ผู้เขียน หัวข้อ: “บ่อนไทยมีแทบทุกตำบล!!”กูรูร่วมแฉ หลังผู้ป่วยโควิดตีแผ่“บ่อน กทม.”คือแหล่งแพร่  (อ่าน 346 ครั้ง)

story

  • Staff
  • Hero Member
  • ****
  • กระทู้: 9742
    • ดูรายละเอียด
เจาะข้อเท็จจริง “เมืองไทยไม่มีบ่อน” ผ่านเคสล่าสุด คนติดเชื้อจากบ่อนกรุงเทพฯ ลักลอบเล่นพนันจนทำให้เกิดการระบาดของเชื้อโควิด-19 อีกครั้ง นักวิชาการวิเคราะห์เมืองไทยมีบ่อนแทบทุกตำบล 200-300 แห่ง พบสถิติเงินหมุนเวียนอย่างน้อยห้าล้านดอลลาร์

เงินหมุนเวียนมากถึงห้าล้านดอลลาร์

สถานการณ์ยังน่าเป็นห่วง เมื่อยอดผู้ติดเชื้อโควิด-19 ยังเพิ่มสูงขึ้นทุกวัน ล่าสุด พบผู้ติดเชื้ออีก 2 ราย ที่ ต.ดอนชะเอม ท่ามะกา จ.กาญจนบุรี มาจากบ่อนในกรุงเทพฯ ทั้งนี้ จึงนำไปสู่การทลายบ่อนในที่สุด

อย่างเคสล่าสุด ผศ.นพ.โอภาส พุทธเจริญ หัวหน้าศูนย์โรคอุบัติใหม่ด้านคลินิก โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย สภากาชาดไทย สอบสวนพบผู้ติดเชื้อมาจากบ่อนพนันในกรุงเทพฯ ซึ่งก่อนหน้านี้ ก็มีการติดเชื้อจากบ่อนที่ จ.ระยอง และ จ.จันทบุรี จนต้องสั่งย้ายผู้ว่าฯออกจากพื้นที่ด่วน

เพื่อสะท้อนถึงการลักลอบเล่นการพนัน จนทำให้เกิดการระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ทีมข่าว MGR Live จึงติดต่อไปยัง ผศ.ดร.รัตพงษ์ สอนสุภาพ รองคณบดีฝ่ายวิชาการ และผู้เป็นเจ้าของงานวิจัยหลายฉบับ เกี่ยวกับศูนย์ศึกษาปัญหาการพนัน ให้ช่วยสะท้อนข้อเท็จจริงที่ว่าเมืองไทยไม่มีบ่อน

“บ่อนก่อนโควิดมาเขาก็เล่นอยู่แล้ว ไม่ว่าจะจังหวัดไหน อำเภอไหน หรือตำบลไหน ผมคิดว่ามันก็มีอยู่ทั่วไป ถ้ามีนโยบายของรัฐ ถ้าเข้มงวดมันก็จะมีการจับกุมอย่างที่ปรากฏกันเป็นข่าว นั่นก็เป็นปัญหาเพียงระยะสั้น เป็นปัญหาเฉพาะหน้าที่มีการแก้ไขมาโดยตลอด ตั้งแต่ประเทศไทยพูดถึงนโยบายปราบปรามเรื่องการพนันมา ก็จะเห็นภาพเหล่านี้เกิดขึ้น

ประจวบเหมาะกับในช่วงนี้เป็นช่วงไวรัสโควิด-19 มันไม่เลือกที่ มันไม่เลือกว่าใครเป็นใคร คอนเซปต์ที่เราตั้งกันทุกวัน เราตั้งการ์ดสูงเข้าไว้ มีระยะห่าง ล้างมือ ใส่หน้ากาก แต่ว่าในการพนันผมคิดว่า สิ่งเหล่านี้เป็นการลักลอบ มันก็คงไม่มีมาตรการอะไรเข้มงวดมากนัก

แล้วที่สำคัญคือ บ่อนการพนันมันเป็นลักษณะพื้นที่คับแคบ มันจำกัด คนก็ต้องใกล้ชิดกัน เราก็ไม่รู้ว่าใครเป็นใครที่ติดเชื้อมากน้อยแค่ไหน เราก็จะมีการคัดกรองเป็นระยะ

ประเด็นเรื่องบ่อนการพนันก็เป็นปัญหาใหญ่ ซึ่งเป็นปัญหาก่อนที่โควิดจะมาอยู่แล้ว แล้วก็เป็นปัญหาที่ถกเถียงกันมาโดยตลอด แต่ช่วงโควิดนักเล่นเขาก็ไม่ยอมพักผ่อน มันก็เลยเป็นปัญหาในเชิงการจัดการของภาครัฐ

เป็นที่กังวลใจครับเรื่องนี้ ผมคิดว่าเรื่องนี้มันจะเป็นอย่างที่หมอทวีศิลป์พูด มันจะเป็นลูกไฟ พอมันเป็นสะเก็ดไปจุดนั้น มันก็กระจายไปทั่ว เราจะเห็นว่าจากกรุงเทพฯ ไประยอง ไปจันทบุรี แล้วไปโผล่ที่โน่นที่นี่”

ไม่เพียงเท่านี้ นักวิชาการผู้ศึกษาเกี่ยวกับการพนัน ยังเปิดเผยถึงตัวเลขในบ่อนไทยพบว่าจากสถิติปีที่ผ่านมา มีเงินหมุนเวียนถึงห้าล้านดอลลาร์

“ประมาณ 200-300 แห่งทั่วประเทศ และมีเงินหมุนเวียนถัวเฉลี่ยตัวเลขที่ผมได้มาตอนที่ทำวิจัยในช่วงปี 55-56 ผมได้ตัวเลขมาจากนายตำรวจใหญ่ท่านหนึ่งที่ถือว่าตำแหน่งใหญ่ เป็นท่านรอง ผบ.ตร.ท่านก็อนุเคราะห์ข้อมูลมามันแทบเป็นรายจังหวัด

ถ้าเราคิดแบบตัวเลขง่ายๆ เรามีอยู่ประมาณ 77 จังหวัด ถ้าเราคิดเฉลี่ยจังหวัดละ 3 บ่อนที่เป็นบ่อนใหญ่ นั่นหมายความว่า เราจะมีจำนวนไม่น้อย ก็ประมาณ 200-300 แห่ง อย่างน้อยนะ เป็นบ่อนขนาดใหญ่ที่มีคนเล่นหลักร้อยคน ที่มีคนหมุนเวียนที่มันมากหน่อย

ในกรุงเทพฯ ที่มันใหญ่ๆ หน่อยๆ ผมคิดว่ามันก็มีจำนวน 5-10 แห่ง เป็นอย่างน้อย ดังนั้น ถ้ารวมรายเล็กรายน้อย รายย่อยอะไรด้วย มันมากกว่านั้น ซึ่งจริงๆ ผมคิดว่าก็รู้อยู่แล้ว แต่ว่ามันอยู่ที่นโยบายของรัฐบาลว่าจะแก้ปัญหาบนข้อเท็จจริง ในข้อมูลเชิงประจักษ์ หรือความเชื่อว่าเมืองไทยเป็นเมืองพุทธ ไม่มีการพนัน อะไรเหล่านี้ มันขึ้นอยู่กับมุมมองเหล่านี้มากกว่า”

นอกจากนี้ ยังบอกอีกว่า สัดส่วนคนที่เล่นก็มีอยู่จำนวนไม่น้อย แต่ทุกวันนี้มีการปรับเปลี่ยนจากการพนันแบบดั้งเดิมที่เป็นออฟไลน์ไปสู่ออนไลน์

“ยกตัวอย่างการเล่นมีการสำรวจในช่วงปี 46 แล้วมาปี 54 มาจนถึงปี 61-62 ที่มีการประเมิน คนที่เล่นบ่อนการพนันประมาณหลักที่ 4-5 ล้านคน เฉลี่ยต่อปี และก็มีเงินหมุนเวียนกันประมาณ 4 -5 ล้านดอลลาร์ นี่เป็นตัวเลขขั้นต่ำนะที่มีการประเมิน ดังนั้นตัวเลขมันยังมีอยู่อีกเยอะ

ในแง่ของตัวเลข หรือการทำผลวิจัย ตัวเลขที่ปรับลดลงเล็กน้อย ถามว่ามันเกิดจากอะไร คนจำนวนมาก คนรุ่นใหม่ก็ไปเล่นออนไลน์กัน สะดวกกว่า ปลอดภัยกว่า แล้วมันมีช่องทางที่มันเข้าหาง่ายกว่า ดังนั้น แนวโน้มทิศทางมันก็จะไปอย่างนั้น

เราดูตัวเลขการพนันออนไลน์มันเติบโตอย่างมาก ช่วงปี 2015-2020 ตัวเลขของการพนันออฟไลน์ของโลกใบนี้มีประมาณ 5.5 ล้านล้านดอลลาร์ ในขณะที่สัดส่วนของการพนันออนไลน์มันเพิ่งเติบโตมาสักหลังปี 2010 มันเติบโตอย่างมาก มีขนาดสัดส่วนเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง แล้วมันมีขนาดเติบโตกว่าการพนันแบบออฟไลน์สองสามเท่าตัว ดังนั้น การพนันแบบออฟไลน์มันเติบโตเกือบล้านล้านดอลลาร์

ดังนั้น แนวโน้มการพนันพวกนี้ต่างหากที่ผมคิดว่าภาครัฐต้องมองและบริหารจัดการ คือ เอาข้อมูลที่เป็นจริงมานั่งวิเคราะห์ ไม่ใช่เอาความรู้สึกว่ามันไม่ดี คือ มันไม่ดีอยู่แล้วครับ อย่างเราบอกว่าการสูบบุหรี่ไม่ดี แต่เราก็ยังสูบ สังคมไทยผมว่าต้องเอาข้อเท็จจริงมาบริหารจัดการมัน ในความเห็นผมคิดว่าเราต้องบริหารนโยบายสาธารณะในข้อเท็จจริง”

คอนเฟิร์ม!! มีบ่อนแทบทุกตำบล

ด้าน พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงเรื่องนี้ว่า กรุงเทพฯ ไม่มีบ่อน เพราะผิดกฎหมาย และตำรวจท้องที่ต้องดูแลให้ไม่มี

ทำให้เป็นประเด็นวิพากษ์วิจารณ์กันอยู่ไม่น้อย สำหรับประเด็นที่รัฐชอบพูดว่า ประเทศไทยไม่มีบ่อน จนหลายคนชอบเอามาล้อเลียนนั้น นักวิชาการรายเดิมก็มองว่าเคารพความเห็นของทุกคน แต่คอนเฟิร์มว่าประเทศไทยมีบ่อนแทบทุกตำบล

“ผมก็เคารพความเห็นของคนที่มีอำนาจ แต่โดยธรรมชาติที่เราศึกษาวิจัย หรือเราลงในพื้นที่ หรือเราสัมภาษณ์ มันมีงานที่นักวิชาการหลายๆ คนทำ อย่างเราเองก็ทำทั้งอยู่ในส่วนกลาง ทั้งตะเข็บชายแดน หรือนักวิจัยที่อยู่ในส่วนภูมิภาคต่างๆ แลกเปลี่ยนข้อมูลกัน มันก็พบเหมือนกัน ข้อมูลก็คอนเฟิร์มว่ามันก็มีบ่อนแทบทุกจังหวัด แทบทุกอำเภอ หรือทุกตำบลด้วยซ้ำไป เพียงแค่ว่ามันเป็นบ่อนขนาดเล็ก เป็นบ่อนที่เล่นในขนาดวงเงินอาจจะไม่มาก แต่มันก็คือบ่อน

การที่บอกว่าตรงนั้นตรงนี้ไม่มีบ่อน อันนี้ผมคิดว่าต้องไปควบคุมจัดการให้มันชัดเจนกว่านี้ในความเห็นของผม ข้อมูลเหล่านี้มัน อย่างที่เราพูดกันโดยตลอดว่าถ้าอยากรู้เรื่องธุรกิจสีเทา ก็ไปถามเจ้าหน้าที่ที่มีอำนาจ เขาจะให้ข้อมูลเราได้ว่าอยู่ตรงไหน อยู่จุดไหน ผมคิดว่านี่เป็นสิ่งที่ปรากฏให้เห็นมาโดยตลอด

ในแง่ของการศึกษาวิจัยของเรา ตรงส่วนนี้ผมคิดว่าผมคอนเฟิร์มในสิ่งที่อาจจะแตกต่างจากท่านรองนายกฯ คือ มันก็เป็นความเห็นที่แตกต่างจากท่านรองนายกฯ อยู่แล้ว เพราะว่ามันก็มีข้อมูลเชิงประจักษ์อย่างที่บอกว่าถ้ารัฐไม่จริงจัง รัฐไม่เข้มงวด ก่อนที่โควิดจะมาก็เล่นกันอยู่แล้ว

พอเข้มงวด บางครั้งประเด็นที่เราเห็นตามข่าวกัน ให้มีผลงานก็มีการจับกุมกัน เพื่อไม่ให้ฝ่ายกำกับดูแล หรือฝ่ายภาครัฐมองเห็นว่าเราละเลยในจุดนี้ ก็มีการประกันตัวออกมา ซึ่งบางครั้งคนที่ถูกจับมันก็เป็นกลุ่มเดิมๆ คนที่ไปประกันให้ก็อาจจะเป็นนายบ่อนด้วยซ้ำไป ก็วนไปวนมาอยู่อย่างนี้ เป็นสิ่งที่เราเห็นภาพอยู่ตลอด”

ย้อนไปถึง คำพูดของท่านนายกฯที่บอกว่า หากเจอบ่อนอีก จะสั่งย้าย ผบ.ตร. จนมีรายการ “ติ่งข่าว” แซะว่า คงต้องย้ายเดือนละหลายคน จนหาคนมาดำรงตำแหน่งไม่ทัน ล่าสุด ก็เพิ่งสั่งเด้ง ผู้ว่าฯ จันทบุรี ฐานมีบ่อน

เกี่ยวกับเรื่องนี้ นักวิชาการรายเดิมก็มองว่า เป็นการแก้ไขไม่ถูกจุดเช่นกัน หากทำเช่นนี้ตำรวจทั้งประเทศคงถูกย้ายหมด เพราะบ่อนมีอยู่ทั่วประเทศ

“ถ้าแก้ไขแบบนี้ นายตำรวจทั้งประเทศก็อาจจะถูกย้ายหมด คือ เราก็พูดทีเล่นทีจริง แต่มันก็เป็นเรื่องสะท้อนของความเป็นจริง คำถามมันก็คือเราจะแก้ปัญหาแบบนี้เหรอ ส่วนตัวมองว่ามันเป็นการแก้ไขปัญหามันผิดฝาผิดตัว ไม่ยั่งยืน เป็นการแก้ไขหลายรอบ ย้ายจากตรงนี้ก็ไปจุดอื่น แล้วถามว่าที่อื่นไม่มีบ่อนเหรอครับ”

ท้ายนี้ในฐานะที่เป็นนักวิชาการศึกษาเกี่ยวกับด้านการพนัน ก็ฝากถึงนักพนันทุกท่าน อยากให้มีความรับผิดชอบต่อสังคม เพื่อจะช่วยให้ประเทศผ่านพ้นวิกฤตในครั้งนี้

“ช่วงนี้เป็นช่วงที่อันตราย แล้วผมคิดว่า ท่านมีความสุนทรียทางด้านจิตใจ สอบสันทนาการในเรื่องการพนัน ผมคิดว่าช่วงเวลานี้เป็นช่วงที่อันตราย ผมคิดว่าสังคมไทยกำลังเผชิญการท้าทายเด็ดขาดเรื่องโควิด คุณหมอ พยาบาล อสม. บุคลากรทางการแพทย์ทำงานหนัก ผมคิดว่าท่านต้องรับผิดชอบต่อสังคมด้วยนะ ทั้งเจ้าของบ่อน ผู้เล่นด้วย

ดังนั้น สิ่งที่ดีในตอนนี้ ถ้าท่านจะอดใจ อดทนหน่อย พยายามเซฟตัวเอง ผมคิดว่ามันจะช่วยสังคม ช่วยประเทศชาติได้มากทีเดียว”

5 ม.ค. 2564 ผู้จัดการออนไลน์