ผู้เขียน หัวข้อ: ศาลอังกฤษตัดสินให้มลพิษทางอากาศเป็นปัจจัยหนึ่งที่ทำให้เด็กหญิงวัย9ขวบ เสียชีวิต  (อ่าน 335 ครั้ง)

story

  • Staff
  • Hero Member
  • ****
  • กระทู้: 9745
    • ดูรายละเอียด
เอลลา อาดู-คิสซี-เดบราห์ เด็กหญิงวัย 9 ขวบ ซึ่งอาศัยอยู่เขตลูวิเชิม (Lewisham) ทางตะวันออกเฉียงใต้ของลอนดอน เสียชีวิตเมื่อปี 2013 จากอาการหอบหืด ล่าสุดศาลไต่สวนชันสูตรพลิกศพลงความเห็นว่า "มลพิษทางอากาศ" เป็นหนึ่งในสาเหตุการเสียชีวิตของเธอ นับเป็นกรณีแรกในสหราชอาณาจักร

ผลการชันสูตรในปี 2014 ระบุว่าเอลลีเสียชีวิตจากภาวะการหายใจล้มเหลวและหอบหืดอย่างรุนแรง แต่การสอบสวนเพิ่มเติมในปี 2018 พบหลักฐานสำคัญที่ชี้ว่ามลพิษทางอากาศส่งผลต่อการเสียชีวิตของเธอ แม่ของเอลลาจึงนำรายงานการสอบสวนชิ้นนี้ไปยื่นคำร้องต่อศาลไต่สวนชันสูตรพลิกศพ (Coroner's Court) ของเขตซาเธิร์คในลอนดอน เพื่อขอให้เปิดการไต่สวนการตายของหนูน้อยเอลลาอีกครั้ง ซึ่งศาลได้อนุมัติตามคำร้อง

ระหว่างกระบวนการไต่สวนซึ่งใช้เวลา 2 สัปดาห์ ได้มีการให้ข้อมูลว่า ในช่วง 3 ปีก่อนที่เอลลาจะเสียชีวิต เธอเกิดอาการชักบ่อยครั้ง และถูกส่งเข้าโรงพยาบาล 27 ครั้งด้วยกัน

ท้ายสุด ศาลตัดสินว่ามลพิษทางอากาศ "ส่งผลกระทบอย่างมาก" ต่อการเสียชีวิตของเด็กหญิงเอลลา ซึ่งศาสตราจารย์แกวิน เชดดิค ที่ปรึกษาด้านมลพิษทางอากาศของรัฐบาล บอกว่านี่เป็น "คำตัดสินครั้งสำคัญ"

แม่ของเอลลา บอกว่า "เราได้รับความยุติธรรมที่เธอสมควรได้รับ"

ด้านฟิลลิป บาร์โลว์ เจ้าหน้าที่ชันสูตรศพสรุปว่า เอลลาต้องเจอกับระดับมลพิษ "มากเกินขีด" โดยพบว่าระดับไนโตรเจนไดออกไซด์ (NO2) แถวบ้านของเธอ เลยระดับความปลอดภัยที่องค์การอนามัยโลกและสหภาพยุโรปกำหนดไว้

เขาบอกอีกว่า "เห็นได้ว่าเกิดความล้มเหลวที่จะลดระดับไนโตรเจนไดออกไซด์ ซึ่งมีความเป็นไปได้ว่ามีส่วนในการเสียชีวิต"

นายบาร์โลว์สรุปว่า "เอลลาเสียชีวิตด้วยอาการหอบหืด ซึ่งมีส่วนจากการได้รับมลพิษทางอากาศอย่างเกินขีดจำกัด"

โรซามันด์ อาดู-คิสซี-เดบราห์ แม่ของเอลลา บอกว่า "เราได้ต่อสู้เพื่อความยุติธรรมที่เธอสมควรได้รับแล้ว ...แต่ยังมีเด็กคนอื่น ๆ อีกมาก ที่ได้รับผลกระทบจากการใช้ชีวิตอยู่ในเมืองที่มีมลพิษทางอากาศสูง"

เธอบอกว่าคาดไม่ถึงว่าผลสรุปการไต่สวนการเสียชีวิตจะออกมา "ชัดแจ้งและครอบคลุม" ขนาดนี้

แทบไม่หายใจ

ปี 2012 เอลลาถูกจัดให้เป็นคนพิการด้วยปัญหาด้านระบบทางเดินหายใจ

แม่ของเอลลาให้การต่อศาลว่า ลูกสาวถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลครั้งแรกในปี 2010 หลังจากไอไม่หยุด

ตอนอายุ 6 ขวบ แพทย์ต้องให้ยาทำให้เธออยู่ในอาการโคมาหรือไม่รู้สึกตัวเป็นเวลา 3 วัน เพื่อทำให้อาการเธอทรงตัว

ถึงฤดูร้อนปี 2012 เอลลาขึ้นทะเบียนเป็นคนพิการ เธอไม่ค่อยมีเรี่ยวแรงและมักต้องให้แม่อุ้มขึ้นหลังเวลาไปไหนมาไหน

"ฉันอยากให้ผู้คนเข้าใจว่าเหตุที่เอลลาต้องเข้าโรงพยาบาล เป็นเพราะหลายครั้งเธอแทบไม่หายใจ" ผู้เป็นแม่กล่าว "เธอมีภาวะหัวใจหยุดเต้น ซึ่งเป็นภาวะฉุกเฉิน"

เอลลาเสียชีวิตในช่วงรุ่งเช้าวันที่ 15 ก.พ. ปี 2013 หลังมีอาการหอบหืดรุนแรง

โรเจอร์ ฮาร์ราบิน นักวิเคราะห์ด้านสิ่งแวดล้อมของบีบีซี บอกว่านี่เป็นคำตัดสินครั้งประวัติศาสตร์

เขาบอกว่า ปกติแล้วผู้เชี่ยวชาญจะลงความเห็นว่ามลพิษทางอากาศ "มีความเชื่อมโยง" กับการเสียชีวิตก่อนวัยอันควร แต่กรณีของเอลลามีการะบุชัดลงไปเลยว่า อากาศที่เธอสูดหายใจเข้าไปเป็นสาเหตุหนึ่งของการเสียชีวิต

"นี่จะทำให้คนถกเถียงเรื่องความเสมอภาคในสังคม (social equity) มากขึ้น" ฮาร์ราบินระบุและขยายความว่า คนจนที่สุดมีแนวโน้มที่จะต้องอยู่กับคุณภาพอากาศที่แย่ที่สุด

ศ.เชดดิค ซึ่งเป็นหัวหน้าภาควิชาวิทยาการข้อมูล (data science) มหาวิทยาลัยเอ็กซิเตอร์บอกว่า เขาหวังว่าคำตัดสินนี้จะนำไปสู่การปรับปรุงคุณภาพอากาศให้ดีขึ้น

"แต่ก็น่าเสียดายที่ต้องเกิดเรื่องนี้เสียก่อน ปัญหาถึงจะได้รับการแก้ไข"

นายซาดิก ข่าน ซึ่งมีส่วนเกี่ยวข้องกับกระบวนการนี้ด้วยในฐานะนายกเทศมนตรีกรุงลอนดอน บอกว่าคำตัดสินนี้ได้นำมาซึ่ง "ช่วงเวลาสำคัญ" ที่จะกลายเป็นจุดเปลี่ยนให้ครอบครัวอื่น ๆ ไม่ต้องหัวใจสลายเหมือนกับครอบครัวของเอลลา

นายกเทศมนตรีกรุงลอนดอนบอกว่าอดีตรัฐมนตรีและนายกเทศมนตรีคนก่อนหน้านี้ลงมือจัดการช้าเกินไป และเห็นว่าคนเหล่านั้นต้องได้รับบทเรียน จากคำตัดสินของศาลไต่สวนชันสูตรพลิกศพ

ซาราห์ วูลโน ประธานบริหารมูลนิธิโรคหอบหืด และโรคปอดแห่งสหราชอาณาจักร (Asthma UK and British Lung Foundation) บอกว่ารัฐบาลต้องออกมากำหนดแนวทางแผนในการป้องกัน "อากาศเป็นพิษ" เพื่อสาธารณสุขโดยทันที

เธอบอกว่าคำตัดสินนี้ได้สร้างแรงสั่นสะเทือนอย่างรุนแรงที่จะส่งผลให้รัฐบาล เจ้าหน้าที่ท้องถิ่น และแพทย์ต้องออกมาร่วมมือกันทำงานเพื่อแก้ไขวิกฤตมลพิษทางอากาศ​

โฆษกรัฐบาลระบุว่า "พวกเราระลึกถึงครอบครัวและเพื่อนของเอลลา ...เรากำลังดำเนินโครงการมูลค่า 3.8 พันล้านปอนด์ที่จะทำให้การคมนาคมปลอดมลพิษมากขึ้น จัดการกับไนโตรเจนไดออกไซด์ และปกป้องชุมชุนต่าง ๆ จากมลพิษทางอากาศให้มากขึ้น"

18 ธันวาคม 2020
https://www.bbc.com/thai/international-55354289