่นพลาสติกที่ขึงกับโครงไม้ไผ่เพื่อเป็นฉากกั้น และผู้ที่มีผลตรวจเป็นบวกจะได้รับยาพาราเซตามอลหรือวิตามิน ซึ่งเป็นยาชนิดเดียวที่มีให้

ส่วนออกซิเจนที่ได้รับบริจาคมาสามารถใช้เท่าที่จำเป็นเท่านั้น เนื่องจากการเติมถังออกซิเจนจะต้องเดินทางไปยังเมืองใหญ่ที่อยู่ใกล้ที่สุด ซึ่งต้องผ่านด่านตรวจของรัฐบาลทหาร

หลังเสร็จงาน เอ นาย จะถอดชุดป้องกันพลาสติกของเธอออกและทำการฆ่าเชื้อพร้อมกับหน้ากาก เพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการทำงานครั้งถัดไป

ห้องเรียนที่ว่างเปล่าถูกใช้เป็นที่รักษา และกักโรค โดยมีสมาชิกของฝ่ายต่อต้านที่ติดเชื้อโควิดรวมอยู่ด้วย

รายงานของฮิวแมนไรท์วอชท์ระบุว่า ในพื้นที่ที่การต่อต้านการปกครองของรัฐบาลทหารมีความเข้มแข็ง กองทัพจะขัดขวางการจัดส่งความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมและเวชภัณฑ์

“ทหารพม่าตรวจทุกคนที่ด่านของพวกเขาและจับกุมคนที่พวกเขาพบว่ามียารักษาโรคอยู่ในตัว เหมือนกับว่าเรากำลังเสี่ยงชีวิต” หล่า อ่อง พยาบาลอีกรายหนึ่งที่ทำงานที่คลินิก กล่าว โดยใช้ชื่อแฝง

ในช่วง 6 เดือนหลังการรัฐประหาร มีเจ้าหน้าที่สาธารณสุขถูกจับกุมตัว 190 คน และเสียชีวิต 25 คน ตามรายงานของ Insecurity Insight, Physicians for Human Rights, และมหาวิทยาลัย Johns Hopkins

แต่ เอ นาย กล่าวว่า เธอจะยังทำหน้าที่นี้ต่อไป

“แรงสนับสนุนจากครอบครัวทำให้ฉันเข้มแข็ง พ่อของฉันส่งยามาให้ฉันมากเท่าที่เขาทำได้” เอ นาย กล่าว.


27 ธ.ค. 2564 ผู้จัดการออนไลน์