ผู้เขียน หัวข้อ: “อนุทิน” ยัน จัดทุกกิจกรรมปีใหม่ได้ โว คุมโควิด-19 ท่าขี้เหล็กได้หมดแล้ว  (อ่าน 467 ครั้ง)

story

  • Staff
  • Hero Member
  • ****
  • กระทู้: 9721
    • ดูรายละเอียด
“อนุทิน” ยัน ทุกกิจกรรมช่วงปีใหม่จัดได้ แต่ต้องทำตามหลักเกณฑ์ ชี้ เหตุการณ์ Big Mountain จำเป็นต้องบังคับใช้กฎหมายหลังผู้จัดฝ่าฝืน โว คุมโควิด-19 ท่าขี้เหล็กได้หมดแล้ว

เมื่อเวลา 09.20 น. วันที่ 17 ธ.ค. 2563 นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ให้สัมภาษณ์ก่อนการประชุมศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หรือ ศบค. ถึงมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดโควิด-19 ในช่วงเทศกาลปีใหม่ ว่า มาตรการมีอยู่แล้ว ปัญหาที่ผ่านมาคือคนไม่ทำตามมาตรการ อย่าลืมว่าทุกการจัดกิจกรรมต้องมีการขออนุญาต โดยเฉพาะงานที่มีคนมาร่วมจำนวนมาก ซึ่งผู้จัดงานต้องเสนอขั้นตอนทุกอย่าง ผู้ว่าราชการจังหวัดต่างๆ ก็ต้องดูข้อเสนอและไปเทียบกับระเบียบที่ตั้งเอาไว้ หากอยู่ในระเบียบก็อนุญาตอยู่แล้ว ที่เป็นปัญหาคือการทำนอกกรอบ ไม่เป็นไปตามที่อนุมัติไว้ ดังนั้น ถ้าทุกคนทำตามที่ขอไว้ก็จะไม่มีปัญหาใดๆ ทั้งนั้น

จากนั้นผู้สื่อข่าวถามว่า จะมีการถอดบทเรียนกรณีคอนเสิร์ต Big Mountain Music Festival ที่ จ.นครราชสีมา หรือไม่ นายอนุทิน ตอบว่า ไม่มีอะไรที่เป็นบทเรียน แต่บทเรียนคือการไม่ทำผิดกฎหมาย ไม่ทำผิดขั้นตอน อย่าทำนอกเหนือที่ขออนุญาตไว้ ซึ่งเราก็ทำตามหน้าที่ ยกตัวอย่างเมื่อมีการประกาศให้งดจัดกิจกรรมแล้วยังจัดอยู่ หากเจ้าหน้าที่ไม่ดำเนินการอยากถามว่าใครผิด เจ้าหน้าที่ก็มีความผิดอีก เหตุการณ์ที่ผ่านมาทำให้เจ้าหน้าที่ไม่มีทางเลือกเลย ก็ทำให้ทำงานลำบาก ดังนั้น ทุกคนต้องทำตามกฎหมาย เหตุการณ์ที่ผ่านมาก็ไม่ถือว่าเป็นบทเรียนเลย และไม่ควรมีอะไรจดจำ

ส่วนคำถามว่าในช่วงเทศกาลปีใหม่จะต้องมีมาตรการคุมเข้มมากกว่าเดิมหรือไม่ นายอนุทิน กล่าวย้ำว่า ต้องสวมหน้ากากอนามัย ล้างมือ และเว้นระยะห่างพอสมควร ซึ่งถือว่าเพียงพอแล้ว เชื่อว่าทุกคนมีสัญชาตญาณที่จะป้องกันเรื่องเหล่านี้ได้ เพราะเข้าใจมาตรการป้องกันกันอยู่แล้ว ทั้งนี้ ยืนยันว่าทุกกิจกรรมในช่วงปีใหม่สามารถดำเนินไปได้ตามปกติ โดยผู้จัดต้องขออนุญาตและส่วนใหญ่ก็จะอนุญาตอยู่แล้ว

สำหรับสถานการณ์ตามแนวชายแดนปัจจุบันสามารถควบคุมได้แล้วใช่หรือไม่ นายอนุทิน ระบุว่า ขณะนี้ไม่ต้องห่วง เพราะไม่มีการลักลอบเข้ามา หากลักลอบเข้ามาก็จับได้หมด มาตรการกักตัว 14 วัน จะทำให้ทุกคนปลอดภัย และเชื่อว่าจะไม่มีคนลักลอบเข้ามา เพราะหากลักลอบเข้ามาก็จะเป็นคนที่แย่ ซึ่งขณะนี้ได้รายชื่อผู้ที่ลักลอบเข้ามาและทำความเข้าใจหมดแล้ว ในส่วนของ จ.ท่าขี้เหล็ก ประเทศเมียนมา ก็ไม่มีอะไรน่ากังวลอีกต่อไป ในส่วนของฝ่ายความมั่นคงก็สามารถจับผู้ลักลอบเข้าประเทศได้ตลอดเวลา.

ไทยรัฐออนไลน์
17 ธ.ค. 2563

story

  • Staff
  • Hero Member
  • ****
  • กระทู้: 9721
    • ดูรายละเอียด
อนุทิน เผยพร้อมประสาน ก.ต่างประเทศให้คนไทยกลับประเทศ วอนให้แสดงตัวเพื่อรับการตรวจที่ รพ. ชี้ยังไม่ล็อกดาวน์ “คอนเสิร์ต-ม็อบ” ทำได้ เชื่อมั่น รพ.ภาคใต้ ประสบน้ำท่วมยังมีศักยภาพดูแลตัวเองได้

โควิดกระจอก – เมื่อเวลา 08.45 น. วันที่ 5 ธันวาคม ที่สนามหลวง นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวถึงมาตรการป้องกันโควิด-19 หลังพบผู้ลักลอบเข้าประเทศติดเชื้อโควิด-19 ว่า แม้ว่าเชื้อจะแพร่กระจาย แต่จุดเริ่มต้นมาจากที่เดียวกันหมด เท่ากับว่ายังไม่มีการแพร่กระจายระยะสอง เพราะยังไม่แพร่ทุกทิศทุกทางเหมือนช่วงต้นปีที่ผ่านมา และตอนนี้เราพยายามให้คนไทยที่อยู่ฝั่งเมียนมาที่จะกลับเข้าประเทศ เมื่อเข้ามาแล้วให้ไปแสดงตนไปที่โรงพยาบาล เพื่อตรวจ หากพบเชื้อก็ทำการรักษา ไม่ต้องไปที่สถานีตำรวจ เราจะดูแลให้ทุกอย่าง พาไปตรวจเชื้อ พาไปกักตัว รักษา และจะประสานกระทรวงการต่างประเทศ เพื่ออำนวยความสะดวกการเดินทางกลับไทย ถ้าใช้วิธีนี้คิดว่าไม่น่าจะมีเชื้อจากต่างประเทศเข้ามาเพิ่ม

“ส่วนโอกาสจะแพร่เชื้อก็มาจากคนชุดแรกที่เข้ามา ที่เวลานี้เราใช้ระบบเข้าไปหาขยายผล ไปถึงผู้สัมผัสเสี่ยงสูง กลาง ต่ำ ก็ตรวจพบทุกราย ที่ผ่านมาเราประสบความสำเร็จ เพราะความร่วมมือจากคนไทยทุกคน ฉะนั้นคนที่เดินทางเข้ามาจากฝั่งท่าขี้เหล็ก ซึ่งเป็นจุดปะทุของเชื้อ และคนที่ไปสัมผัสให้รีบมาโรงพยาบาล บอกข้อเท็จจริง ไม่ต้องอาย ทุกคนสามารถติดเชื้อได้ แต่ต้องมีความรับผิดชอบ ยืนยันว่ายาเราดีและมีพร้อมที่จะรักษา กินไม่ถึงสัปดาห์ก็หายหมดทุกคน”

เมื่อถามว่า แสดงว่ามาตรการในประเทศยังไม่ต้องเข้มข้นกว่านี้ใช่หรือไม่ นายอนุทินกล่าวว่า ถ้าเราเข้าใจและปฏิบัติตามมาตรการสวมหน้ากากอนามัยก็คงไม่มีการล็อกดาวน์ในขณะนี้ เนื่องจากที่มาของเชื้อยังเป็นจุดเดิม แต่ถ้ากลับมาแล้วยังตระเวนเที่ยวไปตามที่ต่างๆ เดินทางข้ามจังหวัด ก็อาจจะใช้มาตรการที่รุนแรงขึ้น ทั้งนี้ขอย้ำให้ผู้ที่เดินทางกลับเข้าประเทศมาแสดงตน และให้ถือว่ามาตรวจสุขภาพ เพราะเวลานี้ยังต้องเฝ้าระวังไปเรื่อยๆ จนกว่าสถานการณ์จะนิ่ง

เมื่อถามว่า ข้อกำหนดที่ผ่อนคลายไปแล้ว เช่น เรื่องลดจำนวนการรวมตัวของคนในกิจกรรมต่างๆ จะต้องกลับมาเข้มข้นหรือไม่ นายอนุทินกล่าวว่า โดยหลักแล้วไม่ต้องกังวลแค่ใส่หน้ากากอนามัย เว้นระยะห่าง และวันนี้คิดว่ายังไม่มีใครไปงานขนาดใหญ่เช่น คอนเสิร์ตต่างๆ ถ้าจะไปก็ต้องระวัง ส่วนคนจะไปเที่ยวช่วงนี้สามารถเดินทางไปได้แต่ขอให้เข้าใจว่าการแพร่กระจายเชื้อในระยะเมตรครึ่ง และถ้าเราไม่ไปในสถานที่เช่น ผับ บาร์ โดยไม่ใส่หน้ากากอนามัย ไม่ใช้ภาชนะร่วมกันก็ไม่ติด ส่วนกิจกรรมคอนเสิร์ต หรือการไปชุมนุมก็ทำได้ ขอให้เข้าใจเรื่องการป้องกันโรค

เมื่อถามย้ำว่า ขณะนี้ยังไม่จำเป็นต้องใช้ข้อบังคับกำหนดห้ามการชุมนุมทางการเมืองใช่หรือไม่ นายอนุทินกล่าวว่า อย่าเอามาปนกัน เพราะคนละเรื่องกรณีที่ตนกล่าวเป็นเรื่องการควบคุมโรคไม่ใช่การเมือง เวลานี้ความเดือดร้อนส่วนใหญ่อยู่ที่ภาคเหนือ ดังนั้น สัปดาห์หน้าตนและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงท่องเที่ยวและกีฬา จะลงไปเพื่อสร้างความมั่นใจให้กับพื้นที่และให้กำลังใจคนทำงานหน้าด่าน เพราะเวลานี้ความพร้อมของเรามีเต็มที่ อย่างไรก็สามารถควบคุมได้ อีก 6 เดือนก็มีวัคซีนออกมา จึงขอให้มั่นใจไม่จำเป็นต้องปิดจังหวัด เพราะโควิดกระจอก ถ้าเราเข้าใจและมีอาวุธพร้อม สามารถรับมือได้

นอกจากนี้ นายอนุทินยังให้สัมภาษณ์ถึงสถานการณ์น้ำท่วมในภาคใต้ มีโรงพยาบาลใดบ้างที่ขอความช่วยเหลือเข้ามายังส่วนกลางว่า สถานการณ์ขณะนี้ส่วนใหญ่น้ำลด และความเสียหายอยู่ในระดับที่โรงพยาบาลสามารถดูแลกันเองได้ ไม่ต้องห่วง เช่น จังหวัดนครศรีธรรมราช ซึ่งเป็นจังหวัดใหญ่ ระบบสาธารณสุขเดินด้วยตัวเองอยู่แล้ว ขณะที่ส่วนกลางพร้อมสนับสนุนค่าซ่อมแซมความเสียหายหากมีการประสานมาอยู่แล้ว

มติชนออนไลน์
5 ธันวาคม 2563

story

  • Staff
  • Hero Member
  • ****
  • กระทู้: 9721
    • ดูรายละเอียด
หมอธีระ’ ย้ำโควิดไม่กระจอก แนะตั้งสติก่อนออกนโยบาย หวั่นผิดพลาดสูงแทนที่จะเกิดผลดี
เมื่อวันที่ 19 ธันวาคม รศ.นพ.ธีระ วรธนารัตน์ ประจำคณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้โพสต์เฟซบุ๊ก Thira Woratanarat ถึงสถานการณ์โควิด-19 ทั่วโลก โดยระบุว่า

“สถานการณ์ทั่วโลก 19 ธันวาคม 2563…
อินเดียมียอดทะลุ 10 ล้านแล้ว ถือเป็นประเทศที่สองของโลก
เมื่อวานทั่วโลกติดเพิ่มถึง 692,917 คน รวมแล้วตอนนี้ 75,857,686 คน ตายเพิ่มอีก 12,197 คน ยอดตายรวม 1,677,984 คน
อเมริกา เมื่อวานติดเชื้อเพิ่ม 236,629 คน รวม 17,805,150 คน ตายเพิ่มอีก 2,911 คน ยอดตายรวม 320,002 คน
อินเดีย ติดเพิ่ม 27,065 คน รวม 10,004,825 คน
บราซิล ติดเพิ่มถึง 52,545 คน รวม 7,162,978 คน
รัสเซีย ติดเพิ่มอีก 28,552 คน รวม 2,791,220 คน
ฝรั่งเศส ติดเพิ่ม 15,674 คน รวม 2,442,990 คน
อันดับ 6-10 เป็น ตุรกี สหราชอาณาจักร อิตาลี สเปน และอาร์เจนตินา ส่วนใหญ่ติดกันหลายพันถึงหลักหมื่นต่อวัน
เยอรมัน เนเธอร์แลนด์ สวีเดน โปแลนด์ ยูเครน แคนาดา รวมถึงอิหร่าน บังกลาเทศ ฟิลิปปินส์ อินโดนีเซีย ญี่ปุ่น มาเลเซีย เมียนมา และเกาหลีใต้ ติดกันเพิ่มหลักพันถึงหลายหมื่น
คาดว่าพรุ่งนี้เยอรมันน่าจะแซงโคลอมเบียขึ้นเป็นที่ 11 ของโลกได้
แถบสแกนดิเนเวีย รอบทะเลบอลติก และแถบยูเรเชียยังไม่ดีขึ้น ติดเชื้อเพิ่มอย่างต่อเนื่อง
สวีเดน เคยเน้นมาตรการที่ไม่บังคับเข้มงวด แต่สุดท้ายแล้วก็ทำให้ประสบปัญหาการระบาดหนัก ล่าสุดทางกษัตริย์ของสวีเดนทรงออกมาชี้แนะว่ามาตรการที่ผ่อนคลายแบบที่เคยทำมานั้นไม่สามารถควบคุมโรคได้ และมีคนเสียชีวิตจำนวนมาก
เดนมาร์กติดเพิ่มหนักมากขึ้นไปอีก ทำลายสถิติเดิม 4,508 คน นอกจากนี้ใช้เวลาแค่ 5 วันในการมียอดติดเชื้อสะสมแซง 7 ประเทศ ทั้งโอมาน อียิปต์ เอธิโอเปีย ปาเลสไตน์ ตูนีเซีย ฮอนดูรัส และเมียนมา
ส่วนจีน ฮ่องกง นิวซีแลนด์ และออสเตรเลีย ติดเพิ่มหลักสิบ ในขณะที่สิงคโปร์ และเวียดนาม ยังมีติดเพิ่มต่ำกว่าสิบ
…สถานการณ์ในเมียนมา เมื่อวานติดเพิ่มขึ้นอีก 1,116 คน ตายเพิ่มอีก 21 คน ตอนนี้ยอดรวม 114,198 คน ตายไป 2,398 คน อัตราตายตอนนี้ 2.1%

วันนี้เป็นวันครบรอบ 9 เดือน นับจากวันที่ 19 มีนาคม 2563 ที่โรงเรียนแพทย์ได้เรียนเสนอให้นายกรัฐมนตรีและรัฐบาล ตัดสินใจดำเนินมาตรการเข้มข้นเพื่อจัดการการระบาดในระลอกแรก

นั่นเป็นเหตุผลที่ทำให้เราจึงมีตัวเลขติดเชื้ออยู่ระดับหลักพันดังเช่นวันนี้
เราช่วยกันทั้งประเทศอย่างเต็มที่เพื่อจัดการระลอกแรกได้ แต่ปัจจุบันคงต้องยอมรับกันเสียทีว่าสถานการณ์มีความเสี่ยงมากที่จะเกิดการระบาดซ้ำ
เนื่องจากมีเคสติดเชื้อในประเทศหลากหลายรูปแบบ หลายเคสหาต้นตอไม่ได้ นอกจากนี้ยังมีปัญหาการลักลอบเข้าเมืองอีกจำนวนไม่น้อย
ล่าสุดของเคสติดเชื้อที่ตลาดแพปลานั้น หากวิเคราะห์ตามหลักระบาดวิทยาแล้ว เหมือนเป็นปรากฏการณ์ swiss cheese phenomenon คือรูของเนยแข็งมาเรียงตรงกันพอดี
ทั้งในแง่ของตัวผู้ติดเชื้อที่ดูจะมีประวัติไม่ค่อยได้ใส่หน้ากากป้องกัน ทำอาชีพที่ต้องพบปะคนเยอะทั้งคนงานและคนที่มาซื้อของ นอกจากนี้ในแง่ของเชื้อที่มีนั้นก็มีปริมาณมาก โอกาสแพร่กระจายไปสู่ผู้อื่นย่อมสูง และในแง่ของสิ่งแวดล้อม ที่มีโอกาสแออัด และมีการจับต้องสิ่งของสาธารณะต่างๆ ร่วมกันได้มาก

จำนวนผู้ติดเชื้อที่รายงานกันมาดูเพิ่มขึ้นจากเดิม และยังไม่รู้ว่าจะจบลงที่ตัวเลขเท่าใด ลักษณะแบบนี้ผมจัดเป็น superspreading event หรือการแพร่ในวงกว้าง ที่ต้องรีบจัดการอย่างเร่งด่วนและเข้มงวด
สถานการณ์เช่นนี้ ควรพิจารณาคัดกรองคนเข้าออกพื้นที่จังหวัด รณรงค์ให้เลี่ยงการเดินทางเข้าออกโดยไม่จำเป็น ใส่หน้ากาก 100% และให้ประชาชนทุกคนในพื้นที่สังเกตอาการตนเองและสมาชิกในครอบครัว รวมถึงการเร่งทำการตรวจคัดกรองโควิดวงกว้าง เน้นการตรวจให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้
การจะจัดการปัญหานี้ ใช้เวลามากกว่าหนึ่งสัปดาห์แน่นอน

การสั่งหรือประกาศนโยบายอะไรออกไปในช่วงวิกฤตินั้น ต้องใช้สติ และปัญญาในการไตร่ตรองอย่างรอบคอบ มิฉะนั้นแทนที่จะเกิดผลดี กลับทำให้เกิดภาวะเครียด และโอกาสผิดพลาดสูงขึ้นได้

หวัดธรรมดา…เห็นคำนี้ก่อนระลอกแรกมาแล้ว โชคดีที่ทุกคนในประเทศช่วยกันเต็มที่จึงรอดมาได้ ดังนั้นมันจึงไม่ใช่หวัดธรรมดา

ไวรัสกระจอก…เห็นคำนี้แล้ว เราต้องสู้ทุกวิถีทางเพื่อไม่ให้เกิดการระบาดระลอกสอง เพราะจะแรง เร็ว คุมยาก ยืนยันว่ามันไม่ใช่ไวรัสกระจอก เห็นชัดๆ ว่าติดไปแล้วเกือบ 76 ล้าน ตายไปแล้วกว่า 1.6 ล้านคนทั่วโลก

#โควิดไม่ใช่โรคประจำถิ่น
#การติดเชื้อไม่ใช่เรื่องปกติ
#ยึดติด0ไม่ได้แต่เลี่ยงการนำความเสี่ยงสู่ประเทศได้
#ไม่ใช่เน้นโกยเงินแลกเชื้อ
ขอเป็นกำลังใจให้เจ้าหน้าที่ภาคสนามทุกท่านครับ
ด้วยรักต่อทุกคน

รศ.นพ.ธีระ วรธนารัตน์
คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย”

19 ธันวาคม 2563
มติชนออนไลน์

story

  • Staff
  • Hero Member
  • ****
  • กระทู้: 9721
    • ดูรายละเอียด
หมอ รพ.พะเยา แชร์โพสต์ย้อนวลี “โควิด โรคกระจอก” อนุทิน โผล่คอมเมนต์ บอกหมาไม่เข้าใจคน ลั่นเดี๋ยวไปหา ให้มารอรับ

วันที่ 20 ธันวาคม ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากกรณีพบผุ้ติดเชื้อโคโรนาไวรัส (โควิด-19) รอบใหม่ จำนวน 548 คน ที่ จ.สมุทรสาคร กระทั่งผู้ว่าฯ สมุทรสาคร ประกาศล็อกดาวน์ทั้งจังหวัดเป็นพื้นที่ควบคุมพิเศษในค่ำคืนที่ผ่านมา (19 ธ.ค.)

คืนวันเดียวกัน นายอนุทิน ชาญวีรกูล รมว.สาธารณสุข ได้โพสต์เฟซบุ๊ก เป็นภาพที่ถ่ายร่วมกับทีมผู้บริหารกระทรวงสาธารณสุข พร้อมข้อความว่า “สาสุขพร้อมครับ จะทำทุกอย่างให้ทุกคนปลอดภัย Comrades. Let’s roll. Time for another fight”

มีผู้แชร์โพสต์ดังกล่าวออกไปเป็นจำนวนมาก หนึ่งในนั้น คือ นพ.ชญานนท์ บุญธีระเลิศ  ที่แชร์โพสต์ของนายอนุทิน พร้อมเขียนข้อความว่า “Covid โรคกระจอก โถ จะทำทุกอย่างให้ทุกคนปลอดภัย” ซึ่งคำว่าโควิดกระจอกเป็นายวลีของนายอนุทิน ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชน (5 ธ.ค.) กรณีการแพร่ระบาดของโควิดในพื้นภาคเหนือ ว่า ยืนยันว่าสามารถควบคุมได้ พร้อมทั้งกล่าวให้มั่นใจกับประชาชนว่า ไม่จำเป็นต้องปิดจังหวัด “เพราะโควิดกระจอก” ถ้าเราเข้าใจและมีอาวุธพร้อม สามารถรับมือได้

ปรากฏว่า นายอนุทิน ได้เข้าไปคอมเมนต์ใต้โพสต์ในเฟซบุ๊กของ นพ.ชญานนท์ ว่า “เห็นหน้าคนโพสต์เลยเข้าใจแล้วว่าหมาไม่เข้าใจคนอ่ะ” และยังคอมเมนต์ต่ออีกว่า “อยู่ รพ.พะเยาเหรอ เดี๋ยวไปหา มารอรับน้า” ทำให้มีคนเข้ามาต่อว่าและวิพากษ์วิจารณ์นายอนุทินเป็นจำนวนมากว่า ไม่มีวุฒิภาวะ และที่บอกว่าจะไปหานั้นเป็นการข่มขู่หรือไม่

ทั้งนี้ มีรายงานด้วยว่า ผู้ใช้ทวิตเตอร์ต่างพากันติดแฮชแท็ก #ถอดถอนอนุทิน ด้วยการแชร์ภาพกราฟิกที่ระบุว่า “1 สิทธิ 1 เสียง ร่วมถอดถอนอนุทินจากรัฐมนตรี” พร้อมให้เหตุผลว่านายอนุทิน ชาญวีรกูล รมว.สาธารณสุข ไม่มีความสามารถในการแก้ไขปัญหาโควิด จนติดอันดับความนิยมอันดับ 2

20 ธันวาคม 2563 ประชาชาติธุรกิจออนไลน์