เมื่อวันที่ 5 พ.ย. สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) จัดประชุมสร้างความร่วมมือภาคีเครือข่ายภาคประชาชนชี้แจงนโยบาย ยกระดับบัตรทอง 4 บริการสู่หลักประกันสุขภาพยุคใหม่ นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.สาธารณสุข กล่าวว่า หลักประกันสุขภาพเดินมาถึงเกือบ 20 ปี ทำให้สุขภาพคนไทยทุกคนสามารถเข้ารับการรักษาพยาบาลในสถานพยาบาลรัฐทุกแห่งตามสิทธิที่มีอยู่ รัฐบาลให้ความสำคัญเรื่องนี้ เพื่อให้ระบบสาธารณสุขมั่นคง มีประสบการณ์มากพอที่จะรับมือสถานการณ์ต่างๆ และเมื่อ 30 บาทรักษาทุกโรคแล้ว ก็ต้องยกระดับให้รักษาได้ทุกที่ ซึ่งมอบหมายให้ สปสช.เร่งดำเนินการ ขณะนี้ได้นำร่องใน กทม.ก่อน ตั้งเป้าภายในปี 2565 จะครอบคลุมทุกจังหวัด นอกจากนี้ให้ลดขั้นตอนผู้ป่วยในจะใช้บริการที่ใดก็ได้โดยไม่ต้องใช้ใบส่งตัว เริ่มนำร่องในพื้นที่เขต 9 นครราชสีมา และขยายให้ครบ 12 เขตสุขภาพในปี 2565 รวมถึงผู้ป่วยโรคมะเร็งตรวจรักษาได้ทุกโรงพยาบาลที่มีความพร้อม เริ่มวันที่ 1 ม.ค.2564 ขอให้มั่นใจไม่ได้เอาฝันมาขาย แต่พร้อมบริการประชาชนอย่างเต็มที่
ด้าน ทพ.อรรถพร ลิ้มปัญญาเลิศ รองเลขาธิการ สปสช. กล่าวถึงความคืบหน้าการจัดหน่วยบริการรองรับผู้ป่วยสิทธิ์บัตรทองใน กทม.ที่กลายเป็นสิทธิ์ว่างเกือบ 2 ล้านคนจากที่ สปสช.ยกเลิกสัญญาเกือบ 190 หน่วยบริการที่ทุจริต ซึ่ง สปสช.ได้แก้ปัญหาให้ผู้ป่วยที่ได้รับผลกระทบไปรักษาในหน่วยบริการปฐมภูมิที่ใดก็ได้ในเขตเดียวกัน และกำลังเร่งจัดหาหน่วยบริการรองรับผู้มีสิทธิ์ว่างทั้งหมด ขณะนี้ได้บรรจุผู้มีสิทธิ์ว่างไปแล้ว 1 แสนคน ในหน่วยบริการใหม่ 9 แห่ง ที่ใกล้บ้าน เน้นผู้ป่วยติดบ้าน ติดเตียง และต้องรับยาประจำก่อน และกำลังทยอยจัดให้ครบ 2 ล้านคน เวลานี้มีหน่วยบริการใหม่ที่จะเข้าร่วมและอยู่ระหว่างทำสัญญากว่า 60 แห่ง จะพยายามหาให้ได้ไม่ต่ำกว่า 190 แห่งที่ถูกยกเลิกไป กรณีมีการร้องเรียนจากผู้ป่วยที่ไม่สามารถใช้สิทธิ์ในเขตเดียวกันได้นั้น น่าจะเกิดจากปัญหาการสื่อสารที่ สปสช.อาจจะแจ้งไม่ครบถ้วน ทำให้บางแห่งปฏิเสธผู้ป่วย ทั้งนี้ สปสช.ได้เรียกหน่วยบริการใน กทม.ทุกแห่งมาทำความเข้าใจแล้ว ประชาชนสามารถไปใช้สิทธิ์ได้หากมีปัญหาให้แจ้งสายด่วน สปสช. 1330 ส่วนผู้ป่วยที่ต้องการย้ายหน่วยบริการที่ สปสช.จัดให้เนื่องจากไม่ตรงใจหรือไกลบ้าน จากเดิมที่กำหนดให้ย้ายได้วันที่ 15 พ.ย.นี้ อาจจะต้องเลื่อนไปก่อน.
ไทยรัฐฉบับพิมพ์
6 พ.ย. 2563
