ผู้เขียน หัวข้อ: 'หมอไม่ทน'นำทีมบุกสถานทูตสหรัฐ ช่วยตรวจสอบ'ไฟเซอร์'1.5 ล้านโดสเก็บไว้ให้ใคร  (อ่าน 389 ครั้ง)

story

  • Staff
  • Hero Member
  • ****
  • กระทู้: 9745
    • ดูรายละเอียด
กลุ่มบุคลากรทางการแพทย์ประกอบด้วย กลุ่มหมอไม่ทน, ภาคีบุคลากรสาธารณสุข, Nurses Connect, สมาพันธ์นิสิตนักศึกษาแพทย์นานาชาติแห่งประเทศไทย (IFMSA-Thailand) และ DNA บุคลากรทางการแพทย์และอาสาสมัคร ออกแถลงการณ์เรื่องความโปร่งใสในการกระจายวัคซีน Pfizer ที่จะเข้ามาในวันที่ 29 กรกฎาคม 2564

กระทรวงสาธารณสุขยืนยันว่าบุคลากรการแพทย์ด่านหน้าจะได้รับการฉีดวัคซีน Pfizer มากกว่า 500,000 โดส โดยจะเริ่มฉีดต้นเดือนสิงหาคม ทว่าสถานการณ์ขณะนี้นับว่ามีความขัดแย้งกับคำกล่าวข้างต้นอย่างมาก เมื่อพิจารณาถึงความจริงที่ว่าขณะนี้บุคลากรทางการแพทย์จำนวนมากต้องเข้ารับการฉีดวัคซีน AstraZeneca เป็นบูสเตอร์โดสเข็ม 3 ทั้งด้วยความไม่มั่นใจในการมาถึงของ Pfizer การถูกทำให้เชื่อว่าจะไม่มีวัคซีน Pfizer เข้ามา และการคาดการณ์ว่า Pfizer จะเข้ามาไม่พอสำหรับบุคลากรฯ ทั้งหมด โดยมีหลักฐานและข้อยืนยันจำนวนมากที่พิสูจน์ว่าสภาพการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นจริง ไม่ว่าจะเป็นหนังสือเวียนในโรงพยาบาลหรือการประกาศว่าจะไม่รับผิดชอบหากบุคลากรฯ ที่ยืนยันจะรอ Pfizer ติดโควิดในระหว่างรอวัคซีน

สภาพการณ์ดังกล่าว นำไปสู่การตั้งคำถามว่าขณะนี้มีบุคลากรทางการแพทย์ได้รับวัคซีน AstraZeneca ไปแล้วเท่าใด และยังมีเจตจำนงรอฉีดวัคซีน Pfizer ต้นเดือนหน้าดังที่กระทรวงสาธารณสุขกล่าวอ้างเท่าใด มีข้อสงสัยมากมายเกี่ยวกับการกระจายวัคซีนครั้งนี้ ทว่ากระทรวงสาธารณสุขซึ่งมีข้อมูลของบุคลากรทางการแพทย์ทั้งหมดในมือกลับไม่เปิดเผยตัวเลขอย่างโปร่งใสชัดเจน

นอกจากความคลุมเครือของข้อมูลเรื่องวัคซีน การออกแบบและจัดการเพื่อทำให้วัคซีนอยู่ในอุณหภูมิที่ถูกต้องเหมาะสม (Cold-chain tracking) ซึ่ง กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมได้จัดทำ เพื่อติดตามการกระจายของวัคซีนยี่ห้อและล็อตต่างๆ ยังได้ปิดตัวลงตั้งแต่ต้นเดือนพฤษภาคม (ดูได้ที่ https://datastudio.google.com/.../731713b6.../page/JMn3B...) และถูกแทนที่ด้วยเว็บไซต์ที่ทางกระทรวงสาธารณสุขทำแทน (ดูได้ที่ https://dashboard-vaccine.moph.go.th/dashboard.html) ซึ่งไม่มีการแจ้งรายละเอียดยี่ห้อวัคซีนหรือล็อต มีเพียงข้อมูลว่า ประชาชนในแต่ละจังหวัดได้รับการฉีดวัคซีนเป็นจำนวนเท่าใด เพียงแค่นั้น

เพื่อความโปร่งใสและการกระจายวัคซีนให้ถึงมือผู้ควรได้รับโดยปราศจากเส้นสาย หมอไม่ทน, ภาคีบุคลากรสาธารณสุข, Nurses Connect , สมาพันธ์นิสิตนักศึกษาแพทย์นานาชาติแห่งประเทศไทย (IFMSA Thailand Official) และ DNA บุคลากรทางการแพทย์และอาสาสมัคร จึงขอเรียกร้องต่อกระทรวงสาธารณสุขดังนี้
1. นำวัคซีน mRNA มาเป็นวัคซีนหลักให้คนไทยทุกคน

2. ชี้แจงและเปิดเผยข้อมูลว่ามีบุคลากรฯ ได้รับวัคซีน AstraZeneca เป็นบูสเตอร์โดสไปแล้วเท่าใด และยังเหลือบุคลากรฯ ที่ยืนยันจะรับไฟเซอร์เป็นจำนวนเท่าใด เพื่อให้จำนวนวัคซีนที่ได้รับพอดีกับบุคลากรฯ ไม่มีเศษตกหล่นติดตามไม่ได้นอกระบบ

3. นำข้อมูลสำคัญที่จะพิสูจน์ความโปร่งใสกลับมาบรรจุในระบบ Cold-chain tracking นั่นคือเส้นทางการกระจายวัคซีนโดยระบุยี่ห้อและล็อตต่างๆ ของวัคซีน และเปิดให้ประชาชนทุกคนเข้าถึงข้อมูลได้ง่าย เพื่อแสดงความรับผิดชอบของรัฐต่อประชาชน และให้ประชาชนได้เข้ามามีส่วนร่วมในการก้าวข้ามวิกฤต

4. ระบุผู้รับผิดชอบอย่างชัดเจนกรณีเกิดการจัดสรรการกระจายวัคซีนผิดพลาดหรือทุจริต

นอกจากนั้น เรายังขอเชิญชวนประชาชนทุกคน ร่วมลงชื่อสนับสนุนการนำ mRNA มาเป็นวัคซีนหลักทาง change.org/vaccinewetrust และร่วมจับตามองการกระจายวัคซีนครั้งนี้ ด้วยการแจ้งเบาะแสมายัง “แบบรับรายงานความผิดปกติในการกระจายวัคซีนโดย สมาพันธ์นิสิตนักศึกษาแพทย์นานาชาติแห่งประเทศไทย” (เข้าถึงได้ที่ shorturl.at/dkDHK หรือ QR code ด้านล่าง) หรือ ส่งเมลมาที่ mormaithon@protonmail.com หากท่านพบเห็นหรือทราบข้อมูลการได้วัคซีนมาอย่างไม่ถูกต้อง เราจะถามไปด้วยกันว่า #เก็บไฟเซอร์ไว้ให้ใคร

ความเหลื่อมล้ำในการเข้าถึงวัคซีน และการปิดบังข้อมูลเส้นทางการกระจายวัคซีน คือการลดโอกาสการมีชีวิตรอดของประชาชน เพื่อเรียกร้องถามหาความโปร่งใสนี้ อีกไม่นาน ตัวแทนบุคลากรทางการแพทย์จะมีการเคลื่อนไหว ขอให้ประชาชนติดตามอย่างใกล้ชิด

ตัวแทนบุคลากรทางการแพทย์
27 กรกฎาคม 2564

โดยภาคีบุคลากรสาธารณสุข และหมอไม่ทน จะยื่นหนังสือถึงสถานทูตสหรัฐฯ ขอช่วยตรวจสอบและระบุเงื่อนไขการจัดสรรไฟเซอร์ 1.54 ล้านโดส ให้ถึงด่านหน้า และกลุ่มเสี่ยงอย่างแท้จริง วันนี้ (27 ก.ค.64) เวลา 10.30 น.

ทั้งนี้มีการประกาศชัดเจนจากศบค.ไปแล้วว่า  5 แสนโดส จะกระจายไปยังบุคลากรด่านหน้าทั่วประเทศ 8  แสนโดส ให้กลุ่มผู้สูงอายุ-ผู้มีโรคเรื้อรัง และหญิงตั้งครรภ์สัญชาติไทย  1.5 แสนโดส ให้ชาวต่างชาติที่อาศัยในประเทศไทย  เน้นกลุ่มผู้สูงอายุและมีโรคเรื้อรัง 4.5  หมื่นโดส ให้ผู้ที่มีความจำเป็นเดินทางไปต่างประเทศ นักเรียน นักศึกษา นักกีฬา นักการทูต  2.5 พันโดส ทำการวิจัย      และ 4 หมื่นโดส สำรองไว้ส่วนกลางสำหรับตอบโต้การระบาด

27 กรกฎาคม พ.ศ. 2564
https://www.thaipost.net/main/detail/111228

story

  • Staff
  • Hero Member
  • ****
  • กระทู้: 9745
    • ดูรายละเอียด
"หมอทศพร" ยื่นหนังสือผ่านสถานทูตสหรัฐ ขอ "โจ ไบเดน" มอบวัคซีน mRNA ฉีดให้คนไทย 2.6 แสนโดส ก่อนหมดอายุ ก.ย.-ต.ค.
วันที่ 19 ก.ค. นายแพทย์ทศพร เสรีรักษ์ สมาชิกพรรคเพื่อไทย พร้อมด้วยนักศึกษา ประชาชน และกลุ่มแพทย์พยาบาลเพื่อมวลชน เดินทางเข้ายื่นหนังสือถึงนายโจเซฟ อาร์. ไบเดน จูเนียร์ ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา ผ่านสถานทูตอเมริกาประจำประเทศไทย เพื่อขอความช่วยเหลือเรื่องวัคซีนป้องกันโควิด-19 โดยนายแพทย์ทศพร ระบุว่าในขณะนี้ไทยเป็นประเทศหนึ่งที่ได้รับผลกระทบอย่างหนัก มีผู้ป่วยติดเชื้อสะสมกว่า 400,000 คน เสียชีวิตสะสม 3,240 คน ผู้ติดเชื้อรายใหม่วันละกว่า 10,000 คน เสียชีวิตกว่าวันละ 100 คน และมีแนวโน้มจะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ

"แต่ด้วยการบริหารนโยบายวัคซีนที่ผิดพลาดของรัฐบาล ทำให้ประชาชนประสบความยากลำบากมากขึ้นวัคซีนซิโนแวคซึ่งได้ฉีดให้ประชาชน 2 เข็มแล้ว 4,000,000 คน 1 เข็มอีก 3,300,000 คน ไม่มีประสิทธิภาพเพียงพอที่จะสู้กับเชื้อสายพันธุ์เดลต้า วัคซีนแอสตร้าเซเนก้าซึ่งมีโรงงานในไทย ก็ประสบปัญหาในการผลิต วัคซีนจำนวนกว่า 60 ล้านโดสที่หวังว่าจะได้รับภายในปีนี้ เพิ่งถูกเปิดเผยว่าจะต้องเลื่อนไปถึงกลางปีหน้า"นายแพทย์ทศพร ระบุ

นายแพทย์ทศพร กล่าวต่อว่า ทั้งนี้ ตนได้ทราบข่าวว่าหน่วยงานสาธารณสุข The Michigan Department of Health and Human Services ที่รายงานว่าวัคซีนจอห์นสันแอนด์จอห์นสัน 262,000 โดส กำลังจะหมดอายุลงในสี่สัปดาห์ ส่วนวัคซีนไฟเชอร์จะเริ่มหมดอายุในเดือน ก.ย. และโมเดอร์นาจะเริ่มหมดอายุในเดือน ต.ค. จึงขอความกรุณาจากรัฐบาลประเทศสหรัฐอเมริกาให้มอบวัคซีนจำนวนดังกล่าว หรือวัคซีนส่วนที่เกินจากความจำเป็นต้องใช้ในประเทศให้กับคนไทย

นอกจากนี้นายแพทย์ทศพรยังเรียกร้องให้ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ลาออกจากตำแหน่ง เพราะเห็นว่าไม่สามารถแก้ปัญหาวัคซีนได้ ทำให้ประชาชนต้องแย่งวัคซีน mRNA ทั้งที่ทุกคนควรได้รับอย่างเท่าเทียมกัน

19 กรกฎาคม 2564
https://www.bangkokbiznews.com/news/detail/949736

story

  • Staff
  • Hero Member
  • ****
  • กระทู้: 9745
    • ดูรายละเอียด
สถานทูตสหรัฐอเมริกา ยืนยันบริจาควัคซีน “ไฟเซอร์” ให้ไทย 1.5 ล้านโดส ช่วยพลเมืองให้ปลอดภัย เร่งฟื้นฟูเศรษฐกิจ

วันที่ 20 กรกฎาคม 2564 ที่เฟซบุ๊กเพจ สถานเอกอัครราชทูตสหรัฐ ประจำประเทศไทย โพสต์ข้อความระบุว่า สหรัฐอเมริกาจะบริจาควัคซีนโควิด-19 ของ “ไฟเซอร์” จำนวน 1.5 ล้านโดส มูลค่า 30 ล้านเหรียญ ให้กับไทย การบริจาคครั้งนี้ รวมถึงวัคซีนหลายล้านโดสที่สหรัฐฯ มอบให้กับประเทศเพื่อนบ้านของไทย จะช่วยให้ไทยและประเทศอื่น ๆ ในภูมิภาคเร่งการฉีดวัคซีนเพื่อให้พลเมืองของตนปลอดภัย ตลอดจนฟื้นฟูเศรษฐกิจได้อย่างรวดเร็ว

ก่อนหน้านี้ (20 ก.ค.) นายแพทย์โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค ระบุว่า วัคซีนไฟเซอร์ ที่ไทยได้รับการบริจาค 1.5 ล้านโดส จากประเทศสหรัฐอเมริกา จะเข้าไทยในปลายเดือนกรกฎาคม นี้ ซึ่งเมื่อนับรวมการเตรียมการฉีดคาดว่า ประเทศไทยจะเริ่มฉีดได้ในเดือนสิงหาคม 2564 โดยจะฉีดให้กับ 4 กลุ่มเป้าหมายหลัก ดังนี้

1.บุคลากรทางการแพทย์ด่านหน้า โดยเฉพาะผู้ที่ต้องดูแลผู้ป่วยโควิดอย่างใกล้ชิด ซึ่งจะฉีดในลักษณะบูสเตอร์โดสเข็มที่ 3
2.กลุ่มผู้สูงอายุ
3.กลุ่มที่อยู่ในพื้นที่เสี่ยง
4.ชาวต่างชาติ โดยเฉพาะผู้ที่อยู่ในกลุ่มเสี่ยง เช่น อายุ 60 ปีขึ้นไป เป็นต้น

“ขอเน้นย้ำว่าวัคซีนเข็มกระตุ้นจะพยายามฉีดให้บุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุขที่มีความเสี่ยงสูงเป็นด่านหน้าในอันดับแรก เพราะฉะนั้นบางหน่วยงานที่ยังไม่เข้าใจส่งยอดมาผิด ก็จะไม่มีการจัดสรรให้ไปตามนั้น ซึ่งจะเป็นหน้าของคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัด หรือคณะกรรมการโรคติดต่อ กทม. จะเป็นผู้ตรวจสอบข้อมูล และแจ้งมาที่ส่วนกลางต่อไป”

20 กรกฎาคม 2564
https://www.prachachat.net/general/news-719077