ผู้เขียน หัวข้อ: ความยุติธรรมมีอยู่จริง ปิดฉาก 11 ปี คดีหมอตกตึกดับ เพื่อน-แฟนเก่าฆ่า เซ่นพิษรัก  (อ่าน 1050 ครั้ง)

story

  • Staff
  • Hero Member
  • ****
  • กระทู้: 9742
    • ดูรายละเอียด
วันแห่งความยุติธรรมของผู้เป็นแม่ที่ใช้ความพยายามร้องขอความเป็นธรรมไปยังหลายหน่วยงาน หลังให้รื้อฟื้นคดีนพ.ศรุต ทวีรุจจนะ ผู้เป็นลูกชาย ตกตึกดับปริศนา เมื่อปี 2553 เพราะติดใจในการตายเชื่อว่าไม่ใช่การฆ่าตัวตาย

นำไปสู่การพิพากษาของศาล เมื่อวันที่ 23 ธ.ค. 2564 ตัดสินจำคุก 2 เพื่อนสนิท มีความผิดฐานร่วมกันฆ่าจากเรื่องชู้สาว คนละ 15 ปี แต่ทั้ง 2 ให้การเป็นประโยชน์ จึงลดโทษให้ 1 ใน 3 คงจำคุกคนละ 10 ปี และร่วมชดใช้ค่าเสียหายเป็นเงิน 5 ล้านบาท พร้อมดอกเบี้ย 7.5% ต่อปีให้กับมารดาผู้ตาย

ทันทีที่ศาลมีคำตัดสิน ได้สร้างความพอใจให้กับแม่ของนพ.ศรุต โดยบอกสั้นๆ ว่า หลังต่อสู้มานานพอสมควร ทำให้รู้ว่าความยุติธรรมมีอยู่จริง เหมือนที่เราเห็น รับรู้ พิสูจน์มาว่า ลูกไม่ได้ฆ่าตัวตาย จึงต้องหาความจริง

เหตุการณ์เกิดขึ้นเมื่อกลางดึกวันที่ 18 เม.ย. 2553 ขณะที่นพ.ศรุต ทวีรุจจนะ วัย 28 ปี แพทย์เฉพาะทางพยาธิวิทยา รพ.จุฬาลงกรณ์ นั่งดื่มสุรากับเพื่อน ก่อนตกจากระเบียงชั้น 4 ในห้องพักคอนโดฯ แห่งหนึ่ง ภายในซอยลาดพร้าว 132 ซึ่งทางสน.ลาดพร้าว ได้ทำสำนวนชันสูตรศพว่าพลัดตกจากที่สูงเสียชีวิต โดยไม่ได้มีการกล่าวหาใคร

แต่สิ่งที่เกิดขึ้นอย่างคาดไม่ถึง ทำให้แม่ใจสลายแทบไม่มีพลังในการดำเนินชีวิต หลังจากครอบครัวกลับจากไปเที่ยวเรือในต่างประเทศประมาณ 2 วัน และติดใจไม่เชื่อว่าลูกชายจะพลัดตกลงมาเอง เนื่องจากแอลกอฮอล์ในเลือดมากถึง 270 ซีซี ไม่น่าจะสามารถเคลื่อนตัวกระโดดตึกเองได้ จึงเข้าแจ้งความกล่าวหาเพื่อนที่เป็นแพทย์ร่วมห้อง ทั้ง 2 คน เป็นผู้ต้องสงสัย

ผ่านไปกว่า 4 ปี ในปี 2557 ตำรวจพบหลักฐานชิ้นใหม่ อาจไม่ได้กระโดดตึกลงมาเอง และสันนิษฐานว่าน่าจะเป็นการฆาตกรรม ภายหลังแม่ของนพ.ศรุต ได้มาร้องต่อพล.ต.อ.จรัมพร สุระมณี ที่ปรึกษา (สบ 10) ในขณะนั้น จนพบว่าศพมีร่องรอยการกระแทกที่หลัง เหมือนโดนกระแทกที่ระเบียง ส่วนมือมีรอยเปื้อนสีขาวจากสีของระเบียงติดแน่น และวิถีการตกลงมาไกล 3 เมตร เกินกว่าระยะที่คนจะพลาดตกมาเอง

การเดินหน้าเรียกร้องความเป็นธรรมของผู้เป็นแม่อย่างไม่เหน็ดเหนื่อย ประสบความสำเร็จในที่สุด แม้เคยทำหนังสือขอความเป็นธรรมไปยังหลายหน่วยงานมากว่า 27 ครั้ง กระทั่งสำนักงานตำรวจแห่งชาติได้สั่งรื้อคดี ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปนานเพียงใด เพื่อขอให้นำคนผิดมาลงโทษตามครรลองของกฎหมาย และแล้วความยุติธรรมก็มีอยู่จริง เหมือนฟ้ามีตา ในวันที่ศาลพิพากษาตัดสินผู้กระทำผิด คือเพื่อนชายหญิงของลูกชายทั้ง 2 คน.


ไทยรัฐออนไลน์
สกู๊ปไทยรัฐ
THE ISSUE
23 ธ.ค. 2564

pradit

  • Global Moderator
  • Sr. Member
  • *****
  • กระทู้: 322
    • ดูรายละเอียด
ปิดฉากคดีหมอฆ่าหมอ โยนบกจากชั้น 4 อพาร์ตเมนต์ย่านบางกะปิ เมื่อปี 53 ศาลพิพากษาจำคุก นพ.ปราโมทย์ มั่นเมืองและสาวใกล้ชิด คนละ 15 ปี ทั้งสองให้การเป็นประโยชน์ ลดโทษ 1 ใน 3 เหลือจำคุก 10 ปีและชดใช้ค่าเสียหาย 5 ล้านบาทพร้อมดอกเบี้ยให้แม่ของหมอที่เสียชีวิต ก่อนได้ประกันตัวไปคนละ 5 แสนบาท เผยอัยการโจทก์และจำเลยทั้งสองต่างนำพยานหลักฐานมาหักล้างกันอย่างเต็มที่จนได้ข้อสรุปเหตุจากความหึงหวง

ที่ศาลอาญา เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 23 ธ.ค. ศาลอ่านคำพิพากษาคดีอาญาหมายเลขดำที่ อ 1794/ 2563 คดีระหว่างพนักงานอัยการสำนักงานอัยการสูงสุดเป็นโจทก์ ยื่นฟ้อง นพ.ปราโมทย์ มั่นเมือง จำเลยที่ 1 น.ส.จิตวิมล สุขสุวรรณ ปัจจุบันเป็นพนักงานราชการ จำเลยที่ 2 ฐานร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยเจตนาและฝ่ายผู้เสียหายได้ร้องขอให้ใช้ค่าสินไหมทดแทน เป็นคดีแพ่งเกี่ยวเนื่องคดีอาญา และเนื่องจากคดีนี้เกิดเหตุเมื่อปี 53 อัยการยื่นฟ้องปี 63 ประกอบกับมีสถานการณ์โควิด ศาลจึงเร่งรัดการสืบพยานต่อเนื่องให้แล้วเสร็จใน 1 ปี จำเลยได้ประกันตัวในชั้นพิจารณา

คดีนี้โจทก์ฟ้องจำเลยทั้งสองว่าเมื่อวันที่ 18 เม.ย.53 เวลากลางคืนก่อนเที่ยงจำเลยทั้งสองร่วมกันโยน นพ.ศรุต ทวีรุจจนะ อายุ 28 ปี แพทย์ รพ.จุฬาลงกรณ์ กำลังศึกษาต่อด้านพยาธิวิทยา จากชั้น 4 ของอาคารไดรฟ์อินน์ อพาร์ตเม้นต์ แขวงคลองจั่น เขตบางกะปิ กทม. จนถึงแก่ความตาย คดีนี้โจทก์นำพยานหลักฐาน อาทิ พยานบุคคล พยานแวดล้อม พยานทางนิติวิทยาศาสตร์และขอให้ผู้พิพากษาออกไปสืบพยานนอกศาลหรือเดินเผชิญสืบ ฝ่ายจำเลยนำพยานฝ่ายผู้ก่อสร้างอาคารคอนโดมาสืบหักล้างกันอย่างเต็มที่

ศาลพิเคราะห์พยานหลักฐาน รวมทั้งพยานบุคคลและพยานหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์เห็นว่า วันเกิดเหตุ นพ.ศรุตไปดื่มกับจำเลยที่ 1 และ 2 ที่ร้านอาหารย่านรัชดา ห้วยขวาง กทม. ก่อนออกมาด้วยอาการมึนเมาจนจำเลยที่ 1 ต้องพยุงขึ้นรถแท็กซี่ เมื่อมาถึงอาคารไดร์ฟอินน์ อพาร์ตเม้นต์ นพ.ศรุตล้มลงบนทางเดินจนมีภาพปรากฏในกล้องวงจรปิด ก่อนถูกพยุงมายังห้องพักของจำเลยทั้งสอง กระทั่งเกิดเหตุดังกล่าว ต่อมาแพทย์ชันสูตรศพ นพ.ศรุต พบที่ร่างกายมีบาดแผลหลายจุดที่ไม่เกี่ยวข้องกับการตกจากที่สูง อาทิ รอยช้ำบริเวณด้านในแขน บาดแผลถลอกที่ช่วงเอว รวมทั้งจำเลยทั้งสองยอมรับว่าในขณะเกิดเหตุมีเพียงแค่จำเลยทั้งสองกับผู้ตายอยู่ในห้องเท่านั้นและก่อนเกิดเหตุ นพ.ศรุตได้โทร.หาภรรยาเพื่อถามถึงการซื้ออาหารในตอนเช้า จึงดูไม่มีเหตุสมควรว่า นพ.ศรุตคิดสั้นฆ่าตัวตายตามที่จำเลยทั้งสองกล่าวอ้าง อีกทั้งมีพยานยืนยันได้ว่าผู้ตายกับจำเลยที่ 2 เคยคบหาเป็นคนรักกัน แต่ขณะเกิดเหตุจำเลย 1 และ 2 คบหาเป็นคู่รักกันแล้ว อาจเกิดความหึงหวงไม่พอใจ

ศาลพิพากษาลงโทษจำเลยทั้ง 2 ฐานร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยเจตนาตาม ป. อาญา ม.288 จำคุกจำเลยคนละ 15 ปี แต่จำเลยทั้ง 2 ให้การเป็นประโยชน์จึงลดโทษให้ 1 ใน 3 ตาม ป.อาญา ม.78 คงจำคุกจำเลยที่ 1 และ 2 คนละ 10 ปี และให้ทั้งคู่ร่วมกันชดใช้ค่าเสียหายเป็นเงิน 5 ล้านบาท พร้อมดอกเบี้ยร้อยละ 7.5 ต่อปีให้กับมารดาผู้ตายนับจากวันที่ฟ้อง คำขออื่นให้ยก ต่อมาเวลา 16.00 น.วันเดียวกัน ศาลอาญามีคำสั่งอนุญาตให้ปล่อยตัวชั่วคราว นพ.ปราโมทย์ และ น.ส.จิตวิมล จำเลยทั้งสองในคดีนี้ โดยใช้โฉนดที่ดินเป็นหลักประกันในราคาคนละ 500,000 บาท

ไทยรัฐฉบับพิมพ์
ข่าวทั่วไทย
กทม.
24 ธ.ค. 2564

pradit

  • Global Moderator
  • Sr. Member
  • *****
  • กระทู้: 322
    • ดูรายละเอียด
ภรรยา "หมอศรุต" ขอพูดอีกมุม เชื่อการตายของสามีเป็นอุบัติเหตุ คาดพยายามเข้าห้องน้ำ แต่ห้องแคบและเมาหนัก กลายเป็นพุ่งตกตึก

จากกรณีเมื่อวานนี้ (23 ธ.ค.) ศาลอาญามีการตัดสินคดีที่อัยการยื่นฟ้อง นพ.ปราโมทย์ จำเลยที่ 1 และนางสาวจิตวิมล จำเลยที่ 2 ในข้อหาร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา หลังจากที่ นพ.ศรุต ทวีรุจจนะ เสียชีวิตปริศนาด้วยการตกตึกในปี 2553 ซึ่งศาลตัดสินให้ทั้งคู่จำคุกคนละ 10 ปี ชดใช้ค่าเสียหายเป็นเงิน 5 ล้านบาท พร้อมดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปีให้กับมารดาผู้ตาย ถือเป็นการปิดฉากคดีดังเมื่อ 11 ปีที่แล้ว

ล่าสุด ผู้ใช้เฟซบุ๊ก Ern Ern ซึ่งเปิดเผยว่าตนเองคือภรรยาของหมอศรุต ได้ออกมาพูดในมุมมองของตนเอง ถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้น โดยเชื่อว่าการตายของสามีเป็นอุบัติเหตุ

โดยระบุว่า ในวันเกิดเหตุหมอศรุตดื่มเหล้าคนเดียวตั้งแต่ช่วงบ่าย 4-5 และโทรไปชวนหมอเอ (นามสมมุติ) และเพื่อนไปเที่ยวต่อ เมื่อออกไปเที่ยวก็โทรมาเป็นระยะ จนกระทั่งร้านปิดหมอเอโทรมาบอกตนว่า หมอศรุตเมามากน่าจะกลับไม่ไหว เลยพาไปพักที่หอพัก รู้อีกครั้งคือหมอศรุตเสียชีวิต และทางเพื่อนก็ปั๊มหัวใจจนสุดความสามารถ

"สิ่งที่หมอเอให้การคืออยู่ดีๆ หมอศรุตก็ลุกขึ้นมาแล้วพุ่งตัวออกไปเลย ไม่รู้เอาเรี่ยวแรงมาจากไหน สิ่งที่นี้คือสิ่งที่เกิดขึ้นที่บ้านบ่อยจนปกติ คือเมื่อหมอศรุตเมากลับมาที่บ้านคือจะมีความโซซัดโซเซ พยุงตัวเองไม่ได้

มีอาการพุ่งตัวอย่างแรง เมื่อรู้สึกตัว เหมือนจะวิ่ง แรงเยอะ เหมือนวิ่งหลาว เพื่อไปเข้าห้องน้ำ แต่ห้องที่บ้านมีขนาดใหญ่มาก วิ่งได้สบาย แต่เมื่อเทียบกับห้องที่เกิดเหตุคือมีขนาดเล็กมากๆ แค่ 2 ก้าวเท่านั้น"

เมื่อฟังจากคำให้การ ทำให้เธอนึกภาพออกว่าสามีพยายามจะไปเข้าห้องน้ำ ซึ่งห้องดังกล่าวประตูระเบียงกับประตูห้องน้ำอยู่ติดกัน และมีหน้าตาเหมือนกัน หมอศรุตอาจไม่ได้วิ่งพุ่งตัวลงมาแต่วิ่งไปเปิดประตูเพราะคิดว่าเป็นห้องน้ำ เหมือนที่ทำที่บ้าน

ประกอบกับห้องแคบมากๆ ระเบียงก็แคบและเตี้ย เมื่อเจอระเบียงและพลัดตกลงมาในจังหวะที่หันหลัง และน่าจะพยายามคว้ากำแพงเอาไว้ เลยมีฝุ่นติดมือและองศาการตกเป็นไปในทิศทางการทดลอง

"เราซึ่งเป็นภรรยาผู้ตายก็ไม่คิดว่ามันจะเกิดขึ้น และเสียใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น ไม่คิดว่าเป็นการฆ่าตัวตาย 100% ในใจยังคงเชื่อว่าเป็นอุบัติเหตุเรื่องพลัดตกเสมอมา

เรายังคงเชื่อในความรักความมุ่งมั่นของแม่หมอศรุต และเชื่อในหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์ที่แม่คุณหมอหามาทุกอย่าง ว่าเป็นเรื่องจริงที่พิสูจน์ได้ว่าหมอศรุตไม่ได้ฆ่าตัวตาย เป็นเรื่องที่ถูกต้องค่ะ"

ภรรยาของหมอศรุต ยืนยันว่าเป็นไปได้ที่หมอศรุตจะเมามาก และลุกขึ้นมาวิ่ง เพราะเคยเห็นมาแล้วหลายครั้ง ซึ่งทางครอบครัวของหมอศรุตไม่เคยเห็น และไม่ทราบว่าหมอกินเหล้าหนัก แต่หากเป็นเพื่อนและคนใกล้ชิดจะรู้เรื่องนี้ดี ในฐานะคนใกล้ชิด เธอจึงเชื่อว่าไม่ใช่การฆ่าตัวตาย แต่เป็นอุบัติเหตุโดยไม่เจตนา

"หากเรื่องนี้ตัดสินตามที่ศาลตัดสิน คือชีวิตของคน 2 คน ต้องจบสิ้นอนาคต และทุกข์ทรมานยิ่งกว่า 11 ปี อย่างแน่นอน ในเรื่องนี้อาจเป็นเพียงอุบัติเหตุที่ต้องการคนผิดมารับผิดชอบ และมีสิ่งมีชีวิตที่เรียกว่าแพะก็เป็นได้

หากการกระทำใดที่ทำกับใครไว้จะเป็นกรรมติดตัวไปตลอดกาล"

24 ธ.ค. 64
https://www.sanook.com/news/8493698/