เผยแพร่ วันศุกร์ที่ 22 มกราคม พ.ศ.2564
https://www.silpa-mag.com/history/article_52528ในสมัยรัชกาลที่ 4 นั้น เป็นช่วงเวลาที่มีการติดต่อกับชาติตะวันตก บ่อยครั้งที่มีเรื่องวุ่นวายกับพวกฝรั่งอยู่เสมอ พวกกงสุลต่างชาติที่เข้ามาตั้งอยู่ในกรุงเทพฯ ถ้าเกิดเรื่องโต้เถียงกันขึ้น ก็มักขู่ว่าจะเรียกเรือรบเข้ามากรุงเทพฯ
พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงรําคาญพระราชหฤทัย ทรงพระราชดําริว่าราชธานีอยู่ที่กรุงเทพฯ ใกล้ทะเลนัก ถ้าหากเกิดสงครามกับต่างประเทศ ข้าศึกอาจจะเอาเรือกําปั่นรบขึ้นมาถึงราชธานีได้ จึงโปรดให้ตั้ง เมืองลพบุรี เมืองที่พระองค์ทรงสนพระทัยตั้งแต่ขึ้นครองราชย์ เป็น ราชธานีสํารอง
แต่ในครั้งนั้นมีความเห็นไม่ตรงกัน บ้างว่าควรตั้งที่ เมืองนครราชสีมา
รัชกาลที่ 4 จึงโปรดให้พระบาทสมเด็จพระปิ่นเกล้าเจ้าอยู่หัวเสด็จขึ้นไปตรวจสถานที่ ครั้นไปตรวจแล้วทรงมีความเห็นว่า เมืองนครราชสีมากันดารน้ำ ไม่เหมาะที่จะสร้างเมืองใหญ่
ปีที่พระบาทสมเด็จพระปิ่นเกล้าเจ้าอยู่หัวเสด็จขึ้นไปตรวจที่สร้างเมืองที่นครราชสีมานั้น ไม่ปรากฏหลักฐาน แต่สันนิษฐานว่าเป็นปี 2399 เพราะมีจดหมายเหตุของพระเจ้าราชวรวงศ์เธอ กรมหมื่นจรัสพรปฏิภาณ พระราชโอรสของพระบาทสมเด็จพระปิ่นเกล้าเจ้าอยู่หัว ได้ทรงบันทึกไว้ว่า
ได้เสด็จขึ้นไป [เมืองนครราชสีมา] ครั้งหนึ่งเมื่อเดือน 3 ปีมะโรงอัฐศก ศักราช 1218 (พ.ศ. 2399) โดยพาเจ้าจอมมารดาช้อย [ธิดาพระยานครราชสีมา] ขึ้นไปเยี่ยมบิดาและชมบ้านเมือง ได้เสด็จประพาสเมืองปักธงไชย และเมืองสุวรรณภูมิ ซึ่งเป็นเมืองขึ้นของเมืองนครราชสีมาด้วย
รัชกาลที่ 4 จึงทรงเลือก ลพบุรี เป็น ราชธานีสำรอง หรือ เมืองหลวงแห่งที่ 2 เหมือนอย่างสมเด็จพระนารายณ์มหาราช เมื่อสร้างพระราชวังที่ประทับขึ้นที่เมืองลพบุรี เสร็จแล้วจึงสถาปนาเป็น พระนารายณ์ราชนิเวศน์ ได้ใช้เป็นที่ประทับเวลาเสด็จประพาส
ข้อมูลจาก
กรมศิลปากร. สูจิบัตรเนื่องในวันสวรรคต พระบาทสมเด็จพระปิ่นเกล้าเจ้าอยู่หัว 7 มกราคม 2547
กรมศิลปากร, วัฒนธรรม พัฒนาการทางประวัติศาสตร์ เอกลักษณ์และภูมิปัญญา จังหวัดนครราชสีมา, จัดพิมพ์เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษ 6 รอบ 5 ธันวาคม 2542
เผยแพร่ข้อมูลในระบบออนไลน์ครั้งแรกเมื่อ 8 กรกฎาคม 2563