ผู้เขียน หัวข้อ: ไอซียูใกล้แตก เมรุใกล้เต็ม!!คนวงการแพทย์ไม่ไหวจะแฉ “ย่ำแย่มานาน แต่ไม่มีการแก้ไข  (อ่าน 273 ครั้ง)

story

  • Staff
  • Hero Member
  • ****
  • กระทู้: 9745
    • ดูรายละเอียด
ยอดติดเชื้อพุ่ง-เตียงผู้ป่วยเต็ม-วัคซีนไม่พอ เดิมพันวิกฤตโควิดไทย หลังนายกฯ ประกาศเตรียมเปิดประเทศภายใน 120 วัน ด้านแพทย์มืดแปดด้านกับการแก้ปัญหาไม่ตก ประเมินสถานการณ์ ยอดผู้ติดเชื้อ-เสียชีวิต พุ่งสูงขึ้น แนะทางออกก่อนประชาชนรอความตาย!!

“ICU แตก-เมรุเตรียมเต็ม” เตรียมเปิดประเทศ 120 วัน!!

“อินบ็อกซ์แตกมากครับ คนไม่ได้เตียงและนอนรอที่บ้านเพียบเลย จะวิกฤตแล้วนะผมว่า”

วิกฤตขึ้นเรื่อยๆ สำหรับสถานการณ์การระบาดของโควิด-19 ที่สถิติตัวเลขผู้ติดเชื้อรายวันเพิ่มขึ้น ล่าสุด ทาง “ทนพ.ภาคภูมิ เดชหัสดิน” หรือ “หมอแล็บแพนด้า” นักเทคนิคการแพทย์ประจำศูนย์บริการโลหิตแห่งชาติ สภากาชาดไทย ได้ใช้เพจเป็นสื่อกลางในการช่วยเหลือประสานหาเตียงรักษาผู้ป่วยโควิด โดยพบประชาชนขอความช่วยเหลือจำนวนมาก เนื่องจากยังหาเตียงรักษาไม่ได้

ไม่เพียงแค่นั้น ไม่มีรถพยาบาลมารับไปรักษา บางรายอาการหนักติดเชื้อทั้งครอบครัว และยังคงรอคอยความหวังว่าจะได้รับการรักษาในเร็ววัน

“ตอนนี้แม่เพิ่งทราบผลตรวจว่า ติดโควิด แต่ไม่มีเตียงเลยค่ะ โทร.ไปทุกหน่วยงานแล้ว”

“ที่บ้านผมติดโควิด 4 คน ไม่มีเตียง ช่วยผมด้วยครับ”

เช่นเดียวกับ ทาง รศ.พญ.ยุวเรศมคฐ์ สิทธิชาญบัญชา รองคณบดีฝ่ายศูนย์ความเป็นเลิศ โรงพยาบาลรามาธิบดี โพสต์ข้อความเฟซบุ๊ก ถึงสถานการณ์โควิด-19 ในโรงพยาบาล ไว้ว่า ตอนนี้ เตียง ICU ล้น ไม่พอต่อการรักษา

“วันนี้ ICU เต็ม อีก 120 วัน วัดและเมรุอาจจะเต็ม”

ทันทีที่โพสต์ดังกล่าวถูกส่งต่อกันไปบนโลกโซเชียลแล้วก็นำมาซึ่งความคิดเห็นที่เป็นไปในทิศทางเดียวกัน คือ รู้สึกสถานการณ์โรคระบาดจะแย่ลงกว่าเดิม รวมถึงตั้งข้อสงสัยถึงการจัดการเข้าขั้นวิกฤตแล้วหรือไม่

“คือ มันแย่ตั้งนานแล้วครับ การแก้ไขก็ไม่มีอะไรเลย แผนงาน การควบคุมไม่เห็นมี ติดก็ติดไป ไม่สนห่าเหวอะไร ดันจะเปิดประเทศอย่างเดียว”

สอดคล้องกับก่อนหน้านั้น ทาง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ประกาศเปิดประเทศในอีก 120 วันข้างหน้า ถึงแม้ว่ากำลังเผชิญกับการระบาดระลอก 3 ของโควิด-19 อย่างหนักหน่วง

ทาง ทีมข่าว MGR Live ได้ติดต่อไปยังนพ.มนูญ ลีเชวงวงศ์ แพทย์เฉพาะทางด้านโรคระบบการหายใจ ผู้ป่วยหนักและโรคผู้สูงอายุ โรงพยาบาลวิชัยยุทธ ให้ช่วยประเมินสถานการณ์ในตอนนี้ที่อยู๋ขั้นวิกฤต ทั้งยอดผู้ติดเชื้อที่พุ่งขึ้นหลักพันในทุกวัน รวมทั้งแนวโน้มการเปิดประเทศภายใน 120 วัน

“แนวโน้มคนติดเพิ่มแน่นอน คนเสียชีวิตก็เพิ่มขึ้น ดูจำนวนเตียงที่คนไข้เข้านอนโรงพยาบาลก็เพิ่มขึ้น คือ มันชัดเจนว่ามันไม่หยุดแล้วตอนนี้ เอาไม่อยู่

เตียงห้อง ICU คนป่วยล้น แล้วคนที่ป่วยหนักก็เพิ่มขึ้นด้วย ไม่ใช่ป่วยเบาๆ ป่วยหนักขึ้นอีก ทางเดียว คือ ต้องเร่งฉีดวัคซีนเข็มแรกให้มากที่สุด

สถานการณ์โควิดหนักแน่นอน เพราะว่าตัวเลขมันพุ่งขึ้นตลอดเวลา ทั้งคนที่ฉีดวัคซีนก็ยังไม่ถึง 9% ในเข็มแรก ตัวเลขจะไม่หยุด มันจะขึ้นเร็วมากเลย เดือนละแสนคนแน่นอน  ตัวที่จะหยุดมันได้ คือ วัคซีน และต้องเร่งฉีดให้มากที่สุด โดยเฉพาะเข็มแรก ตอนนี้คนก็กลัว จะไปฉีดเข็มที่ 3 เข็ม 2 ต้องฉีดเร็วขึ้น แล้วตอนนี้เข็มแรกคนต้องรอเยอะมาก เพราะไม่ได้ฉีด”

หมอมนูญ ก็ช่วยมองสถานการณ์ในตอนนี้ ว่า โอกาสที่จะระบาดต่อเนื่อง มียอดผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นอย่างแน่นอน ส่วนประเด็นการเปิดประเทศนั้น มองว่า โอกาสที่ต่างชาติจะมาติดเชื้อหรือมาแพร่เชื้อให้คนไทยคงน้อย เพราะได้รับวัคซีนที่มีคุณภาพ

“เปิดประเทศผมว่า มันแล้วแต่เขาอยากจะมารึเปล่า เพราะอย่างต่างประเทศ สหรัฐอเมริกา เขาก็ออกคำเตือนระดับ 3 อย่ามาประเทศไทย

ถ้าเป็น ระดับ 4 คือ ห้ามมาเลย เขาออกคำเตือน เพราะว่าเขาก็เห็นแล้วว่าสถานการณ์ของเราไม่ดี เพราะฉะนั้นมันขึ้นกับเขาอยากมารึเปล่า

ถ้าเขาอยากมาก็ให้เขามา เพราะว่าเขาฉีดวัคซีนแล้ว โอกาสที่เขาจะมาติดเชื้อหรือมาแพร่เชื้อให้เราคงน้อย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในประเทศตะวันตก เขาฉีดวัคซีนที่มีประสิทธิภาพดี ไม่ว่าจะเป็น วัคซีนจอห์นสัน & จอห์นสัน (Johnson&Johnson vaccine), วัคซีนแอสตร้าเซนเนก้า (AstraZeneca), โมเดอร์นา (Moderna) หรือวัคซีนไฟเซอร์ (Pfizer) วัคซีนกลุ่มนี้ความเสี่ยงถ้าเขาติดเชื้อ และแพร่เชื้อคนอื่นจะน้อย

คือ ถ้าเขามาจากประเทศที่สามารถจะควบคุมอยู่ และเขาก็ฉีดวัคซีนครบแล้ว 2 เข็มก่อนเขาเดินทาง ตรวจแล้วไม่เจอเชื้อ ผมว่าปลอดภัยทั้งประเทศไทย แต่อาจจะไม่ปลอดภัยสำหรับเขา”

ทางรอดวิกฤตโควิด “ล็อกดาวน์-ปิดประเทศ”!!?

สิ่งที่เห็นได้ชัดที่สุดในสถานการณ์ในครั้งนี้ คือ บุคลากรทางการแพทย์ ต่างออกมาโพสต์ถึงสถานการณ์ ว่า สถานการณ์วิกฤตเตียงคนไข้ ICU ที่กำลังจะเต็ม และมองว่า ประเทศจะเข้าสู่สถานการณ์ที่ต้องเลือกว่าจะรักษาชีวิตใคร และปล่อยใครออกไป รวมถึงมาตรการจัดการอย่างเร่งด่วน อย่างการล็อกดาวน์ประเทศ หรือการจัดหาวัคซีนที่มีคุณภาพเพื่อไม่ให้สถานการณ์แย่ลงไปกว่านี้ ทางด้านหมอมนูญ มองว่า การล็อกดาวน์ไม่สามารถนำมาใช้ในปัจจุบันได้

“ล็อกดาวน์มันจะช่วยได้พอสมควร แต่มันช่วยได้น้อยมากในสถานการณ์ปัจจุบัน กับการกลับไปสมัยเดิม ล็อกดาวน์ปิดประเทศ ผมว่ามันช่วยไม่ได้

มันต้องใช้วัคซีนให้เร็วที่สุดเท่านั้นเอง ต้องฉีดเข็มแรกให้มากที่สุด อันนี้คือสิ่งสำคัญที่สุด ผมว่าการล็อกดาวน์ปิดประเทศ ปิดสถานที่ต่างๆ ผมว่ามันเป็นของเก่าไปแล้ว มันเอามาใช้ในสถานการณ์ปัจจุบันไม่ได้แล้ว”

นอกจากนี้ เมื่อถามถึงทางรอดวิกฤตในครั้งนี้ แพทย์รายเดิมมองว่า สิ่งที่สำคัญที่สุด คือ การกระจายวัคซีนเข็มแรกให้ได้มากที่สุด หากอยากลดการแพร่ระบาด เพราะในปัจจุบันเข็มฉีดวัคซีนเข็มแรกมีอัตราเพียง 9% อีกทั้งย้ำว่ารัฐต้องจัดระเบียบข้อมูลข่าวสารให้ประชาชนรับรู้อย่างเป็นระบบ

“ต้องอาศัยประชาชนให้ความร่วมมือ แล้วก็อาศัยรัฐบาลหาวัคซีนให้ได้มากที่สุด รวมทั้งนโยบายต้องอย่ากลับไปกลับมา หว่านฉีดวัคซีนเข็มแรกให้มากที่สุด ไม่ใช่ว่าให้ทุกคนฉีด 2 เข็มก่อน มันเป็นไปไม่ได้ ถ้าฉีด 2 เข็ม ประชาชนอีกมากจะไม่ได้รับวัคซีน เพราะฉะนั้นเมื่อไม่ได้วัคซีน เขาก็จะป่วยเข้านอนโรงพยาบาล อย่างน้อยเข็มเดียว เขาจะป่วย แต่ไม่ต้องเข้าโรงพยาบาล

คือ ต้องบอกว่าโรคนี้เป็นโรคที่รุนแรงถึงขั้นเสียชีวิต แต่ถึงจะหายแล้ว ก็กลับมาป่วยได้ หรืออาจจะไม่สามารถกลับมามีชีวิตเหมือนเดิมได้ มันมีวิธีการเดียวที่จะป้องกันได้ คือ การไปฉีดวัคซีน ฉีดเพื่อให้ตัวเองปลอดภัย และช่วยป้องกันคนรอบข้างด้วย ป้องกันประเทศด้วย ทำให้ประเทศเราเปิด เศรษฐกิจเราเปิดได้เร็วขึ้นครับ

และต้องยึดนโยบายดั้งเดิม ต้องฉีดเข็มแรกให้มากที่สุด อย่างน้อย 50 ล้านคน ภายใน 120 วัน อย่าไปเปลี่ยน สิ่งนี้ต้องห้ามเปลี่ยนเด็ดขาด ถ้าเราทำและยึดหลักสิ่งนี้ได้ เราจะสามารถลดจำนวนคนเข้านอนโรงพยาบาล และลดจำนวนคนเสียชีวิตได้ ซึ่งเป้าหมายเราต้องการอย่างนั้น”

ข่าวโดย : ทีมข่าว MGR Live
24 มิ.ย. 2564  ผู้จัดการออนไลน์