ผู้เขียน หัวข้อ: ผู้ป่วยโควิดแห่รักษา“แพทย์แผนไทย” เปิดชื่อ-เบอร์ติดต่อ คลินิกอาสา 65 แห่ง  (อ่าน 320 ครั้ง)

story

  • Staff
  • Hero Member
  • ****
  • กระทู้: 9742
    • ดูรายละเอียด
วิกฤตโควิด-ผู้ป่วยล้นเตียง ส่งผลคนแห่ใช้บริการ “แพทย์แผนไทย” สภาการแพทย์แผนไทย เผย ได้รับการติดต่อจาก “คลัสเตอร์” ใหญ่ๆหลายกลุ่มในพื้นที่สีแดงเข้ม แจงชื่อพร้อมเบอร์ติดต่อ “คลินิกแผนไทยอาสา” 65 แห่ง ทั่วประเทศ เร่งส่งทีมแพทย์ส่วนกลางช่วยพื้นที่ กทม. อีกแรง ด้าน “นายกสภาแพทย์แผนไทย” ระบุ เตรียมปรับสูตรยา รับมือเชื้อโควิดสายพันธุ์ผสมเดลตา-อัลฟา “ ขณะที่ สธ. สั่งการ แพทย์แพทย์แผนไทย-แผนปัจจุบัน ร่วมดูแลผู้ป่วย Home Isolation

จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ระลอก 4 ที่ดูจะหนักหนาและรุนแรงกว่าทุกครั้ง จำนวนผู้ได้รับการฉีดวัคซีนต้านโควิดยังมีสัดส่วนน้อยมากหากเทียบกับประชากรทั้งประเทศ และมีผู้ป่วยมากมายซึ่งไม่สามารถเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลสนามเนื่องจากปริมาณเตียงไม่เพียงพอ ขณะที่ผลการรักษาด้วยยาสมุนไพรไทยอย่างฟ้าทะลายโจรเห็นผลเป็นที่พอใจ จึงส่งผลให้ผู้ป่วยโควิดจำนวนไม่น้อยหันมารับการรักษาด้วยวิธีแพทย์แผนไทยกันมากขึ้น

พท.(แพทย์แผนไทย) หลักทอง ใบสะอาด เลขานุการประชาสัมพันธ์สภาการแพทย์แผนไทย ในฐานะผู้ประสานงาน “โครงการคลินิกอาสาสภาการแพทย์แผนไทยหมอไทยใจดี” ซึ่งเป็นโครงการที่จัดทำขึ้นเพื่อให้การช่วยเหลือผู้ป่วยโควิดโดยเฉพาะ เปิดเผยว่า ตั้งแต่เปิดโครงการดังกล่าวเมื่อปลายเดือน มิ.ย.ที่ผ่านมา ปรากฏว่ามีผู้ป่วยโควิดติดต่อขอรับบริการจำนวนมาก โดยเฉพาะในพื้นที่กรุงเทพฯ จังหวัดที่เป็นพื้นที่สีแดง และพื้นที่ภาคใต้ โดยมีทั้งที่มาเป็นคลัสเตอร์ เป็นครอบครัว และเป็นรายบุคคล

โดยการวินิจฉัยและจ่ายยานั้น ผู้ป่วยไม่จำเป็นต้องเดินทางมายังคลินิก สามารถพูดคุยผ่านโทรศัพท์และวิดีโอคอล ซึ่งแพทย์จะซักถามอาการ วินิจฉัย จ่ายยา และจัดส่งยาไปให้ถึงบ้านฟรี ไม่มีค่าใช้จ่าย มีแค่ค่าจัดส่ง 50 บาท หรือหากในครอบครัวมีผู้ป่วยหลายคน ก็เสียค่าจัดส่งยา 100 บาท โดยผู้ป่วยในพื้นที่ใดก็ให้ติดต่อไปยังคลินิกอาสาในพื้นที่ที่ผู้ป่วยอยู่ ส่วนผู้ป่วยที่ติดต่อไปยังผู้ประสานงานระดับภาคหรือสภาการแพทย์แผนไทย ทีมแพทย์ก็จะซักถามอาการเพื่อคัดกรองว่าเป็นผู้ป่วย หรือจัดอยู่ในกลุ่มเสี่ยง หรือแค่วิตกกังวล

ถ้าพบว่าป่วยหรืออยู่ในกลุ่มเสี่ยงก็จะประสานส่งเคสไปยังคลินิกในพื้นที่ แต่หากแค่วิตกกังวลก็จะแนะนำเรื่องการรับประทานอาหารเป็นยาเพื่อเสริมภูมิคุ้มกันให้ร่างกาย แต่หากเป็นผู้ป่วยในลักษณะคลัสเตอร์ซึ่งมีจำนวนมาก ต้องใช้แพทย์หลายคน ทีมแพทย์ส่วนกลางก็จะวินิจฉัยและจ่ายยาเอง อย่างกรุงเทพฯซึ่งเป็นพื้นที่สีแดงเข้ม นอกจากจะมีคลินิกอาสาหลายแห่งที่ให้บริการแล้ว ยังมีทีมแพทย์แผนไทยจากส่วนกลางอีกชุดหนึ่งที่ช่วยดูแลรักษาผู้ป่วยโควิดด้วย

“ ตอนนี้มีคลินิกอาสาแพทย์แผนไทยที่ผ่านการคัดกรองและเข้าร่วมโครงการฯแล้วไม่ต่ำกว่า 70 คลินิก มีผู้ขอรับบริการตรวจรักษาและจ่ายยาจากคลินิกอาสา รวมแล้วหลายพันราย เฉพาะในแต่ละภาคก็มีผู้ใช้บริการเป็นหลักร้อยคนต่อวัน อย่างคลัสเตอร์ดินแดงมากัน 60 คน ผู้ป่วยที่ขอรับบริการส่วนใหญ่จะเป็นผู้ป่วยที่รอเตียง เคสที่หนักบางรายก็หายใจติดขัด แพทย์ก็จะวินิจฉัยและจ่ายยาไปตามอาการ โดยแพทย์จะมีการติดตามอาการและผลการรักษาทุกวัน เพื่อให้คำแนะนำและปรับยาให้เหมาะสมกับผู้ป่วยแต่ละรายและแต่ละช่วงอาการ หรือบางรายแพทย์ก็แนะนำให้ใช้กระสายยา เช่น น้ำซาวข้าว น้ำมะนาว ในการเสริมฤทธิ์ยา ที่สำคัญคลินิกอาสาจะมีการติดตามอาการจนกว่าผู้ป่วยทุกรายจะหายเป็นปกติ” พท.หลักทอง กล่าว

สำหรับการจัดสรรยาจากสภาการแพทย์แผนไทยให้คลินิกอาสาแต่ละแห่งนั้น พท.หลักทอง ชี้แจงว่า จะสภาการแพทย์แผนไทยจะจัดส่งยาสมุนไพร 3 ตัวหลักๆ คือ ยาฟ้าทะลายโจร ยาห้าราก และยาจันทน์ลีลา ให้อย่างละ 1,000 เม็ด เมื่อยาใกล้หมดทางคลินิกจะติดต่อขอยาเพิ่มจากส่วนกลาง พร้อมทั้งรายงานการรักษาและการจ่ายยาให้สภาแพทย์แผนไทยทราบเพื่อเก็บไว้เป็นข้อมูลในการบริหารและจัดสรรยาต่อไป ซึ่งพื้นที่ที่ใช้ยาเยอะก็คือพื้นที่ภาคกลาง กรุงเทพฯและปริมณฑล ซึ่งเป็นพื้นที่สีแดงเข้ม

“ มีคนจำนวนไม่น้อยที่เข้าใจผิดว่าคลินิกอาสาให้บริการแจกยาฟรี เขายังไม่ได้ติดเชื้อโควิดแต่ต้องการขอยาสมุนไพรไปเก็บไว้เผื่อต้องใช้ ลักษณะนี้เราก็จะแนะนำการกินอาหารเป็นยาเพื่อสร้างภูมิคุ้มกันให้ร่างกาย ถ้าภูมิคุ้มกันดีโอกาสติดเชื้อก็น้อย ตอนนี้ทุกฝ่ายต้องช่วยกัน แพทย์แผนไทยก็เป็นทีมเสริมที่เข้ามาช่วยทีมเสื้อกาวน์ซึ่งตอนนี้งานหนักมาก” พท.หลักทอง กล่าว

ด้าน พลเรือเอก (พล.ร.อ.) ชาญชัย เจริญสุวรรณ นายกสภาการแพทย์แผนไทย ระบุว่า ตอนนี้เครือข่ายแพทย์แผนไทยทุกกลุ่มที่อาสาเข้ามาช่วยรักษาผู้ป่วยโควิดทำงานกันหนักมาก ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มแพทย์แผนไทยของคุณรฎาวัญ วงศ์ศรีวงศ์ , กลุ่มแพทย์วัดโพธิ์ เนื่องจากมีผู้ป่วยโควิดมาใช้บริการกันเยอะ ในส่วนของคลินิกอาสาฯของสภาแพทย์แผนไทยก็ทำงานค่อนข้างหนัก นอกจากผู้ป่วยโควิดทั่วไปแล้ว ยังมีผู้ป่วยที่เป็นกลุ่มคลัสเตอร์จากหลายพื้นที่ติดต่อเข้ามา เช่น โรงงานซึ่งมีผู้ป่วย 70 คน ยังไม่นับคนรอบข้างของผู้ป่วย ซึ่งเป็นกลุ่มเสี่ยงที่เราต้องดูแลด้วย บางคลัสเตอร์ที่มีอาการเยอะ ก็ต้องจัดยาเบื้องต้นให้ไปก่อน แล้วค่อยสอบถามอาการของแต่ละคนโดยละเอียดเพื่อจัดยาให้เป็นรายบุคคล และกรอกแบบฟอร์มการรักษาอีกครั้ง

“ ตอนนี้สถานการณ์หนักมาก จำนวนผู้ป่วยมากกกว่าที่เราคิด นี่ยังแค่ช่วงเริ่มต้นของการระบาดระลอกที่ 4 นะ ผมเป็นห่วงว่าสัปดาห์ต่อไปซึ่งเป็นระยะฟักตัวของเชื้อนั้นคาดว่าจะมีผู้ป่วยมากกว่านี้ ยังไม่แน่ใจด้วยว่าโควิดสองสายพันธุ์ที่ผสมกันคือมีทั้งเชื้อโควิดสายพันธุ์เดลตาและอัลฟาในผู้ป่วยคนเดียว เชื้อมันจะดื้อด้านขนาดไหน ซึ่งทางสภาแพทย์แผนไทยเตรียมปรับสูตรยาที่จะส่งให้คลินิกอาสาเพื่อรับมือกับเชื้อพันธุ์ผสมดังกล่าวแล้ว หรือในกรณีที่มีผู้ป่วยเพิ่มมากขึ้นและสมุนไพรบางตัวที่ใช้ในตำรับมีปริมาณไม่เพียงพอ ก็อาจต้องนำสมุนไพรที่มีฤทธิ์ใกล้เคียงกันมาปรับใช้แทน ” นายกสภาการแพทย์แผนไทย ระบุ

ขณะที่ พท.(แพทย์แผนไทย) วัลลภ เผ่าพนัส อุปนายกสภาการแพทย์แผนไทย คนที่สอง ในฐานะประธานคลินิกอาสาศูนย์ภาคเหนือ ให้ข้อมูลว่า สำหรับคลินิกอาสาแพทย์แผนไทยในพื้นที่ภาคเหนือนั้นขณะนี้ยังสามารถรับมือได้ เนื่องจากผู้ป่วยโควิดในพื้นที่ภาคเหนือไม่เยอะเท่าภาคกลาง แต่เรากำลังวิตกว่าหากมีการแพร่ระบาดเพิ่มมากขึ้นยาสมุนไพรที่ใช้ในการรักษาผู้ป่วยโควิดทั่วประเทศจะผลิตได้ไม่ทันและไม่เพียงพอต่อความต้องการ ทั้งนี้ในส่วนของศูนย์ภาคเหนือนั้นอาจไม่กระทบมากเพราะมีคลังยาสมุนไพรของตัวเองเนื่องจากเป็นพื้นที่มีการปลูกสมุนไพรจำนวนมาก เราจึงมีสต๊อกยาอยู่ส่วนหนึ่ง ซึ่งบางส่วนก็ได้ส่งไปช่วยคลินิกอาสาในภาคอื่นๆด้วย

ด้าน พท.(แพทย์แผนไทย) กัลยา โชติธาดา เจ้าของกัลยาคลินิกแพทย์แผนไทย ในฐานะคลินิกอาสาแพทย์แผนไทย จ.นนทบุรี ซึ่งเป็นพื้นที่สีแดงเข้ม เปิดเผยว่า ที่ผ่านมามีผู้มาใช้บริการเกี่ยวกับการรักษาโควิดประมาณ 10 กว่าราย โดยมีทั้งคนที่ยังไม่ได้ฉีดวัคซีนและประเมินว่าตัวเองอยู่ในกลุ่มเสี่ยง คนที่ฉีดวัคซีนแล้วแต่ติดโควิด คนที่รอผลตรวจ คนที่ทราบผลตรวจแล้วแต่ยังรอเตียงอยู่ที่บ้าน คนที่อยู่โรงพยาบาลสนามแต่รู้สึกว่าตัวเองอาการแย่จึงให้ญาติติดต่อเข้ามาก็มี ซึ่งอาจเป็นไปได้ว่าโรงพยาบาลสนามที่เขาอยู่อาจจะไม่มีแพทย์แผนไทย

“ ปกติเราจะจ่ายยาในลักษณะตำรับยา ซึ่งประกอบด้วยสมุนไพรหลายตัว เช่น ยาห้าราก ยาจันทน์ลีลา เพราะสมุนไพรแต่ละตัวก็มีสรรพคุณต่างกัน ทำให้ประสิทธิภาพในการรักษาโดยรวมดีกว่ายาสมุนไพรเชิงเดี่ยว คือยาสมุนไพรไทยจะมีทั้งยากระทุ้งพิษคือขับพิษออก ยาแปรไข้หรือรักษาไข้ และยาครอบไข้คือป้องกันไม่ให้กลับมาเป็นอีก การใช้สมุนไพรที่หลากหลายจะครอบคลุมมากกว่า” พท.กัลยา กล่าว

ทั้งนี้ ที่ผ่านมาทางด้านกระทรวงสาธารณสุขก็ได้มีการนำยาสมุนไพรอย่าง “ฟ้าทะลายโจร” เข้ามาใช้ในการรักษาผู้ป่วยโควิดมาระยะหนึ่งแล้ว โดยทางกรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก ได้ร่วมมือกับโรงพยาบาลของรัฐ สังกัดกระทรวงสาธารณสุขทั่วประเทศ โรงพยาบาลสนาม และเรือนจำในเขตกรุงเทพและปริมณฑล ในการใช้ยาฟ้าทะลายโจรรักษา"ผู้ป่วยโควิด 19 ที่มีอาการรุนแรงน้อยและกระจายยาให้ผู้ป่วยและผู้มีผลกระทบกว่า 5.2 ล้านแคปซูล ซึ่งพบว่า ผู้ป่วยที่ได้รับยาฟ้าทะลายโจรส่วนใหญ่ล้วนมีอาการดีขึ้น

และเนื่องจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ระลอก 4 ที่เข้าขั้นวิกฤต โรงพยาบาลสนามมีจำนวนเตียงไม่เพียงพอที่จะรองรับผู้ป่วย ทาง กระทรวงสาธารณสุขจึงมีมาตรการให้กลุ่มผู้ป่วยติดเชื้อโควิดกักตัวรักษาตนเองที่บ้าน หรือ Home Isolation โดยให้ทั้งแพทย์แผนปัจจุบันและแพทย์แผนไทยดูแลผู้ป่วยร่วมกัน

นพ.เกียรติภูมิ วงศ์รจิต ปลัดกระทรวงสาธารณสุข เปิดเผยว่า สำหรับการดูแลผู้ป่วยติดเชื้อโควิดที่กักตัวและรักษาตนเองที่บ้าน หรือ Home Isolation นั้นทางกระทรวงสาธารณสุขได้สั่งการให้มีการทำงานประสานกันระหว่างแพทย์แผนปัจจุบันและแพทย์แผนไทยในการดูแลรักษาผู้ป่วย พร้อมทั้งมีการจัดส่งยาแผนไทยคือยาฟ้าทะลายโจรให้ผู้ป่วยเบื้องต้นด้วย และถ้ามีอาการมากก็อาจจะให้ยาต้านไวรัสซึ่งเป็นแผนปัจจุบันเพิ่มเติม นอกจากนั้นยังมีการส่งเครื่องวัดไข้ เครื่องวัดออกซิเจน ไปให้ผู้ป่วยใช้ในการตรวจเช็คอาการของตนเองอีกด้วย

ด้าน พญ.อัมพร เบญจพลพิทักษ์ อธิบดีกรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก กระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า การแพร่ระบาดของโควิด-19 ครั้งนี้ทำให้เกิดการพัฒนาในการทำงานร่วมกันระหว่างแพทย์แผนปัจจุบันและแพทย์แผนไทยที่ชัดเจนมาก สำหรับการประสานงานระหว่างแพทย์แผนไทยและแผนปัจจุบันในการดูแลและจ่ายยาให้แก่ผู้ป่วยโควิดทั้งที่อยู่ในโรงพยาบาลสนามและที่รักษาตัวอยู่ที่บ้าน หรือ Home Isolation นั้น จะมีการประชุมร่วมกันตลอดเพื่อให้ผลการรักษาออกมาดีที่สุด

ในส่วนของโรงพยาบาลสนามหลายแห่งที่มีแพทย์แผนไทยประจำอยู่ ก็จะทำงานคู่ขนานกับแพทย์แผนปัจจุบันและมีการประชุมร่วมกันอยู่เสมอ เนื่องจากผู้ป่วยมีจำนวนมาก ทั้งแพทย์แผนปัจจุบันและแพทย์แผนไทยจึงต้องช่วยกันข้าไปดูแล ซักถาม ตรวจอาการและจ่ายยาให้เหมาะสมกับผู้ป่วย โดยดูบันทึกการรักษาแต่ละวัน เป็นหลัก ใครเข้าไปดูแลผู้ป่วยก็บันทึกการรักษาไว้ ใครเข้ามาทีหลังก็ดูบันทึกที่มีอยู่ และจัดยาให้เหมาะกับผู้ป่วย ส่วนผู้ป่วยที่ Home Isolation ก็ดูแลในลักษณะเดียวกัน เพียงแต่เป็นการซักถามอาการผ่านทางโทรศัพท์หรือวิดีโอคอล และจัดส่งยาไปให้ที่บ้าน

“ แพทย์แผนไทยจะมีการซักถามอาการผู้ป่วยแต่ละราย และดูแลการจ่ายยาฟ้าทะลายโจรให้เหมาะกับผู้ป่วยแต่ละช่วงวัย และเหมาะกับอาการที่เป็น ดูว่ามีอาการแพ้หรือไม่ ใครบ้างที่ใช้ฟ้าทะลายโจรไม่ได้ หากคนไข้ได้รับยาแก้ไข้แผนปัจจุบันไปแล้ว จะจ่ายฟ้าทะลายโจรให้หรือไม่ ในปริมาณเท่าใด เราทำงานร่วมกัน ไม่ใช่ต่างคนต่างทำ ” อธิบดีกรมการแพทย์แผนไทยฯ ระบุ

นับเป็นนิมิตหมายใหม่ที่องค์ความรู้ด้านแพทย์แผนไทยได้เข้ามาผนึกกำลังกับแพทย์แผนปัจจุบันเพื่อช่วยกันฟันฝ่าวิกฤตโควิด ซึ่งเป็นมหันตภัยร้ายที่คุกคามชีวิตคนไทยอยู่ในขณะนี้ และไม่แน่ว่า ในอนาคตเราอาจจะได้เห็นองค์ความรู้ของแพทย์แผนไทยผงาดในวงการสาธารณสุขระดับโลกก็เป็นได้ !

14 ก.ค. 2564  ผู้จัดการออนไลน์