ผู้เขียน หัวข้อ: คพ.สำรวจเมือง พบ กทม. ภูเก็ต ลำพูน ระยอง นนทบุรี สะอาดที่สุดในประเทศ ตามลำดับ  (อ่าน 334 ครั้ง)

story

  • Staff
  • Hero Member
  • ****
  • กระทู้: 9742
    • ดูรายละเอียด
วันที่ 10 เมษายน นายอรรถพล เจริญชันษา อธิบดีกรมควบคุมมลพิษ(คพ.)กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม(ทส.) เปิดเผยว่า จากการติดตามตรวจสอบสถานการณ์คุณภาพสิ่งแวดล้อมของประเทศไทยปี 2563 และมีการจัดอันดับ 5 แหล่งน้ำที่มีคุณภาพดี ชายหาดที่มีคุณภาพน้ำทะเลดี จังหวัดที่มีคุณภาพอากาศดีและจังหวัดที่สะอาด(เป็นการประเมินเรื่องการจัดการขยะมูลฝอย) พบว่า

5 แหล่งน้ำคุณภาพน้ำดี ได้แก่
1. แม่น้ำตาปีตอนบน(อยู่ในเกณฑ์ดีมาก) จังหวัดนครศรีธรรมราช
2. แม่น้ำกก จังหวัดเชียงราย
3. แม่น้ำแควน้อย จังหวัดกาญจนบุรี
4. อ่างเก็บน้ำหนองหาร จังหวัดสกลนคร และ
5. แม่น้ำอูน จังหวัดสกลนคร

5 บริเวณคุณภาพน้ำทะเลดี ได้แก่
1.หาดพระราชวังไกลกังวล จังหวัดประจวบคีรีขันธ์
2. หาดบ้านปากบารา จังหวัดสตูล
3. หาดมหาราช จังหวัดสงขลา
4. หาดในหาน จังหวัดภูเก็ต และ
5. หาดบ้านหน้าทับ จังหวัดนครศรีธรรมราช

6 จังหวัดคุณภาพอากาศดี ได้แก่ จังหวัดนราธิวาส จังหวัดสตูล จังหวัดภูเก็ต จังหวัดสงขลา จังหวัดยะลา และจังหวัดสุราษฎร์ธานี ซึ่งไม่มีจำนวนวันที่มลพิษทางอากาศเกินค่ามาตรฐาน

5 จังหวัดสะอาด ได้แก่ กรุงเทพมหานคร จังหวัดภูเก็ต จังหวัดลำพูน จังหวัดระยอง และจังหวัดนนทบุรี

อธิบดี คพ. กล่าวว่า จากรายงานพบว่ามีจังหวัดทีมีคุณภาพสิ่งแวดล้อมดีมากกว่า 1 ด้าน ได้แก่ จังหวัดภูเก็ต มีความสะอาด คุณภาพอากาศดี และคุณภาพน้ำทะเลดี จังหวัดสตูลและจังหวัดสงขลา มีคุณภาพอากาศดีและคุณภาพน้ำทะเลดี จังหวัดนครศรีธรรมราช มีแหล่งน้ำดีและคุณภาพน้ำทะเลดี

“ในช่วงวันหยุดยาวเทศกาลสงกรานต์นี้ สำหรับประชาชนที่วางแผนการท่องเที่ยว ต้องขอความร่วมมือปฏิบัติตามมาตรการป้องกันไวรัสโควิด-19 อย่างเคร่งครัด และเพื่อให้สิ่งแวดล้อมมีคุณภาพดีและยั่งยืน ประชาชนมีคุณภาพชีวิตที่ดี ต้องขอความร่วมมือพี่น้องประชาชนทุกพื้นที่และทุกภาคส่วนในการร่วมกันปกป้องคุณภาพสิ่งแวดล้อม ไม่ก่อมลพิษทั้งด้านน้ำ อากาศ ขยะมูลฝอยและของเสีย พบเห็นการลักลอบทิ้งของเสีย การระบายมลพิษออกสู่สิ่งแวดล้อม โทรแจ้ง 1650 ศูนย์ปฏิบัติการพิทักษ์สิ่งแวดล้อมจะติดตามตรวจสอบและบังคับใช้กฎหมายอย่างเข้มข้น” นายอรรถพล กล่าว

10 เมษายน 2564
https://www.matichon.co.th/news-monitor/news_2667561