ผู้เขียน หัวข้อ: หมอใหญ่เตือนสหรัฐฯ มุ่งหน้าผิดทางหลังเคสติดเชื้อโควิดพุ่ง ส่อกลับมาสวมหน้ากาก  (อ่าน 302 ครั้ง)

story

  • Staff
  • Hero Member
  • ****
  • กระทู้: 9742
    • ดูรายละเอียด
สหรัฐฯ กำลังมุ่งหน้าไปผิดทางในเรื่องโรคระบาดใหญ่ไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ ในขณะที่เคสผู้ติดเชื้อในบรรดาคนที่ยังไม่ฉีดวัคซีนเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ผู้เชี่ยวชาญด้านการแพทย์ระดับสูงของทำเนียบขาวเตือนเมื่อวันอาทิตย์ (25 ก.ค.) พร้อมเผยเจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างพิจารณาทบทวนฉีดเข็มกระตุ้นแก่บุคคลอ่อนแอและกลับมาบังคับสวมหน้ากากอีกครั้ง

นายแพทย์แอนโทนี เฟาซี หัวหน้าที่ปรึกษาด้านการแพทย์ของประธานาธิบดีโจ ไบเดน ให้สัมภาษณ์กับสถานีโทรทัศน์ซีเอ็นเอ็น ว่าตัวกลายพันธุ์เดลตากำลังผลักให้เคสผู้ติดเชื้อพุ่งขึ้นตามพื้นที่่ต่างๆ ที่มีอัตราการฉีดวัคซีนระดับต่ำ

เขายอมรับว่าเวลานี้เจ้าหน้าที่สาธารณสุขกำลังพิจารณาทบทวนกลับมากำหนดคำแนะนำด้านการสวมหน้ากากสำหรับชาวอเมริกันที่ยังไม่ฉีดวัคซีนเพื่อสกัดเคสผู้ติดเชื้อที่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ รวมถึงการฉีดเข็มกระตุ้นแก่กลุ่มคนอ่อนแอ

"คนที่เคยปลูกถ่ายอวัยวะ เคมีบำบัดมะเร็ง เป็นโรคภูมิต้านตนเอง ใช้ยากดภูมิคุ้มกัน คนเหล่านี้เป็นกลุ่มคนอ่อนแอชุดแรกๆ ที่อาจจำเป็นต้องฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้น ซึ่งมีความเป็นไปได้" เฟาซีบอกกับซีเอ็นเอ็น

หัวหน้าที่ปรึกษาด้านการแพทย์ของประธานาธิบดีไบเดน บอกต่อว่าสถานการณ์ของไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ในสหรัฐฯ กำลังกลายเป็นโรคระบาดใหญ่ในหมู่บุคคลที่ยังไม่ฉีดวัคซีน ในขณะที่ข้อมูลอย่างเป็นทางการพบว่า จนถึงตอนนี้มีอเมริกันชนฉีดวัคซีนครบแล้ว 162.7 ล้านคน หรือคิดเป็น 49% ของจำนวนประชากร

สหรัฐฯ เคยเป็นชาติลำดับต้นๆ ของโลกในด้านการฉีดวัคซีน จนกระทั่งเดือนเมษายน อัตราประชาชนเข้ารับวัคซีนลดลงอย่างอย่างมาก จากข้อมูลพบอัตราการฉีดวัคซีนระดับต่ำอยู่ในรัฐต่างๆ ทางภาคใต้ของประเทศเป็นส่วนใหญ่ ซึ่งในบางพื้นที่มีประชาชนเข้ารับวัคซีนเข็มแรกไม่ถึงครึ่ง

ขณะเดียวกัน เคสผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่รายวันก็เพิ่มขึ้นอีกครั้ง หลังจากลดลงในเดือนพฤษภาคมและมิถุนายน

ข้อมูลของศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคแห่งชาติสหรัฐฯ (ซีดีซี) ระบุพบผู้ติดเชื้อใหม่รายวัน 64,317 รายในวันศุกร์ (23 ก.ค.) ส่งผลให้ค่าเฉลี่ย 7 วัน ดีดตัวขึ้นเป็น 47,455 ราย ส่วนผู้เสียชีวิตพบ 283 ราย ค่าเฉลี่ย 7 วัน เพิ่มเป็น 253 คน

ตัวเลขดังกล่าวส่งผลให้ยอดผู้ติดเชื้อสะสมของสหรัฐฯ เพิ่มเป็นมากกว่า 34 ล้านคน และเสียชีวิตกว่า 61,000 คน

ปัจจัยที่ผลักดันที่จำนวนผู้ติดเชื้อพุ่งสูงขึ้น คือการแพร่ระบาดอย่างรวดเร็วของตัวกลายพันธุ์เดลตา ที่แพร่เชื้อได้ง่ายมาก โดยพบเคสผู้ติดเชื้อโควิด-19 เพิ่มขึ้นมากที่สุดตามรัฐต่างๆ ที่มีอัตราการฉีดวัคซีนในระดับต่ำ เช่น ฟลอริดา เทกซัส และมิสซูรี

ก่อนหน้านี้เมื่อช่วงกลางสัปดาห์ วิเวค เมอร์ตี วิเวก เมอร์ตี ศัลยแพทย์ทั่วไปสหรัฐฯ บอกว่า 99.5% ของผู้เสียชีวิตจากโควิด เกิดขึ้นกับบุคคลที่ยังไม่ฉีดวัคซีน

นายแพทย์เฟาซี กล่าวผ่านซีเอ็นเอ็นว่าบรรดาผู้นำท้องถิ่นในพื้นที่ต่างๆ ที่มีอัตราการฉีดวัคซีนในระดับต่ำ จำเป็นต้องดำเนินการมากกว่าที่เป็นอยู่เพื่อกระตุ้นให้ประชาชนเข้ารับวัคซีน

นอกจากนี้แล้ว นายแพทย์เฟาซียังเผยด้วยว่าเขาเป็นส่วนหนึ่งในการปรึกษาหารือกันเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงคำแนะนำด้านการสวมหน้ากากของศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคแห่งชาติสหรัฐฯ (ซีดีซี)

ในปัจจุบัน ทางซีดีซีระบุว่า บุคคลใดก็ตามที่ฉีดวัคซีนครบแล้ว สามารถกลับมาดำเนินกิจกรรมต่างๆ ที่เคยทำก่อนหน้าโรคระบาดใหญ่ โดยไม่จำเป็นต้องสวมหน้ากากใดๆ

นายแพทย์เฟาซีเผยว่า เจ้าหน้าที่รัฐบาลท้องถิ่นสามารถออกกฎระเบียบต่างๆ ของตนเองภายใต้กรอบคำแนะนำปัจจุบันของซีดีซี แต่เขายอมรับว่าเวลานี้มีรัฐบาลท้องถิ่นบางแห่งได้กลับมาบังคับสวมหน้ากากยามอยู่ในร่มและสถานที่สาธารณะเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เพื่อสกัดจำนวนผู้ติดเชื้อที่พุ่งขึ้นไม่หยุด

ในจำนวนนั้นรวมถึงที่ลอสแองเจลิส เคาน์ตี ซึ่งเวลานี้บังคับสวมหน้ากากทั้งบุคคลที่ฉีดวัคซีนแล้วและยังไม่ฉีดวัคซีน

(ที่มา : บีบีซี/รอยเตอร์)

26 ก.ค. 2564  ผู้จัดการออนไลน์