ผู้เขียน หัวข้อ: มันต้องถอน..มันต้องถอย  (อ่าน 3024 ครั้ง)

story

  • Staff
  • Hero Member
  • ****
  • กระทู้: 9745
    • ดูรายละเอียด
มันต้องถอน..มันต้องถอย
« เมื่อ: 30 มิถุนายน 2010, 23:35:58 »
               ร่างพ.ร.บ.คุ้มครองผู้เสียหายจากการรับบริการสาธารณสุขพ.ศ. ....
                     มันต้องถอน.............มันต้องถอย เพราะ ประชาชนส่วนใหญ่เสียประโยชน์   มีผลกระทบต่อระบบบริการสาธารณสุข    แต่ประชาชนส่วนน้อยคือผู้เสียหาย  และกลุ่ม  NGO บางกลุ่มที่ต้องการมีอำนาจควบคุมเงิน ได้ประโยชน์
เหตุผล
   
1.ชื่อไม่เป็นมงคล  ต่อวงการแพทย์ ส่อเค้าให้เกิดความเสียหายเป็นอาจินต์ ในความเป็นจริงไม่ใช่   ไม่ใช่เจตนารมณ์ของการแพทย์และการสาธารณสุข เราต้องการให้ผู้ป่วยหายจากโรคมีสุขภาพและคุณภาพชีวิตที่ดี

2. ชื่อ และเนื้อหาไม่สอดคล้องกับเจตนารมณ์ของกฎหมาย  ทำลายสัมพันธภาพที่ดีระหว่างแพทย์และผู้ป่วย     และยิ่งตอกย้ำความไม่ไว้วางใจให้ร้าวลึกมากขึ้น   แพทย์ตรวจผู้ป่วยด้วยความระแวงว่าจะเกิดการฟ้องร้องหรือไม่   เกิดปรากฏการณ์ การแพทย์ที่ปกป้องตนเอง(defensive  medicine)     ซี่งคนทั่วไปยากที่จะเข้าใจ   ปัญหานี้เกิดขึ้นในปัจจุบันตั้งแต่ พ.ร.บ.หลักประกันสุขภาพ ฯ ม.41  ม42   และจะเกิดมากขึ้นในอนาคต ดังนี้ 
   2.1 ค่าใช้จ่ายในการแพทย์บานปลายมากขึ้นทั้งของรัฐและเอกชนเพราะแพทย์จะส่งตรวจและให้การรักษาเกินความจำเป็น  ร.พ.รัฐขาดทุน  505 แห่ง ต้นเหตุแห่งพ.ร.บ.ประกันสุขภาพฯ ( งบประมาณฯไม่พอ  ม.41และ ม.42 )  เราได้เตือนท่านแล้วแต่ไม่รับฟัง   หากเรียกเก็บเงินจากร.พ.ที่ขาดทุนอีกจะกระทบต่องานบริการของผู้ป่วยส่วนใหญ่อย่างแน่นอน
  2.2ผู้ป่วยหนักมีปัญหาซับซ้อนและรักษายากถูกส่งไปร.พ.ใหญ่มากขึ้น  รอคิวยาว  จนเสียชีวิตไปก่อน
  2.3ผู้ป่วยที่มีค่าใช้จ่ายในการรักษาสูง  ฉุกเฉินและรุนแรงเมื่อถูกส่งต่อจะได้รับการปฏิเสธ จนต้องเสียชีวิต ณ
ร.พ.เดิม เพราะไม่มีศักยภาพที่จะรักษา  และขาดขวัญกำลังใจในการพัฒนาการรักษาในโรคที่ยาก  เพราะทำแล้วร.พ.ขาดทุน  ผุ้รักษาเสี่ยงต่อการถูกฟ้องร้องสูง

3.ไม่สอดคล้องเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญในประเด็นดังนี้
   3.1เลือกปฏิบัติไม่ให้ความเท่าเทียมในด้านสิทธิของทั้งผู้ให้บริการและผู้รับบริการซี่งเกิดความเสียหายได้ทั้งคู่  เช่น  การติดโรคจากผู้รับบริการ   การถูกบังคับอยู่เวรนอกเวลาราชการจนสุขภาพกายและจิตเสื่อม   การรับผลกระทบจากรังสีและเคมีบำบัด    คุณภาพชีวิตที่แย่ลงฯลฯ
   3.2 ผู้ให้บริการตามมาตรฐานวิชาชีพไม่ได้รับการคุ้มครองทั้งคดีแพ่งและคดีอาญา ตามรัฐธรรมนูญ  ในร่างพ.ร.บ.นี้  คณะกรรมการฯไม่มีตัวแทนสภาวิชาชีพในการประเมินมาตรฐานวิชาชีพ  การให้บุคคลอื่นที่ไม่เข้าใจหลักการแพทย์ย่อมไม่ยุติธรรมและไม่ถูกต้อง
   3.3 มีการบังคับจ่ายเงินทั้งจากหน่วยงานทั้งภาครัฐและเอกชนซึ่งกระทบสิทธิและเสรีภาพอย่างแรง    แต่ไม่มีการทำประชาพิจารณ์ ในบุคคลที่เกี่ยวขอ้ง

4.อายุความยาว 10 ปี  ยืดเยื้อยาวนาน  เช่นเดียวกับคดีอาญา สร้างความวิตกกังวล  รบกวนสมาธิการทำงาน  มีผลกระทบต่อผู้ป่วยส่วนใหญ่ที่รับบริการ    ทำให้สูญเสียแพทย์ที่ดีออกจากระบบเพียงแค่ถูกกล่าวหา   

5.ภาระค่าใช้จ่ายจะถูกผลักไปยังผู้ป่วยที่รักษากับ คลินิกและร.พ.เอกชน

6.เพิ่มหน่วยงานที่มารับผิดชอบในการจ่ายเงิน   สร้างภาระงบประมาณและ  สร้างปัญหาเช่นเดียวกับสปสช.  ที่เรียกว่าเสือนอนกิน  ไม่มีหน่วยงานใดตรวจสอบ  และคานอำนาจ  บีบบังคับร.พ.ต่างๆโดยใช้เงินเป็นตัวล่อ   ซี่งรอ ฯพณฯ ร.ม.ต.สธ.มาแก้ไข     หากเกิดเสือ 2 ตัว ในวงการสาธารณสุข อีก  มวลชนบุคลากรสาธารณสุขจะหมดความอดกลั้น  จะเกิดการประท้วงกลางกระทรวงแน่นอน    ท่านเตรียมรับมือไว้ได้เลย

ทางออกของประชาชน
1.พ.ร.บ.หลักประกันสุขภาพ ม.41 ควรครอบคลุมผู้ป่วยทุกประเภท และตัดเงินไปไว้ที่สถานบริการ  ดำเนินการเอง อย่าเอาไว้กับเสือนอนกิน (สปสช.)

2.รับเงินจากกองทุนต้องยุติคดีแพ่งและอาญา  หากไม่พีงพอใจ ประชาชนไปฟ้องศาลตามกฎหมายคุ้มครองผู้บริโภคได้ซี่งไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายใดๆทั้งสิ้น  รวดเร็วมีระบบเจรจาไกล่เกลี่ย    ซี่งศาลให้ความยุติธรรมอยู่แล้ว  ไม่ต้องตั้งคณะกรรมการใหม่  ไม่ต้องตั้งองค์กรใหม่เสียงบประมาณแผ่นดิน  ซี่ง แย่กว่าเดิมองค์ประกอบไม่น่าเชื่อถือ

3.ผู้ร่วมจ่าย มี สปสช.รัฐบาล  สำนักงานประกันสังคม 

4.ผู้ป่วยรักษาคลินิกเอกชนและร.พ.เอกชน  หากมีปัญหาสามารถบริหารจัดการได้เองอยู่แล้ว  ไม่ต้องรวมในพ.ร.บ.ดังกล่าว  ยกเว้นสมัครใจ
       เพื่อประโยชน์ต่อประชาชนส่วนใหญ่ที่แท้จริงควรถอนร่าง พ.ร.บ.ออกจากสภาผู้แทนราษฎรก่อน   และ เริ่มต้นใหม่ในสิ่งที่ดีกว่า   ด้วยความรอบคอบรอบด้านและประชาชนทุกฝ่ายมีส่วนร่วม     
                                                พญ.สุธัญญา     บรรจงภาค   

khunpou

  • Full Member
  • ***
  • กระทู้: 111
    • ดูรายละเอียด
Re: มันต้องถอน..มันต้องถอย
« ตอบกลับ #1 เมื่อ: 01 กรกฎาคม 2010, 05:58:16 »
พ.ร.บ.ที่ผ่านมติของคณะรัฐมนตรีนั้น ให้จ่ายแก่ประชาชน 2 เด้งคือ
1.เงินช่วยเหลือเบื้องต้น
2.เงินชดเชยความเสียหาย
ในความเห็นจากนักกฎหมายมหาชนผู้หนึ่งกล่าวว่าพ.ร.บ.ฉบับนี้ ก็อาศัยทำตามพ.ร.บ.ความรับผิดทางละเมิดของเจ้าหน้าที่ คือ
1.การช่วยเหลือ ถือว่าไม่ได้ทำความผิด แต่ช่วยเพราะมนุษยธรรม
2.การชดเชย ภือว่าทำความผิดคือประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรง ซึ่งเมื่อหน่วยงานจ่ายเงินชดเชยแล้ว ต้องไปไล่เบี้ยเอากับผู้กระทำความผิด
ในพ.ร.บ.คุ้มครองผู้เสียหายนี้ ไม่มีกำหนเดไว้ในพ.ร.บ.ว่า "ห้ามไล่เบี้ย" ซึ่งในทางกฎหมายถือว่า ถ้าไม่ได้กำหนดไว้ชัดเจน ให้เทียบเคียงได้จากกฎหมายอื่นๆที่มีอยู่
เพราะฉะนั้น ถ้ามีการจ่ายเงินชดเชยแล้ว ต้องมีการไล่เบี้ยเกิดขึ้นอย่างแน่นอน

khunpou

  • Full Member
  • ***
  • กระทู้: 111
    • ดูรายละเอียด
Re: มันต้องถอน..มันต้องถอย
« ตอบกลับ #2 เมื่อ: 01 กรกฎาคม 2010, 06:58:57 »
ตามปกติแล้วพ.ร.บ.ความรับผิดทางละเมิดของเจ้าหน้าที่นั้น ใช้บังคับเฉพาะข้าราชการและลูกจ้างหน่วยราชการเท่านั้น
 
แต่ๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
 
ในพ.ร.บ.ค้มครองผู้เสียหายนี้ ได้รวบหัวรวบหางเอาองค์กรเอกชนเช่นกาชาด โรงพยาบาลเอกชน ร้านทำฟัน  คลีนิกรักษาสิว ฝ้า ร้านขายยา ร้านกายภาพบำบัดทันตแพทย์
 เทคนิกการแพทย์ เภสัช หรือการประกอบวิชาชีพทางการแพทย์อื่นๆ 
ทั้งหลายทั้งปวงต้องมาอยู่ภายใต้พ.ร.บ.นี้ และผู้ดำเนินการมีหน้าที่ "จ่ายเงินสมทบเข้ากองทุน"
ถ้าฝ่าฝืนไม่จ่ายเงินตามที่คณะกรรมการสั่ง มัสิทธิถูกลงโทษทั้งทางแพ่ง คือต้องเสียค่าปรับ
และมีโทษทางอาญาคือ ถูกจำคุก 6 เดือน
 
เสียเงินน่ะไม่เป็นไร สถานพยาบาลก็คงไปไล่เบี้ยเอากับ "ผู้รับบริการ" หรือรัฐบาลที่ "จ่ายเงินแทนผู้รับบริการ"
 
แต่สิ่งที่จะเสียหายมากกว่านั้นคือ ผู้ประกอบวิชาชีพ ที่อาจต้องถูกไล่เบี้ย หลังจากคณะกรรมการมีคำสั่งให้จ่ายเงินทดแทนแก่ "ผู้เสียหายแล้ว" 
และถ้าผู้ประกอบวิชาชีพไม่มีเงินจ่าย ก็อาจต้องไปติดคุกแทนใช้หนี้
 
นอกจากนี้ พ.ร.บ.คุ้มครองผู้เสียหายฯนี้ ยังมีคณะกรรมการอุทธรณ์ ให้ประชาชนร้องอุทธรณ์ได้ ถ้าไม่พอใจเม็ดเงินที่คณะกรรมการจ่ายชดเชย
 
แต่ๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
ผู้ประกอบวิชาชีพนั้น ไม่มีสิทธ์ใดๆ ในการยื่ยอุทธรณ์แก่คณะกรรมการทั้งสิ้นทั้งปวง
ถ้าผู้ประกอบวิชาชีพกลัวการจ่ายเงินหรือกลลัวถูกไล่เบี้ย ต้องไปฟ้องศาลปกครองได้สถานเดียวเท่านั้น
 
 
 

khunpou

  • Full Member
  • ***
  • กระทู้: 111
    • ดูรายละเอียด
Re: มันต้องถอน..มันต้องถอย
« ตอบกลับ #3 เมื่อ: 01 กรกฎาคม 2010, 06:59:57 »
ฉะนั้นใครผู้ใดที่อยู่นอกกระทรวงสาธารณสุข
ถือว่าตัวเองลาออกมาแล้ว ปลอดภัย แล้ว
นับว่าท่านคิดผิดมากๆ 
(แต่ไม่เป็นไร คิดผิดก็คิดใหม่ได้ ก่อนที่จะสายเกินไป)
เพราะพ.ร.บ.นี้ เปรียบเหมือนหมาป่าอยากขย้ำลูกแกะ
นิทานออสปโบราณ หมาป่าสก็อยาดขย้ำลูกแกะเป็นอาหาร ก็หาเรื่องว่าลูกแกะทำให้น้ำในลำธารขุ่น หาป่ากินไม่ลง ถ็าลูกแกะไม่ได้ทำให้น้ำจุ่น
 ก็ต้องเป็นพ่อแม่ของแกนั่นแหละที่เป็นคนทำ
 หรือไม่เช่นนั้นก็ต้องเป็นเพื่อนฝูงญาติโกโหติกาของแกนั่นแหละที่ทำ
ฉะนั้นหมาป่าก็ต้องมีความชอบธรรม ที่จะขย้ำลูกแกะได้ทุกตัว
ไม่เฉพาะตัวที่ยืนเซ่ออยู่ในกระทรวงสาธารณสุข
อุ๊บส์
ขออภัย
ตัวที่ยืนเซ่ออยู่ริมลำธาร
 

today

  • Staff
  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 263
    • ดูรายละเอียด
Re: มันต้องถอน..มันต้องถอย
« ตอบกลับ #4 เมื่อ: 06 กรกฎาคม 2010, 16:36:17 »
หมาป่า = NGO
ลูกแกะ = ?????

ถ้าไม่อยากเป็น ลูกแกะ  ----> มันต้องถอน