ผู้เขียน หัวข้อ: “ประยุทธ์-อนุทิน” ยิ้มร่านำบุคลากรทางแพทย์รับมอบวัคซีนโควิด-19 ล็อตแรกจากซิโนแวค  (อ่าน 365 ครั้ง)

story

  • Staff
  • Hero Member
  • ****
  • กระทู้: 9721
    • ดูรายละเอียด
นายกฯ ขอบคุณรัฐบาลจีนส่งมอบวัคซีน “ซิโนแวค” 2 แสนโดส ถึงมือไทยเรียบร้อย เตรียมบริหารฉีดตามแผน วอนสังคมเป็นหนึ่งเดียว รวมไทยสร้างชาติ อย่าดึงวัคซีนสร้างความขัดแย้ง

วันนี้ (24 ก.พ.) เมื่อเวลา 10.05 น. ที่เขตปลอดอากรและคลังสินค้า ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม เป็นประธานรับวัคซีนป้องกันโควิด-19 จากสาธารณรัฐประชาชนจีน “วัคซีนโควิด-19 คืนรอยยิ้ม ประเทศไทย” ขนส่งโดยเที่ยวบินขนส่งสินค้า TG 675 เส้นทางปักกิ่ง-กรุงเทพมหานคร โดยมีนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.สาธารณสุข นายสาธิต ปิตุเตชะ รมช. สาธารณสุข นพ.เกียรติภูมิ วงศ์รจิต ปลัดกระทรวงสาธารณสุข ในฐานะประธานกรรมการองค์การเภสัชกรรม และอุปทูตรักษาการแทนเอกอัครราชทูตจีนประจำประเทศไทย พร้อมคณะผู้บริหารทุกหน่วยงานเข้าร่วมพิธี โดยมีสื่อมวลชนทั้งไทยและต่างประเทศจำนวนมากให้ความสนใจเผยแพร่พิธีการรับวัคซีนอย่างคึกคัก

โดยวัคซีนดังกล่าวเดินทางถึงท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ในเวลา 10.05 น. เป็นวัคซีนล็อตแรก จำนวน 200,000 โดส น้ำหนัก 2.6 ตัน เป็นวัคซีนจากบริษัท ซิโนแวค ไบโอเทค จำกัด โดยเมื่อวัคซีนเดินทางถึงเจ้าหน้าที่ลำเลียงตู้ควบคุมอุณหภูมิบรรจุวัคซีนออกจากเครื่อง และลำเลียงตู้ควบคุมอุณหภูมิดังกล่าวขึ้นรถขนส่งไปจัดเก็บยังคลังสำรองวัคซีนโควิด-19 องค์การเภสัชกรรม (คลังศรีเพชร DKSH) บริษัท ดีเคเอสเอช (ประเทศไทย) จำกัด ขณะเดียวกัน วัคซีนจากแอสตราเซเนกา จำนวน 117,000 โดส จะส่งมาถึงไทยเช่นกัน

นายกฯ กล่าวว่า วันนี้ถือเป็นอีกวันหนึ่งที่เป็นวันประวัติศาสตร์ของพวกเราร่วมกันรับวัคซีนล็อตแรก โดยทางรัฐบาลได้มีการบริหารจัดการเรื่องวัคซีนมาอย่างต่อเนื่อง แม้จะมีปัญหาผลกระทบอะไรอยู่บ้าง แต่รัฐบาลก็พยายามอย่างยิ่งยวดในการที่จะให้ได้วัคซีนมาตามกำหนด ข้อสำคัญคือวันนี้วัคซีนเป็นความต้องการของคนทั้งโลก ของหลายประเทศด้วยกัน ฉะนั้น แน่นอนหลายๆ อย่างย่อมมีปัญหาอยู่บ้าง แต่ถือเป็นปัญหาเพียงเล็กน้อย และวันนี้เป็นโอกาสดีที่วัคซีนเข้ามาล็อตแรก และล็อตต่อๆ ไปได้รับคำยืนยันว่าถ้าไม่มีปัญหาอะไรที่คาดการณ์ไม่ได้ก็ต้องเข้ามาตามระยะเวลาที่ได้แจ้งไปแล้ว ตนได้รับคำยืนยันจากทางอุปทูตจีน และกระทรวงสาธารณสุขแล้ว

“ผมกราบเรียนว่าไม่ว่าจะวัคซีนล็อตไหนก็ตาม เป็นวัคซีนของคนไทยทั้งประเทศ เป็นสิ่งที่เราต้องภาคภูมิใจว่า ต่อไปในระยะที่ 2 ที่เราจะจัดหาในล็อตต่อไป เราก็ต้องจัดหาเพิ่มเติม ในขณะที่เราผลิตวัคซีนซึ่งขีดความสามารถจำกัดอยู่ก็ต้องจัดหาเพิ่มเติมให้เพียงพอเพื่อจะสร้างภูมิคุ้มกันหมู่ให้กับคนในประเทศของเราได้ อันนี้ทางการแพทย์จะพิจารณาอีกครั้ง และวัคซีนที่เข้ามานี้ต้องใช้ระยะเวลาการเตรียมการสักระยะเช่นกันเพื่อที่จะเข้าสู่การฉีด ส่วนใครจะฉีดหรือฉีดก่อนฉีดหลังเป็นอีกเรื่องหนึ่งที่ทางกรรมการจะพิจารณา และ ศบค.จะให้ความเห็นชอบไปด้วยกัน เราทำงานเป็นระบบ” นายกฯ กล่าว

พล.อ.ประยุทธ์กล่าวอีกว่า ขอขอบคุณคนไทยทุกคน กระทรวงสาธารณสุข รองนายกรัฐมนตรี หัวหน้าส่วนราชการ เจ้าหน้าที่ทุกส่วนที่ช่วยกันแก้ปัญหาของเราให้เป็นไปตามขั้นตอนที่ระวังไว้อย่างที่ไม่มีอะไรแก้ไขไม่ได้ แน่นอนการทำงานเพื่อคนส่วนใหญ่ทั้งประเทศหลายล้านคนต้องมีปัญหาในขั้นต้น เราก็ต้องช่วยกันแก้ไขปัญหาด้วยความเข้าใจ และต้องขอบคุณสาธารณรัฐประชาชนจีนที่ได้พิจารณาในการส่งวัคซีนให้เราในเดือนนี้ และในงวดต่อๆ ไปตามแผนงานที่กำหนดไว้แล้วเดิม ตรงนี้นายกฯ คงหมดหน้าที่เพียงเท่านี้ก่อน จากนั้นเป็นเรื่องของหน่วยงานที่จะพิจารณาเรื่องการฉีด จะฉีดเมื่อไหร่กับใครมีข้อกำหนดอยู่แล้ว อย่างไรก็ตาม เราต้องให้ความสำคัญ พื้นที่ที่มีความเสี่ยงสูงในขณะนี้ และกลุ่มคนที่มีความเสี่ยงสูงในการแพร่ระยะที่ 2 ด้วย ทุกอย่างดำเนินการไปตามสถานการณ์ ขอเรียนว่าวัคซีนได้มีการทดสอบคุณภาพมาแล้ว เพียงแต่อาจต้องมีการเตรียมดูในเรื่องการขนย้ายจะมีปัญหาอะไรบ้างหรือไม่

“วันนี้ก็เป็นที่น่ายินดีเราได้วัคซีนมาอีกยี่ห้อหนึ่งซึ่งก็ทราบกันอยู่แล้ว อันนั้นเป็นอีกเรื่องหนึ่งซึ่งมีแผนในการเตรียมการ ผมไม่อยากให้สังคมมีความขัดแย้งกันอีกในเรื่องวัคซีน เราต้องมีความเป็นหนึ่งเดียวในการที่จะแก้ปัญหาประเทศของเรา ต้องขอบคุณไปยังประธานาธิบดี และนายกรัฐมนตรีจีน ที่ให้ความสำคัญเอาใจใส่ในสิ่งที่รัฐบาลได้ประสานไป เรื่องพาณิชย์เป็นอีกเรื่องหนึ่ง แต่เรื่องความสัมพันธ์ระหว่างประเทศถือเป็นสิ่งสำคัญที่ทำทุกอย่างมาถึงวันนี้ได้” พล.อ.ประยุทธ์กล่าว

นายกฯ กล่าวว่า เราจะต้องช่วยกันสร้างรอยยิ้มให้แก่ประเทศไทย รวมไทยสร้างชาติ และเราก็มีเพื่อนของเราช่วยกันดูแลสนับสนุนกันมา ประเทศไทยเป็นประเทศหนึ่งในอาเซียน จำเป็นต้องดูแลประเทศอื่นด้วยในด้านความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ เราต้องการให้ประเทศเราปลอดภัย อาเซียนปลอดภัย ภูมิภาคทุกแห่งในโลกปลอดภัย สิ่งสำคัญที่สุดแม้วัคซีนจะเข้ามาแล้ว อย่าลืมหน้ากาก อย่าถอดบ่อยในระยะที่อยู่ใกล้กับคน พอติดขึ้นมาก็ว่าเป็นเพราะสาเหตุอื่น สาเหตุสำคัญคือการไม่ใส่หน้ากาก ไม่เว้นระยะห่าง ไม่กลัวก็แล้วแต่ท่าน ตนก็ได้แต่เตือน แม้จะมีวัคซีนมาแล้วก็ตามก็ต้องใส่หน้ากากเหมือนเดิม จนกว่าโรคโควิด-19 จะหายไปจากโลกใบนี้ หรือควบคุมได้ ตนไม่อยากตำหนิท่านเพราะท่านคือประชาชนที่รักยิ่งของตน

ต่อมา นายหยาง ซิน อุปทูตรักษาการ สถานเอกอัครราชทูตสาธารณรัฐประชาชนจีนประจำประเทศไทย กล่าวว่า วันนี้รู้สึกภูมิใจและปลาบปลื้มปีติเป็นอย่างยิ่งที่ได้มีโอกาสมาร่วมในพิธีต้อนรับวัคซีนจากจีนมาถึงประเทศไทย โดยวัคซีนจำนวน 2 แสนโดสที่มาถึงประเทศไทยในวันนี้ ถือเป็นวัคซีนล็อตแรกที่ประเทศจีนส่งมายังประเทศไทย และล็อตที่ 2 และ 3 ก็จะทยอยตามมา และเป็นวัคซีนชนิดแรกที่ประเทศไทยได้นำเข้า ทำให้ประเทศไทยเป็นประเทศแรกในอาเซียนที่นำเข้าวัคซีนจากประเทศจีนโดยช่องทางพาณิชย์ สะท้อนให้เห็นว่าฝ่ายจีนได้ปฏิบัติอย่างจริงจังต่อคำมั่นสัญญาของประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ที่ระบุว่าวัคซีนจีนจะต้องเป็นสินค้าสาธารณะทั่วโลก และยังสะท้อนถึงที่รัฐบาลจีนเร่งสร้างอนาคตร่วมกันของมนุษยชาติ รวมถึงมิตรภาพอันแนบแน่นระหว่างไทยและจีนที่มีมาช้านาน ขอขอบคุณหน่วยงานภาครัฐและเอกชนและบุคลากรบุคลากรทั้งสองประเทศที่ทำให้วัคซีนผลิตได้ทันและส่งมาทัน และส่งมายังประเทศไทยได้ตามเวลา ในปัจจุบันนี้โควิด-19 ยังคงแพร่ระบาดอยู่ทั่วโลก จึงทำให้ทุกประเทศมีภาระในการรับมือและฟื้นฟูเศรษฐกิจ ทั้งนี้ ตนเชื่อมั่นว่าวัคซีนจากประเทศจีนจะมีส่วนช่วยทำให้ประชาชนคนไทยรับมือกับโควิด-19 แล้วฝ่ายจริงก็ยินดีที่จะร่วมมือกับฝ่ายไทยต่อไปเพื่อเอาชนะโควิด-19 และทำให้รอยยิ้มคืนสู่ประเทศไทยโดยเร็ว

ทั้งนี้ สำหรับแผนการฉีดวัคชีนโควิด-19 ระยะแรก ในเดือน มี.ค.-พ.ค. 64 จำนวน 2 ล้านโดสนั้นจะฉีดให้กลุ่มเป้าหมายในพื้นที่ควบคุมสูงสุดและข้มงวด, พื้นที่ควบคุมสูงสุด, พื้นที่ควบคุม และพื้นที่ขับเคลื่อนเศรษฐกิจและสังคมใน 18 จังหวัด ได้แก่ จ.สมุทรสาคร, กรุงเทพมหานคร (ฝั่งตะวันตก), ปทุมธานี, นนทบุรี, สมุทรปราการ, ตาก (แม่สอด), นครปฐม, สมุทรสงคราม, ราชบุรี, ชลบุรี, ภูเก็ต, สุราษฎร์ธานี (เกาะสมุย), เชียงใหม่, กระบี่, ระยอง, จันทบุรี, ตราด และเพชรบุรี

โดยฉีดให้กลุ่มเป้าหมาย ได้แก่ บุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุขด่านหน้า อสม. บุคลากรด่านหน้า เจ้าหน้าที่ที่สัมผัสผู้ป่วย ประชาชนทั่วไป และแรงานที่มีอายุ 18-59 ปี เน้นผู้มีโรคประจำตัว ได้แก่ โรคทางเดินหายใจเรื้อรัง โรคหัวใจและหลอดเลือด โรคไตเรื้อรัง โรคหลอดเลือดสมอง มะเร็ง เบาหวาน และโรคอ้วน โดยให้แพทย์เป็นผู้ประเมินและคัดเลือกจากฐานข้อมูลการเข้ารักษาพยาบาลในโรงพยาบาล

นพ.เกียรติภูมิ วงศ์รจิต ปลัดกระทรวงสาธารณสุข และประธานกรรมการองค์การเภสัชกรรม กล่าวว่า วัคซีนนี้ผลิตโดยบริษัท ซิโนแวค บริษัทผู้ผลิตยาและชีวเภสัชภัณฑ์สัญชาติจีน ที่เชี่ยวชาญการวิจัย พัฒนา ผลิต และจำหน่ายวัคซีนป้องกันโรคระบาด ที่ผ่านมาซิโนแวคเคยผลิตวัคซีนมาแล้วหลายตัว เช่น วัคซีนไวรัสตับอักเสบเอ วัคซีนไวรัสตับอักเสบบี วัคซีนไข้หวัดใหญ่ วัคซีนป้องกันโรคมือเท้าเปื่อย

สำหรับวัคซีนโควิดของซิโนแวค เป็นวัคซีนเชื้อตายที่มีชื่อว่า “โคโรนแวค” (Coronvac) วัคซีนตัวนี้ทำงานโดยการเหนี่ยวนำระบบภูมิคุ้มกันร่างกายมนุษย์ให้สร้างแอนติบอดีต้านโควิด-19 โดยแอนติบอดีจะยึดติดกับโปรตีนบางส่วนของไวรัสไม่ให้เข้าสู่เซลล์ร่างกาย วัคซีนเชื้อตายเป็นเทคโนโลยีตั้งเดิมที่ประสบความสำเร็จในการป้องกันโรค และสามารถเก็บไว้ในตู้เย็นที่อุณหภูมิ 2-8 องศาเซลเชียสได้ วัคซีนดังกล่าวได้มีการศึกษาในคนระยะที่ 1, 2 และ 3 ในประเทศบราซิล ตุรกี อินโดนีเซีย และชิลีแล้ว มีการรายงนผลว่าวัคชีนมีความปลอดภัย และมีประสิทธิภาพในการป้องกันการเกิดโควิด-19 ทำให้ในปัจจุบันวัคซีนชนิดนี้ได้รับการรับรองให้ใช้ในประเทศจีนเรียบร้อยแล้ว

ในการฉีดวัคซีนโควิด-19 “CoronaVac” คณะอนุกรรมการสร้างเสริมภูมิคุ้มกันโรคได้มีข้อแนะนำว่า กระทรวงสาธารณสุขกำหนดให้ฉีดในประชาชนอายุ 18-59 ปี จำนวน 2 เข็ม ห่างกัน 2-4 สัปดาห์ และมีการติดตามเฝ้าระวังอาการภายหลังได้รับวัคซีนแต่ละเข็ม เป็นระยะเวลา 30 วันหลังฉีด โดยในพื้นที่ที่มีการระบาดรุนแรง แนะนำให้ฉีดห่างกัน 2 สัปดาห์ ห้ามฉีดให้แก่ผู้ป่วยโรคเรื้อรังที่อยู่ในภาวะควบคุมไม่ได้ ผู้ที่มีภาวะทางระบบประสาทอย่างรุนแรง หญิงตั้งครรภ์ และควรระวังในการฉีดในกลุ่มหญิงให้นมบุตร ผู้ที่มีภาวะภูมิคุ้มกันบกพร่อง

นอกจากนี้ สามารถให้วัคซีนโควิด-19 ร่วมกับวัคซีนป้องกันโรคชนิดอื่นได้ โดยเว้นระยะห่างกันอย่างน้อย 14 วัน และขณะนี้ยังไม่มีข้อมูลการฉีดวัคซีนโควิค-19 สลับชนิดกัน ดังนั้น การฉีดวัดซีนทั้งสองเข็มควรเป็นวัคซีนยี่ห้อเดียวกัน

 24 ก.พ. 2564  โดย: ผู้จัดการออนไลน์

story

  • Staff
  • Hero Member
  • ****
  • กระทู้: 9721
    • ดูรายละเอียด
วัคซีนโควิด-19 ของซิโนแวค จำนวน 200,000 แสนโดส โดยวัคซีนของซิโนแวค ถูกขนส่งโดยการบินไทย TG 675 เส้นทางปักกิ่ง-กรุงเทพฯ ทำการบินด้วยเครื่องบินแอร์บัส A350-900 ออกเดินทางจากสาธารณรัฐประชาชนจีน ในวันที่ 24 ก.พ. 64 เวลา 05.50 น. (เวลาท้องถิ่น) ถึงท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ตามกำหนดการในเวลา 10.05 น. ที่คลังสินค้าการบินไทยแล้ว

วันนี้ (24 ก.พ.) เมื่อเวลาประมาณ 10.00 น. เที่ยวบินขนส่งวัคชีนโควิด-19 ของซิโนแวคล็อตแรก 200,000 โดส เดินทางจากจีนมาถึงประเทศไทยแล้ว เมื่อผ่านการตรวจสอบโดยศุลกากร เจ้าหน้าที่องค์การอาหารและยา (อย.) และเจ้าหน้าที่ขององค์การเภสัชกรรมแล้วจะขนส่งไปยังคลังสำรองวัคชีนโควิด-19 ที่ศูนย์กระจายสินค้าของบริษัท ดีเคเอสเอช (ประเทศไทย) จากนั้นองค์กรเภสัชกรรมจะดำเนินการตรวจรับและส่งให้กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ตรวจสอบคุณภาพอีกครั้ง เมื่อผ่านทุกขั้นตอนแล้วจะจัดสรรกระจายให้กับหน่วยบริการสถานพยาบาลให้เร็วที่สุด

โดย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธานในพิธีรับ “วัคซีนโควิด 19 คืนรอยยิ้มประเทศไทย” ที่ขนส่งโดยการบินไทยเที่ยวบิน TG 675 เส้นทางปักกิ่ง-กรุงเทพฯ ในวันนี้ โดยมี นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรมว.สาธารณสุข นายสาธิต ปีตุเตชะ รมช.สาธารณสุข นพ.เกียรติภูมิ วงศ์รจิต ปลัดกระทรวงสาธารณสุขและประธานกรรมการองค์การเภสัชกรรม Mr.Yang Xi อุปทูตรักษาการแทนเอกอัครรชทูตจีนประจำประเทศไทย และคณะผู้บริหารของทุกหน่วยงานเข้าร่วมในพิธี

ส่วนแผนการกระจายและการฉีดวัคซีนโควิด-19 ของบริษัทซิโนแวค ระยะที่ 1 จำนวน 200,000 โดสแรก จะเก็บไว้ที่คลังวัคซีน DKHS เพื่อรอผลตรวจสอบประสิทธิภาพและความปลอดภัย หลังจากนั้น จะกระจายวัคซีนไปให้กับบุคลากรทางการแพทย์ และประชาชนกลุ่มเป้าหมายที่มีอายุตั้งแต่ 18-59 ปี โดยมี 13 จังหวัดที่คาดว่าจะกระจายวัคซีนไปเบื้องต้น คือ สมุทรสาคร กรุงเทพมหานคร นนทบุรี ปทุมธานี สมุทรปราการ ระยอง นครปฐม ราชบุรี ชลบุรี จันทบุรี ตราด และอำเภอแม่สอด จังหวัดตาก ซึ่งเป็นพื้นที่ที่มีการระบาดจำนวนมาก โดยกระจายไปตามโรงพยาบาลต่างๆ เพื่อให้แพทย์วิเคราะห์ความจำเป็นทางระบาดวิทยา เพื่อให้ประชาชนได้รับวัคซีนตามที่จำเป็น

โดยมีไทม์ไลน์เบื้องต้นดังนี้

วันที่ 24-26 ก.พ. จะแจ้งประชาชนกลุ่มเป้าหมายให้เตรียมความพร้อม
วันที่ 27 ก.พ.64 จะส่งวัคซีนไปโรงพยาบาลเป้าหมาย
วันที่ 1 มี.ค.64 เริ่มฉีดวัคซีนเข็มที่ 1 ให้กลุ่มเป้าหมายและเฝ้าระวังอาการภายหลังได้รับวัคซีนครบ 30 วัน เว้นระยะห่าง 2-3 สัปดาห์ ฉีดวัคซีนเข็ม 2 และเฝ้าระวังอาการภายหลังได้รับวัคซีนครบ 30 วัน

24 ก.พ. 2564  ผู้จัดการออนไลน์