ผู้เขียน หัวข้อ: เหนือยังวิกฤติ! ฝุ่นพิษอันดับ 2 โลก “แม่ฮ่องสอน” แชมป์เผาหนัก PM 2.5 พุ่งปรี๊ด  (อ่าน 352 ครั้ง)

story

  • Staff
  • Hero Member
  • ****
  • กระทู้: 9745
    • ดูรายละเอียด
ภาคเหนืออากาศยังแย่ติดอันดับโลก เช้านี้ 5 จุดขึ้นโซนแดงอันตราย “แม่ฮ่องสอน” อาการโคม่าแชมป์ฝุ่นพุ่ง 3 วันติด เช้านี้ทะลุกว่า 200 ไมโครกรัมฯ พบจุดความร้อนเกือบ 600 จุด ตามด้วยเชียงใหม่ เกือบ 300 จุด โดยสูงสุดพบในพื้นที่ป่าอนุรักษ์เกือบพันจุด

กองจัดการคุณภาพอากาศและเสียง กรมควบคุมมลพิษ รายงานสถานการณ์คุณภาพอากาศพื้นที่ภาคเหนือ วันที่ 7 มี.ค.64 เวลา 08.00 น. พบคุณภาพอากาศเช้านี้อยู่ในระดับ คุณภาพดีมากถึงมีผลกระทบต่อสุขภาพ ตรวจพบค่าฝุ่น 2.5 อยู่ระหว่าง 23 - 248 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร โดยเกินเกณฑ์มาตรฐาน 17 พื้นที่ แบ่งเป็นอยู่ในระดับมีผลกระทบเป็นอันตรายต่อสุขภาพ (โซนสีแดง) 5 พื้นที่

สูงสุดที่ ต.จองคำ อ.เมือง จ.แม่ฮ่องสอน 250 ไมโครกรัมฯ
ต.เวียงพางคำ อ.แม่สาย จ.เชียงราย 180 ไมโครกรัมฯ
รพ.เทพรัตนฯ อ.แม่แจ่ม จ.เชียงใหม่ 96 ไมโครกรัมฯ
ต.ศรีภูมิ อ.เมือง จ.เชียงใหม่ 91 ไมโครกรัมฯ
ต.ช้างเผือก อ.เมือง จ.เชียงใหม่ 91 ไมโครกรัมฯ

นอกจากนี้ อีก 12 พื้นที่อยู่ในระดับเริ่มมีผลกระทบต่อสุขภาพ (โซนสีส้ม) ได้แก่ ต.พระบาท อ.เมือง จ.ลำปาง, ต.บ้านดง อ.แม่เมาะ จ.ลำปาง, ต.เวียง อ.เมือง จ.เชียงราย, ต.ในเวียง อ.เมือง จ.น่าน, ต.บ้านกลาง อ.เมือง จ.ลำพูน, ต.นาจักร อ.เมือง จ.แพร่, ต.บ้านต๋อม อ.เมือง จ.พะเยา, ต.ห้วยโก๋น อ.เฉลิมพระเกียรติ จ.น่าน, ต.แม่ปะ อ.แม่สอด จ.ตาก, ต.ในเมือง อ.เมือง จ.กำแพงเพชร, ต.ธานี อ.เมือง จ.สุโขทัย, ต.สุเทพ อ.เมือง จ.เชียงใหม่

ด้าน www.IQAIR.Com ซึ่งรายงานคุณภาพอากาศและจัดอันดับเมืองมลพิษโลกโดยรายงานแบบเรียลไทม์วันที่ 7 มี.ค.64 เวลา 08.00 น.พบว่าเมืองเชียงใหม่ของไทย เช้านี้อยู่ในลำดับที่ 2 เมืองอากาศแย่สุดในโลก โดยดัชนีคุณภาพอากาศอยู่ที่ 200 US AQI

ขณะที่คุณภาพอากาศ พื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ อยู่ในระดับดีมากถึงมีผลกระทบต่อสุขภาพ ตรวจพบค่าฝุ่น 2.5 ระหว่าง 21 - 97 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร โดยค่าฝุ่นเกินเกณฑ์มาตรฐานอยู่ในระดับมีผลกระทบเป็นอันตรายต่อสุขภาพ (โซนสีแดง) 1 พื้นที่ ที่บริเวณต.ในเมือง อ.เมือง จ.อุบลราชธานี 97 ไมโครกรัมฯ

GISTDA สำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ (องค์การมหาชน) โพสต์ผ่านเฟซบุ๊กระบุ “จุดความร้อนวานนี้...แม่ฮ่องสอนครองแชมป์ 3 วันติด เผยข้อมูลจากดาวเทียม Suomi NPP ของระบบ VIIRS เมื่อวันที่ 6 มีนาคม 2564 พบจุดความร้อนรวมทั้งประเทศ 1,753 จุด ภาคเหนือยังคงเป็นพื้นที่ที่พบจุดความร้อนสูงสุด โดยจังหวัด #แม่ฮ่องสอน ที่พบจุดความร้อนมากถึง 570 จุด รองลงมาจังหวัด #เชียงใหม่ 278 จุด และพื้นที่ของจังหวัด #ลำปาง 193 จุด ตามลำดับ ซึ่งพบมากสุดในพื้นที่ป่าอนุรักษ์ 924 จุด พื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ 538 จุด พื้นที่เกษตร 155 จุด พื้นที่เขต สปก. 82 จุด พื้นที่ชุมชนและอื่นๆ 46 จุดและพื้นที่ริมทางหลวง 8 จุด

จากภาพแสดงให้เห็นว่าจุดความร้อนที่มีปริมาณเพิ่มขึ้นจากวันที่ผ่านมาแค่เพียงเล็ก และยังคงมีการกระจุกตัวของจุดความร้อนในพื้นที่ภาคเหนือ และ ภาคกลาง อย่างเห็นได้ชัด ในส่วนของ ภาคตะวันออก ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคใต้ จุดความร้อนเริ่มลดลง เนื่องจากในระยะนี้ลมใต้และลมตะวันออกเฉียงใต้ยังคงพัดปกคลุมประเทศไทยตอนบน ทำให้บริเวณดังกล่าวมีฝนเกิดขึ้นบางพื้นที่ เว้นแต่บริเวณภาคเหนือตอนบนที่มีลมตะวันตกพัดปกคลุม จึงทำให้การสะสมของฝุ่นละอองและหมอกควันยังคงมีแนวโน้มปานกลาง ในส่วนของประเทศเพื่อนบ้านยังคงเห็นอย่างต่อเนื่องโดยสาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมาร์มาเป็นอันดับหนึ่งโดยมีจุดความร้อนสูงถึง 7,858 จุด รองลงมาที่ ราชอาณาจักรกัมพูชา 1,858 จุด ส่งผลให้พื้นที่จังหวัดใกล้เคียงที่ติดกับประเทศเพื่อนบ้านอาจได้รับผลกระทบจากฝุ่นระอองและหมอกควัน ที่อาจลอยข้ามแดนเข้ามาอย่างต่อเนื่อง

ทั้งนี้ GISTDA ยังติดตามและรายงานสถานการณ์อย่างต่อเนื่อง เพื่อเป็นข้อมูลให้กับทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้นำไปใช้บริหารจัดการในพื้นที่ ท่านสามารถติดตามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ http://fire.gistda.or.th

สยามรัฐออนไลน์  7 มีนาคม 2564