ผู้เขียน หัวข้อ: เด็กม.6 แชร์ประสบการณ์ ไปฝังยาคุมฟรี ตามโครงการรัฐ กลับเจอหมอห้าม-ตำหนิ  (อ่าน 367 ครั้ง)

story

  • Staff
  • Hero Member
  • ****
  • กระทู้: 9721
    • ดูรายละเอียด
เด็กม.6 แชร์ประสบการณ์ ไปฝังยาคุมฟรี ตามโครงการรัฐ กลับเจอหมอห้าม-ตำหนิ

จากกรณีภาครัฐดำเนินโครงการจัดบริการคุมกำเนิดด้วยการฝังยาคุมฟรี ให้กับวัยรุ่นที่มีอายุ 10-20 ปี ได้ที่โรงพยาบาลของรัฐ ตามพรบ.การป้องกันและแก้ไขปัญหาการตั้งครรภ์ในวัยรุ่น พ.ศ.2559นั้น

อย่างไรก็ตามล่าสุดเฟซบุ๊กแฟนเพจ Drama-addict ของนพ.วิทวัส ศิริประชัย (จ่าพิชิต ขจัดพาลชน​) ได้โพสต์ข้อความของเด็กนักเรียนระดับมัธยมศึกษาปีที่ 6 รายหนึ่งที่เล่าประสบการณ์การเข้าร่วมโครงการฝังยาคุมฟรีดังกล่าว แต่กลับถูกหมอห้ามและตำหนิ ทำให้เสียทั้งความรู้สึกและเสียทั้งเวลา

โดยข้อความระบุว่า

จ่าคะ หนูเป็นเด็ก ม.6 มีแฟนค่ะ แล้วก็มีเพศสัมพันธ์กัน แต่ป้องกันตลอด ใช้ถุงยางอนามัย แต่พอทำเสร็จก็ชอบเครียด กลัวถุงจะรั่วนู่นนี่

เลยไปหาข้อมูล จนเจอฝังยาคุมให้เด็กอายุต่ำกว่า 20 ฟรี ที่โรงพยาบาลรัฐ ศึกษา ตัดสินใจอยู่ 2 เดือน จะไปฝัง วันไปก็คือรวบรวมความกล้ามาก ไปวันแรกไปช้า เลยไม่เจอหมอ ก็คุยกับพยาบาล เขาก็ถามเรื่องปกติ อายุเท่าไร ศึกษามาบ้างไหม แล้วเขาก็แนะนำว่าให้มาใหม่ เพราะวันนี้หมอไม่อยู่แล้ว จนมาอีกวัน วันนี้เลยค่ะ ไปแต่เช้า ได้เจอหมอ

แต่พอเข้าไปก็คือ หมอถามว่ามาทำอะไร เราก็บอกฝังยาคุมค่ะแต่หมอพูดว่า ฝังทำไม อันนี้เขาให้ฝังคนที่มีลูกแล้ว มีสามี แต่งงานแล้วแล้วอยากคุม ใช้ถุงยางก็พอแล้ว มันไม่เป็นอะไรง่ายๆหรอก แล้วก็ถาม แล้วเรียนอยู่ไม่ใช่เหรอ มีเพศสัมพันธ์ได้ยังไง

ตอนนั้นอึ้งมาก ไม่เห็นเหมือนที่รัฐโปรโมท สรุปก็คือไม่ได้ฝัง แต่คำพูดหมอทำหนูช็อคเห็นโพสต์จ่าเรื่องนี้เมื่อ 4 ปีที่แล้ว ไม่คิดว่าตอนนี้ยังเป็นแบบนั้นอยู่ เสียทั้งความรู้สึก เสียทั้งเวลาเลยค่ะ

ด้านจ่าพิชิต โพสต์ข้อความระบุว่า

“ลูกเพจหลังไมค์มาปรึกษาก่อนอื่นขอชื่นชมน้องนะครับ มีความรับผิดชอบและตัดสินใจได้ดีมากส่วนประเด็นหมอพูดแบบนั้นนี่เพราะอะไรก็ไม่รู้เหมือนกัน แต่ยืนยันว่า ยาคุม ไม่ใช่ฝังเฉพาะแต่คนมีลูกแล้ว ปัจจุบัน เราใช้กับเด็กวัยรุ่นด้วย มีโครงการฝังให้ฟรีในกลุ่มอายุ 10-19 ปีด้วย เพราะปัจจุบันเราถือว่า การฝังยาคุม คือการคุมกำเนิดที่มีประสิทธิภาพสูงที่สุด สูงกว่าถุงยางเยอะมาก และสูงกว่าการทำหมันเสียอีก (การทำหมันมีโอกาสหมันหลุดได้ และโอกาสมากกว่ายาคุมแบบฝัง) และผลข้างเคียงค่อนข้างน้อย แนะนำน้องว่า ลองเปลี่ยน รพ ไปปรึกษาหมอที่ รพ อื่นดูอีกทีครับ”

ทั้งนี้โพสต์ดังกล่าวมีผู้เข้ามาแสดงความคิดเห็นเป็นจำนวนมากโดยส่วนใหญ่แสดงความเห็นตำหนิพฤติกรรมของหมอท่านดังกล่าว ว่าเพราะเหตุใดจึงพูดตำหนิเด็กทั้งที่มีความรับผิดชอบ มีความเข้าใจรู้จักป้องกันตัวเอง รวมไปถึง วิจารณ์หมอว่าเป็นคน หัวโบราณและพูดทำร้ายจิตใจเด็ก และเพราะแบบนี้เองที่เป็นต้นเหตุที่ทำให้มีแม่วัยรุ่นเยอะ

16 พฤศจิกายน 2564
https://www.matichon.co.th/social/news_3044774