ผู้เขียน หัวข้อ: ศาลเบรกประกาศสธ. ไม่คุ้มครองแพ้วัคซีนทางเลือกรพ.เอกชนฉีดเป็นผู้ป่วยฉุกเฉิน  (อ่าน 400 ครั้ง)

story

  • Staff
  • Hero Member
  • ****
  • กระทู้: 9721
    • ดูรายละเอียด
ศาลปกครองกลาง ออกคำสั่งทุเลาบังคับใช้ประกาศสธ.ที่ไม่คุ้มครอง คนแพ้วัคซีนทางเลือกที่ฉีดจากรพ.เอกชน เป็นผู้ป่วยฉุกเฉิน ชี้ไม่เป็นธรรม-เลือกปฏิบัติ เข้าข่ายไม่ชอบด้วยกม.

วันนี้ (17ธ.ค.) ศาลปกครองกลางมีคำสั่งทุเลาการบังคับประกาศกระทรวงสาธารณสุขเรื่องกำหนดผู้ป่วยฉุกเฉินโรคติดต่ออันตรายตามกฎหมายว่าด้วยโรคติดต่อกรณีโรคติดเชื้อไวรัสโคโรน่า 2019 หรือ โควิด 19 ฉบับที่ 2 ลงวันที่ 23 ก.ค.64 ข้อ 3 เฉพาะในส่วนที่ไม่คุ้มครองบุคคลที่ได้รับการป้องกันโรคโควิด19จากการฉีดวัคซีนทางเลือกที่ให้บริการโดยสถานพยาบาลตามกฎหมายว่าด้วยสถานพยาบาลที่เรียกเก็บค่าใช้จ่ายจากผู้รับการฉีดวัคซีนเป็นผู้ป่วยฉุกเฉินไว้เป็นการชั่วคราวจนกว่าศาลจะมีคำพิพากษาหรือคำสั่งเป็นอย่างอื่น

ทั้งนี้คำสั่งดังกล่าวสืบเนื่องจากนายรัชพล ปั้นทองพันธุ์ นักกฎหมายอิสระซึ่งอ้างว่าเป็นผู้บริโภคที่มีสิทธิ์ได้รับการบริการสาธารณสุขการป้องกันและการขจัดโรคติดต่ออันตรายจากรัฐโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย ยื่นฟ้องกระทรวงสาธารณสุข ขอให้ศาลฯมีคำสั่งเพิกถอนประกาศฉบับดังกล่าวเฉพาะในส่วนข้อ 3 ที่กำหนดว่า"ทั้งนี้ไม่รวมถึงวัคซีนทางเลือกที่ให้บริการโดยสถานพยาบาลตามกฎหมายว่าด้วยสถานพยาบาลซึ่งเรียกเก็บค่าใช้จ่ายจากผู้รับการฉีดวัคซีนเป็นผู้ป่วยฉุกเฉินซึ่งจำเป็นต้องได้รับการรักษาพยาบาลโดยฉุกเฉินจากสถานพยาบาล" เนื่องจากเห็นว่าประกาศดังกล่าวไม่ชอบด้วยกฎหมายเป็นการเลือกปฏิบัติโดยไม่เป็นธรรมต่อบุคคลด้วยเหตุฐานะทางเศรษฐกิจและสังคม ทำให้ประชาชนจำนวนมากที่ไม่มีความพร้อมทางสถานะเศรษฐกิจและสังคมไม่สามารถเข้าถึงวัคซีนทางเลือกพี่มีการเรียกเก็บค่าใช้จ่ายส่งผลให้รัฐไม่สามารถสร้างภูมิคุ้มกันหมู่ได้ โดยนายรัชพลได้ลงทะเบียนซื้อวัคซีนโมเดอร์น่า ให้แก่ตนเองและครอบครัวจากโรงพยาบาลเอกชนเป็นเงินจำนวน 13,200 บาทและเห็นว่าคดีนี้เป็นประโยชน์กับส่วนรวมจึงได้นำคดีมาฟ้องต่อศาล

ส่วนที่ศาลมีคำสั่งคุ้มครองชั่วคราวระบุเหตุผลว่าจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ที่เกิดขึ้นทั่วประเทศไทย และทั่วโลก กระทรวงสาธารณสุข ได้กำหนดมาตรการในการป้องกันและขจัดโรคดังกล่าว โดยการฉีดวัคซีน

โควิด-19 อันเป็นวัคซีนที่คิดค้นและผลิตขึ้นในเบื้องตัน ซึ่งหากบุคคลผู้รับการฉีดวัคซีนเกิดอาการแพ้วัคซีนหรืออาการไม่พึงประสงค์ที่เกิดจากการฉีดวัคซีนดังกล่าว บุคคลนั้นย่อมมีความจำเป็นต้องได้รับการรักษาพยาบาลโดยฉุกเฉินจากสถานพยาบาลตามกฎหมายว่าด้วยสถานพยาบาล เมื่อวัคซีนโควิด-19 ที่นำมาฉีดให้กับบุคคลกลุ่มเป้าหมายตามแผนงาน โครงการ หรือกิจกรรมการป้องกันและขจัดโรคโควิด-19 จากรัฐโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย กับวัคซีนทางเลือกที่ให้บริการโดยสถานพยาบาลตามกฎหมายว่าด้วยสถานพยาบาล ซึ่งเรียกเก็บค่าใช้จ่ายจากผู้รับการฉีดวัคซีนต่างก็เป็นวัคซีนที่ได้ผ่านการรับรองการขึ้นทะเบียนตำรับยาของวัคซีนนั้นจากคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) และหากบุคคลที่รับการฉีดวัคซีนทางเลือกเกิดอาการแพ้วัคซีนหรืออาการไม่พึงประสงค์ที่เกิดจากการฉีดวัคซีนโควิด-19 ย่อมมีความจำเป็นต้องได้รับการรักษาพยาบาลโดยฉุกเฉินจากสถานพยาบาล ตามกฎหมายว่าด้วยสถานพยาบาลเช่นกัน

การที่กระทรวงสาธารณสุข ออกประกาศดังกล่าวโดยไม่ได้กำหนดให้ครอบคลุมถึงบุคคลที่ได้รับการป้องกัน โควิด19 จากการฉีดวัคซีนทางเลือกที่ให้บริการโดยสถานพยาบาลตามกฎหมายว่าด้วยสถานพยาบาลที่เรียกเก็บค่าใช้จ่ายจากผู้รับการฉีดวัคซีนเป็นผู้ป่วยฉุกเฉินด้วย ทำให้ผู้ได้รับการป้องกันโรค โควิด19 จากการฉีดวัคซีนทางเลือกจะไม่ได้เป็นผู้ป่วยฉุกเฉินซึ่งจำเป็นต้องได้รับการรักษาโดยฉุกเฉินจากสถานพยาบาลตามกฎหมายว่าด้วยสถานพยาบาลเหมือนบุคคลที่ได้รับการฉีดวัคซีนจากรัฐโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย จึงอาจถือเป็นการเลือกปฏิบัติโดยไม่เป็นธรรมต่อสภาพทางกายหรือสุขภาพของบุคคลที่มีสิทธิ์ได้รับบริการสาธารณสุขของรัฐตามมาตรา 27 วรรคสามประกอบมาตรา 47 วรรคหนึ่งของรัฐธรรมนูญ

ดังนั้นประกาศกระทรวงสาธารณสุขดังกล่าวในส่วนของข้อ 3 เฉพาะในส่วนที่ไม่คุ้มครองถึงบุคคลที่ได้รับการป้องกันโรคโควิด19 จากการฉีดวัคซีนทางเลือกที่ให้บริการโดยสถานพยาบาลตามกฎหมายว่าด้วยสถานพยาบาลที่เรียกเก็บค่าใช้จ่ายจากผู้รับการฉีดวัคซีนเป็นผู้ป่วยฉุกเฉินจึงน่าจะไม่ชอบด้วยกฎหมาย หากมีผลใช้บังคับต่อไปในระหว่างการพิจารณาคดีจะทำให้เกิดความเสียหายอย่างร้ายแรงจนยากแก่การเยียวยาแก้ไขในภายหลังหากบุคคลผู้รับการฉีดวัคซีนทางเลือกมีความจำเป็นต้องได้รับการรักษาพยาบาลโดยฉุกเฉินจากสถานพยาบาลตามกฎหมายว่าด้วยสถานพยาบาลพยาบาลจะไม่สามารถเข้ารับการรักษาในฐานะที่เป็นผู้ป่วยฉุกเฉินตามกฎหมายดังกล่าวได้อย่างทันท่วงที ซึ่งอาจส่งผลกระทบถึงชีวิตร่างกายของบุคคลที่ได้รับวัคซีนทางเลือกนั้น อีกทั้งการมีคำสั่งทุเลาของศาลเฉพาะในส่วนที่ไม่คุ้มครองถึงบุคคลที่ได้รับการป้องกันโรคโควิด19 จากการฉีดวัคซีนทางเลือกที่ให้บริการโดยสถานพยาบาลตามกฎหมายว่าด้วยสถานพยาบาลที่เรียกเก็บค่าใช้จ่ายจากผู้รับการฉีดวัคซีนเป็นผู้ป่วยฉุกเฉินย่อมไม่เป็นอุปสรรคต่อการบริหารงานของรัฐหรือบริการสาธารณะ เนื่องจากกระทรวงสาธารณสุขยังคงมีหน้าที่ในการจัดการด้านการสาธารณสุขให้แก่ประชาชนทุกคนโดยดำเนินการตามมาตรการของรัฐในการป้องกันและขจัดโรคโควิด 19 และกำหนดผู้ป่วยฉุกเฉินตามประกาศฉบับพิพาทต่อไปได้จึงเข้าหลักเกณฑ์ที่ศาลจะมีคำสั่งทุเลาการบังคับตามประกาศกระทรวงสาธารณสุขดังกล่าว

17 ธ.ค. 2564  ผู้จัดการออนไลน์

story

  • Staff
  • Hero Member
  • ****
  • กระทู้: 9721
    • ดูรายละเอียด
ประกาศกระทรวงสาธารณสุขเรื่อง กำหนดผู้ป่วยฉุกเฉินโรคติดต่ออันตรายตามกฎหมายว่าด้วยโรคติดต่อกรณีโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโรคโควิด 19 (Coronavirus Disease 2019 (COVID-19))(ฉบับที่ 2)ที่ภาครัฐกำหนดโดยไม่เสียค่ำใช้จ่าย หากบุคคลผู้รับการฉีดวัคซีนเกิดอาการแพ้วัคซีนหรืออาการไม่พึงประสงค์ที่เกิดจำกกำรฉีดวัคซีนโควิด 19 บุคคลดังกล่ำวจึงมีความจำเป็นต้องได้รับการรักษาพยาบาลโดยฉุกเฉินจากสถานพยาบาลตามกฎหมายว่าด้วยสถานพยาบาล จึงเป็นการสมควรแก้ไขเพิ่มเติมประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรื่อง กำหนดผู้ป่วยฉุกเฉินโรคติดต่ออันตรายตามกฎหมายว่าด้วยโรคติดต่อ กรณีโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโรคโควิด 19 (Coronavirus Disease 2019 (COVID-19))

อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 6 วรรคหนึ่ง แห่งพระราชบัญญัติสถานพยาบาล พ.ศ. ๒๕๔๑ และมาตรา ๓๓/๑ แห่งพระราชบัญญัติสถานพยาบาล พ.ศ. ๒๕๔๑ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติสถานพยาบาล (ฉบับที่ ๔) พ.ศ. ๒๕๕๙ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขโดยคำแนะนำของคณะกรรมการสถานพยาบาล จึงออกประกาศไว้ ดังต่อไปนี้

ข้อ๑ ประกาศนี้เรียกว่า “ประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรื่อง ก าหนดผู้ป่วยฉุกเฉินโรคติดต่ออันตรายตามกฎหมายว่าด้วยโรคติดต่อ กรณีโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนำ 2019 หรือโรคโควิด 19 (Coronavirus Disease 2019 (COVID-19)) (ฉบับที่ ๒)”

ข้อ๒ ประกาศนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันที่ ๑ มีนาคม ๒๕๖๔ เป็นต้นไป

ข้อ๓ ให้ยกเลิกความในข้อ ๓ แห่งประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรื่อง กำหนดผู้ป่วยฉุกเฉินโรคติดต่ออันตรายตามกฎหมายว่าด้วยโรคติดต่อ กรณีโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโรคโควิด 19 (Coronavirus Disease 2019 (COVID-19)) และให้ใช้ควำมต่อไปนี้แทน “ข้อ ๓ ให้ผู้ป่วยโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโรคโควิด 19 (Coronavirus Disease 2019 (COVID-19)) ซึ่งเป็นโรคติดต่ออันตรายตามกฎหมายว่าด้วยโรคติดต่อ และบุคคลกลุ่มเป้าหมาย
ที่ได้รับการป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโรคโควิด 19 (Coronavirus Disease 2019 (COVID-19)) โดยการฉีดวัคซีนตามแผนงาน โครงการ หรือกิจกรรมการป้องกันและขจัดโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนำ 2019 หรือโรคโควิด 19 (Coronavirus Disease 2019 (COVID-19)) จากรัฐโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย ทั้งนี้ ไม่รวมถึงวัคซีนทางเลือกที่ให้บริการโดยสถานพยาบาลตามกฎหมายว่าด้วยสถานพยาบาล ซึ่งเรียกเก็บค่าใช้จ่ายจากผู้รับการฉีดวัคซีน เป็นผู้ป่วยฉุกเฉินซึ่งจำเป็นต้องได้รับการรักษาพยาบาลโดยฉุกเฉินจากสถานพยาบาลตามมาตรา ๓๖ แห่งพระราชบัญญัติสถานพยาบาล พ.ศ. ๒๕๔๑ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติสถานพยาบาล (ฉบับที่ ๔) พ.ศ. ๒๕๕๙”

ประกาศ ณ วันที่ ๒๓ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๖๔
อนุทิน ชาญวีรกูล
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข