หมวดหมู่ทั่วไป > ข่าวสมาพันธ์
วิกฤตอยู่ข้างหน้าแล้ว... สถานการณ์โควิด19
(1/1)
story:
สถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด19 ยังน่าเป็นห่วงอย่างยิ่ง จำนวนผู้ติดเชื้อยังไม่ลดลงทั้งในกรุงเทพ และต่างจังหวัด ผู้มีอาการหนัก(สีแดง)ยังมีมาก ผู้เสียชีวิตก็เพิ่มขึ้น
ในขณะที่เตียงในโรงพยาบาลเริ่มไม่เพียงพอ ที่สำคัญที่สุด คือ บุคลากรทางการแพทย์เหน็ดเหนื่อยและอ่อนล้าเต็มที หลังจากที่ต้องตรากตรำต่อเนื่องมานาน
เป็นที่ทราบกันดีว่า
แม้จะมีการฉีดวัคซีนแล้ว ก็ยังอาจติดเชื้อได้(ไม่ว่าจะเป็นวัคซีนตัวไหน)
ตัวไวรัสเองก็สามารถกลายพันธุ์ได้ ทำให้การแพร่เชื้อกระจายได้ง่ายขึ้น วัคซีนก็จะมีประสิทธิภาพลดลง
ความเป็นจริงที่ไม่น่ายินดี แต่ก็ต้องยอมรับ
ในภาวะวิกฤตอย่างนี้
ประชาชนทุกคนต้องพึ่งพาตัวเองให้มากที่สุด
รัฐ/กระทรวงสาธารณสุข(หรือผู้มีหน้าที่) ต้องระดมสรรพกำลัง ทรัพยากร ความรู้/ศาสตร์ต่างๆเท่าที่มี มาใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุด
เป้าหมายเร่งด่วน คือ ลด ผู้ติดเชื้อที่มีอาการรุนแรง ลงให้ได้ ก่อนที่จะเกินกำลังของบุคลากร และระบบสาธารณสุขจะรับมือไหว (ติดเชื้อแต่ไม่มีอาการ หรือมีอาการเล็กน้อย ยังพอรับมือไหว)
สำหรับประชาชน/บุคลากร : อตฺตา หิ อตฺตโน นาโถ (Self awareness / Self care)
(อย่าให้ติดเชื้อ)-ป้องกันตัวเองไม่ให้ติดเชื้อด้วยมาตรการต่างๆ
(ติดเชื้อแล้ว มีอาการไม่มาก)-รักษาสุขภาพให้แข็งแรง หลีกเลี่ยงสิ่งที่ทำลายสุขภาพ ทั้งสุขภาพกาย และสุขภาพจิต
สำหรับรัฐ/กระทรวงสาธารณสุข : บูรณาการ(Integration) และธรรมาภิบาล(Good Governance)
สมาพันธ์แพทย์โรงพยาบาลศูนย์/ทั่วไปฯ
๒๖มิถุนายน๒๕๖๔
story:
ในสถานการณ์โควิด19 ที่ระบาดอย่างรุนแรง และระบาดไปทั่ว องค์ความรู้เท่าที่เรามีไม่ว่าจะเป็นศาสตร์ด้านไหนที่อาจเกิดประโยชน์ โดยไม่มีโทษ ต้องนำมาใช้ผสมผสานกัน โดยมีการแพทย์แผนปัจจุบัน(แผนฝรั่ง)เป็นหลัก การแพทย์แผนไทยและอื่นๆต้องถูกนำมาใช้ในภาวะเช่นนี้
ร่างกาย(Body) ใจ(Mind) อารมณ์(Emotion) จิตวิญญาณ(spirit) ครอบครัว(Family)และสังคม(Social)ของผู้ป่วย ต้องได้รับการดูแลแบบองค์รวม (Holistic care) ด้วยศาสตร์การแพทย์ผสมผสาน(Integrative Medicine)
การแพทย์ทางเลือก(Complementary and Alternative Medicine) เช่น
- การแพทย์แผนตะวันออก (Eastern Medicine) เช่น การแพทย์แผนไทย การแพทย์แผนจีน อื่นๆ
- การบำบัดแบบผสานร่างกายและใจ (MindBody Therapies)เช่น โยคะ การทำสมาธิ ชี่กง การสะกดจิต ดนตรีบำบัด เป็นต้น
- การบำบัดด้วยสารชีวภาพ (Biologically Based Practices) เช่น สมุนไพร วิตามิน อาหารบำบัด การงดเว้นอาหาร เป็นต้น
- การบำบัดด้วยหัตถการ (Manipulative and Body-Based Practices)เช่น การนวด การดัด การกดจุด เป็นต้น
- การบำบัดด้วยพลังงาน (Biofield Therapy) เช่น เรกิ โยเร
ความเชื่อ และศาสนา เช่น การสวดมนต์ การทำบุญ การคิดเชิงบวก
story:
ระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายมีความซับซ้อน และมีสำคัญอย่างยิ่งในการอยู่รอดของเรา ทำให้เราปลอดจากการติดเชื้อ ทำให้เราเจ็บป่วยไม่มาก ทำให้เราหายเร็ว
นอกจากการฉีดวัคซีนแล้ว ยังวิธีเสริมสร้างภูมิคุ้มกัน(Ways to Boost the Immune System)ที่ทุกคนสามารถทำเองได้
-กินอาหารที่ดีต่อสุขภาพ (Maintain a healthy diet) และหลีกเลี่ยงอาหารที่ทำลายสุขภาพ เพิ่มวิตามินที่เสริมภูมิคุ้มกัน วิตามินบี6 วิตามินซี วิตามินอี
-ออกกำลังกายสมำ่เสมอ (Exercise regularly) ออกกำลังกายอย่างน้อยวันละ 30 นาทีกระตุ้นภูมิคุ้มกันได้ (as little as 30 minutes of moderate-to-vigorous exercise every day helps stimulate your immune system)
-ดื่มน้ำให้เพียงพอ (Hydrate) การขาดน้ำทำให้ระบบการไหลเวียนน้ำเหลืองบกพร่อง ติดเชื้อง่าย (Being dehydrated slows down the movement of lymph, sometimes leading to an impaired immune system)
-นอนหลับให้มากพอ(Get plenty of sleep) นอนไม่พอ ยิ่งติดเชื้อไวรัสง่าย (Studies have shown that people who don't get enough quality sleep are more prone to getting sick after exposure to viruses)
-อย่าเครียด (Minimize stress) ความเครียดทำให้ภูมิคุ้มกันลดลง (stress response suppresses your immune system increasing your chance of infection or illness.)
อย่าพึ่งแต่วัคซีนอย่างเดียว นะครับ
5มิย2564
https://www.houstonmethodist.org/blog/articles/2020/mar/5-ways-to-boost-your-immune-system/
นำร่อง
[0] ดัชนีข้อความ
Go to full version