ผู้เขียน หัวข้อ: ไทยชนะ!! “กรุงเทพฯ” เมืองที่น่า Workation ที่สุดในโลก  (อ่าน 387 ครั้ง)

story

  • Staff
  • Hero Member
  • ****
  • กระทู้: 9742
    • ดูรายละเอียด
ตั้งแต่ปีที่ผ่านมา หลังจากเกิดสถานการณ์โควิด-19 ระบาดไปทั่วโลก ต้องลดการเดินทางไปมาหาสู่กัน ส่วนใหญ่ก็เน้นเก็บตัวอยู่ในที่อยู่อาศัย

แต่สำหรับคนที่ต้องทำงาน แต่ก็ไม่สะดวกที่จะเดินทางเข้าไปทำงานในออฟฟิศเหมือนในยามปกติ ก็มีทั้งการ Work From Home หรือการทำงานจากที่บ้าน รวมไปถึง “Workcation” ซึ่งเป็นเทรนด์ใหม่ที่มาแรงในยุค New Normal แบบนี้

ระบบการสื่อสารโทรคมนาคมในยุคปัจจุบันที่มีความรวดเร็วและเข้าถึงได้มากขึ้น เป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้สามารถทำงานจากสถานที่ใดก็ได้ ไม่ว่าจากที่บ้าน คาเฟ่สวยๆ บนภูเขา หรือริมชายหาด ซึ่งก็สามารถทำงานได้เช่นเดียวกับการเข้าออฟฟิศ (ใช้ได้กับบางอาชีพและบางสายงาน)

Workation เทรนด์ใหม่ในยุคนี้

CNBC สื่อของสหรัฐอเมริกา ให้ข้อมูลไว้ว่า บริษัทเครื่องมือค้นหาวันหยุดในเยอรมนี Holidu ได้รวบรวมรายชื่อเมืองชั้นนำทั่วโลกที่มีส่วนผสมระหว่างการทำธุรกิจและความสุข ซึ่ง Sarah Siddle ผู้จัดการฝ่ายประชาสัมพันธ์และการตลาดของ Holidu ได้ให้ความเห็นว่า เหตุการณ์หนึ่งปีครึ่งที่ผ่านมา ได้เปลี่ยนวิธีการทำงานไปโดยสิ้นเชิง แสดงให้เห็นว่าเราไม่จำเป็นต้องเข้าสำนักงาน 5 วันต่อสัปดาห์เพื่อทำงานเสมอไป เราอาจใช้เวลาที่ยาวนานขึ้นในจุดหมายปลายทางที่ต้องการ โดยไม่มีข้อจำกัดจากช่วงวันลาหยุดประจำปี

Holidu's Workation Index ปี 2021 ได้ทำการจัดอันดับ 150 เมือง ที่เป็นจุดหมายปลายทางสำหรับวันหยุดพักผ่อน โดยพิจารณาจากปัจจัยต่างๆ ตั้งแต่ค่าเช่ารายเดือนในอพาร์ตเมนท์แบบหนึ่งห้องนอน ค่าเครื่องดื่มหลังเลิกงาน จำนวนชั่วโมงที่มีแสดงแดดในแต่ละวัน ความเร็วของ Wi-Fi และกิจกรรมการท่องเที่ยว รีวิวที่ได้คะแนน 4 ดาวขึ้นไปจากเว็บไซต์ BestCities.org และ Tripadvisor.co.uk

โดย10 อันดับแรก เมืองที่เหมาะสำหรับการ Workation ที่สุดในโลก ปี 2021 ได้แก่

1. กรุงเทพมหานคร ประเทศไทย
2. นิวเดลี ประเทศอินเดีย
3. ลิสบอน ประเทศโปรตุเกส
4. บาร์เซโลนา ประเทศสเปน
5. บัวโนสไอเรส ประเทศอาร์เจนตินา
6. บูดาเปสต์ ประเทศฮังการี
7. มุมไบ ประเทศอินเดีย
8. อิสตันบูล ประเทศตุรกี
9. บูคาเรสต์ ประเทศโรมาเนีย
10. ภูเก็ต ประเทศไทย

ทั้งนี้ กรุงเทพฯ ได้รับเลือกเป็นอันดับหนึ่ง ด้วยค่าครองชีพที่ไม่แพง มีความสามารถด้านภาษาอังกฤษสูง มีสถานที่ท่องเที่ยวที่หลากหลาย มีสิ่งอำนวยความสะดวกมากมาย รวมถึงเป็นที่ตั้งของสำนักงานบริษัทข้ามชาติหลายแห่ง

โดยผู้จัดการฝ่ายประชาสัมพันธ์และการตลาดของ Holidu ได้ให้ความเห็นว่า เมืองที่สามารถติดอันดับต้นๆ ได้ ส่วนมากมีค่าครองชีพไม่แพง ราคาที่พัก อาหาร และเครื่องดื่มมีความน่าดึงดูดใจ เหนือสิ่งอื่นใด เมืองเหล่านี้เป็นแหล่งรวมวัฒนธรรมที่มีเอกลักษณ์ของตัวเอง ทุกแห่งมีสถานที่น่าทึ่ง และมีกิจกรรมให้ทำมากมาย

ส่วนเมืองใหญ่อื่นๆ เช่นเมืองในสหรัฐอเมริกา ไม่มีเมืองใดที่ติด 20 อันดับแรก โดยเมืองลอสแอนเจลิส อยู่ในอันดับ 30

นอกจากนี้ Holidu ยังมีการจัดอันดับในด้านอื่นๆ อีก อาทิ เมืองที่ดีที่สุดในการเชื่อมต่อ Wi-Fi 5 อันดับแรกคือ สิงคโปร์, ฮ่องกง, ซานฟรานซิสโก (สหรัฐอเมริกา), ซานดิเอโก (สหรัฐอเมริกา) และ ฟาโร (โปรตุเกส)

เมืองแห่งโค-เวิร์กกิ้ง สเปซ 5 อันดับแรก คือ ลอนดอน (อังกฤษ), นิวยอร์ก (สหรัฐอเมริกา), ฮ่องกง, นิวเดลี (อินเดีย) และ โตเกียว (ญี่ปุ่น)

เมืองแห่งกิจกรรมในช่วงวันหยุด 5 อันดับแรก คือ นิวยอร์ก (สหรัฐอเมริกา), ลอนดอน (อังกฤษ), มอสโก (รัสเซีย), ปารีส (ฝรั่งเศส) และ โรม (อิตาลี)

แนวโน้มการทำงานนอกสถานที่แบบนี้น่าจะเพิ่มขึ้นในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า เนื่องจากมีบริษัทจำนวนมากที่ให้ความยืดหยุ่นในการทำงานของพนักงาน สามารถเดินทางไปต่างประเทศเป็นเวลานานได้ และมีความสมดุลระหว่างชีวิตการทำงานและการใช้ชีวิต

Workation มาจากคำว่า Work + Vacation

สำหรับคำว่า “Workcation” มาจาก 2 คำผสมกัน คือ Work + Vacation ที่เป็นการทำงานควบคู่ไปกับการพักผ่อน และการท่องเที่ยว โดยการเปลี่ยนบรรยากาศการทำงานที่จำเจในออฟฟิศหรือที่บ้าน มาเป็นการทำงานในสถานที่พักผ่อน โรงแรม รีสอร์ท คาเฟ่ ตามแหล่งท่องเที่ยวสงบๆ หรือตามสถานที่ต่าง ๆ ที่เหมาะสม จนเกิดคำกล่าวว่า Workcation ทำให้คนทำงานยุคนี้ส่วนหนึ่งสามารถทำงานที่ไหนในโลกก็ได้

ทั้งนี้ว่ากันว่าการเปลี่ยนสภาพแวดล้อมมาทำงานต่างสถานที่ ในบรรยากาศที่รู้สึกผ่อนคลาย จะสามารถกระตุ้นไอเดีย และเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานได้ดียิ่งขึ้น (แต่นั่นไม่ได้หมายถึงทุกคน และไม่ใช่กับทุกประเภทของอาชีพสายงาน)

1 ก.ย. 2564  ผู้จัดการออนไลน์