ผู้เขียน หัวข้อ: ด่วน! 14.00 น. นายกฯ แถลง ประกาศ พรก.ฉุกเฉิน (24มีค2563)  (อ่าน 638 ครั้ง)

story

  • Staff
  • Hero Member
  • ****
  • กระทู้: 9721
    • ดูรายละเอียด
ผู้สื่อข่าวรายงานจากทำเนียบรัฐบาลว่าวันนี้(24 มี.ค.) เวลา 14.00 น. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม จะแถลงการประกาศใช้พระราชกำหนด (พ.ร.ก.) การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548 เพื่อแก้ไขการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ หรือโควิด-19

ทั้งนี้ในช่วงเช้าก่อนเข้าประชุมครม.พล.อ.ประยุทธ์ ตอบคำถามผู้สื่อข่าวถามที่ถามว่าวันนี้จะพิจารณาประกาศใช้พพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน หรือให้อำนาจทหารเป็นผู้ช่วยเจ้าพนักงาน นายกฯ กล่าวว่า รอก่อนใจเย็นๆ รอประชุมก่อนนะ
 เมื่อถามว่า วันนี้จะเป็นวันแรกในการรวมศูนย์แถลงข่าวจากกระทรวงสาธารณสุขและกระทรวงต่างๆ นายกฯ กล่าวยอมรับว่า ใช่
ขณะที่กรมประชาสัมพันธ์ แจ้งว่าตั้งแต่วันนี้(24 มี.ค 63 ) เวลา 14.00 น. NBT 2HD จะปรับเป็นสถานีแม่ข่าย COVID Channel จะเป็นแม่ข่ายในการแถลงข่าวจากศูนย์บริหารสถานการณ์โควิค ทำเนียบรัฐบาล ซึ่งจะมีการแถลงเพียงแห่งเดียว  และเพื่อลดการแออัด การรวมตัวของผู้ของผู้สื่อข่าวและช่างภาพ ตามมาตรการรัฐบาล ท่านไม่ต้องส่งผู้สื่อข่าว ช่างภาพไปทำข่าวเกี่ยวกับโควิค ที่ ทำเนียบ รัฐบาล แต่สามารถ ดึงภาพจาก NBT  ไปใช้ได้เลย  ส่วนภาพนิ่ง ทาง กปส.และสำนักโฆษกจะแชร์ภาพและ infographic ในการแถลง ส่งให้ โดยจะส่ง link  ให้ทางนี้ หรือ ติดตามข้อมูลได้ที่ www.thaigov.go.th  หรือ FB ศูนย์ข้อมูล COVID19

สำหรับสาระสำคัญของพระราชกำหนด (พ.ร.ก.) การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548 มีทั้งหมด 19 มาตรา
มาตรา 4 ในพระราชกำหนดนี้ “สถานการณ์ฉุกเฉิน” หมายความว่า สถานการณ์อันกระทบ หรือ อาจกระทบต่อความสงบเรียบร้อยของประชาชน หรือ เป็นภัยต่อความมั่นคงของรัฐ หรือ อาจทำให้ประเทศ หรือ ส่วนใดส่วนหนึ่งของประเทศตกอยู่ในภาวะคับขัน หรือ การกระทำความผิดเกี่ยวกับการก่อการร้ายตามประมวลกฎหมายอาญา การรบ หรือ การสงคราม ซึ่งจำเป็นต้องมีมาตรการเร่งด่วนเพื่อรักษาไว้ซึ่งการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาญาจักรไทย เอกราชและบูรณภาพแห่งอาณาเขต ผลประโยชน์ของชาติ การปฏิบัติตามกฎหมาย ความปลอดภัยของประชาชน การดำรงชีวิตโดยปกติสุขของประชาชน การคุ้นครองสิทธิเสรีภาพ ความสงบเรียบร้อยหรือประโยชน์ส่วนรวม หรือ การป้องปัดหรือแก้ไขเยียวยาความเสียหายจากภัยพิบัติสาธารณะอันมีมาอย่างฉุกเฉินและร้ายแรง
มาตรา 5 วรรคสอง การประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินตามวรรคหนึ่ง ให้ใช้บังคับตลอดระยะเวลาที่นายกรัฐมนตรีกำหนด “แต่ต้องไม่เกินสามเดือนนับแต่วันประกาศ”
ในกรณีที่มีความจำเป็นต้องขยายระยะเวลาให้นายกรัฐมนตรี โดยความเห็นชอบของคณะรัฐมนตรีมีอำนาจประกาศขยายระยะเวลาการใช้บังคับออกไปอีกเป็นคราว ๆ คราวละไม่เกินสามเดือน
มาตรา 5 วรรคสาม เมื่อสถานการณ์ฉุกเฉินสิ้นสุดลงแล้ว หรือ เมื่อคณะรัฐมนตรีไม่ให้ความเห็นชอบ หรือ สิ้นสุดกำหนดเวลาตามวรรคสอง ให้นายกรัฐมนตรีประกาศยกเลิกประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินนั้น
มาตรา 6 ให้มีคณะกรรมการบริหารสถานการณ์ฉุกเฉินคณะหนึ่ง ประกอบด้วย รองนายกรัฐมนตรี ซึ่งนายกรัฐมนตรีมอบหมาย เป็นประธานกรรมการ
มาตรา 9 ในกรณีที่มีความจำเป็นเพื่อแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินให้ยุติลงได้โดยเร็ว หรือ ป้องกันมิให้เกิดเหตุการณ์ร้ายแรงมากขึ้น ให้นายกรัฐมนตรีมีอำนาจออกข้อกำหนด
(1) ห้ามมิให้บุคคลใดออกนอกเคหสถานภายในระยะเวลาที่กำหนด เว้นแต่จะได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่ หรือ เป็นบุคคลซึ่งได้รับการยกเว้น
(2) ห้ามมิให้มีการชุมนุมหรือมั่วสุมกัน ณ ที่ใด ๆ หรือกระทำการใดอันเป็นการยุยงให้เกิดความไม่สงบเรียบร้อย
(3) ห้ามการเสนอข่าว การจำหน่าย หรือทำให้แพร่หลายซึ่งหนังสือ สิ่งพิมพ์ หรือสื่ออื่นใดที่มีข้อความอันอาจทำให้ประชาชนเกิดความหวาดกลัวหรือเจตนาบิดเบือนข้อมูลข่าวสารทำให้เกิดความเข้าใจผิดในสถานการณ์ฉุกเฉิน
(4) ห้ามการใช้เส้นทางคมนาคมหรือการใช้ยานพาหนะ หรือกำหนดเงื่อนไขการใช้เส้นทางคมนาคมหรือการใช้ยานพาหนะ
(5) ห้ามการใช้อาคาร หรือเข้าไปหรืออยู่ในสถานที่ใด ๆ
(6) ให้อพยพประชาชนออกจากพื้นที่ที่กำหนดเพื่อความปลอดภัยของประชาชนดังกล่าว หรือห้ามผู้ใดเข้าไปในพื้นที่ที่กำหนด
มาตรา 18 ผู้ใดฝ่าฝืนข้อกำหนด ประกาศ หรือคำสั่งที่ออกมาตรา 9 ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสองปี หรือปรับไม่เกินสี่หมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

24 Mar 2020
https://www.thansettakij.com/content/politics/426179

story

  • Staff
  • Hero Member
  • ****
  • กระทู้: 9721
    • ดูรายละเอียด
ด่วน!นายกฯประกาศพรก.ฉุกเฉินมีผล 26 มี.ค.นี้
« ตอบกลับ #1 เมื่อ: 27 มีนาคม 2020, 12:59:42 »
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม แถลงภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.) ว่าได้มีการประกาศใช้พระราชกำหนด (พ.ร.ก.) การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548 เพื่อแก้ไขการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ หรือโควิด-19 โดยจะมีผลบังคับใช้ในวันที่ 26 มีนาคมนี้ ขั้นแรกเป็นขอความร่วมมือ ส่วนจะปิดหรือบังคับเป็นระยะต่อไป พร้อมเตือนว่าหากมีการใช้สื่อโซเซียลที่ปิดเบือนจะมีความผิด รวมถึงการขึ้นราคาสินค้าก็จะถูกดำเนินคดีด้วย
นายกฯระบุว่าจะมีการยกระดับศูนย์โควิดเป็นศูนย์ฉุกเฉินในการแก้ไขปัญหา เป็น “ศอฉ.โควิด”  มีหน้าที่รวมกฎหมายทุกอย่างทีมีมาอยู่ที่นายกรัฐมนตรี เพื่อบูรณาการอย่างแท้จริง  โดยจะมีการประชุมทุกเช้า เพื่อนำข้อเสนอจากทุกส่วน มารายงานและกำหนดข้อกำหนดเมื่อประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน จะมีการจัดตั้งผู้รับผิดชอบภายในศูนย์ว่าจะจัดตั้งและมีข้อกำหนด ที่ออกข้อกำหนดได้ตลอดเวลา ออกได้ทุกวัน
“จะประกาศในวันมะรืน เพื่อทำให้ลดการแพร่ระบาด ในการขอความร่วมมือและบังคับ ส่วนการจะปิด เปิดอะไร จะเป็นมาตรการระยะต่อไป ผมไม่อยากให้ใครเดือดร้อน ในสถานการณ์สุขภาพโดยรวม รัฐบาลจะดูแลให้มากที่สุดก็ขอความร่วมมือก็แล้วกัน อย่าเพิ่งเดินทางกลับภูมิลำเนา หากกลับจะต้องเจอมาตรการต่างๆในการตรวจสอบระหว่างทางอีกมากมาย”
นายกฯ ย้ำว่า อยากให้เน้นการกักตัวที่บ้าน ในพื้นที่ และจะมีสถานที่กักตัวของรัฐเพิ่มเติมขึ้น หากพบการติดเชื้อมากขึ้นต้องหามาตรการรองรับ โรงพยาบาลสนาม เวชภัณฑ์ต้องจัดหาให้เพียงพอ ต้องจัดซื้อเพิ่มเติมเพราะทุกประเทศยังมีความต้องการ ขอทุกคนอย่างตื่นตระหนกก็คือปัญหา
ส่วนการให้ข่าวแต่ละวัน นายกระบว่า จะมีการให้ข้อมูลทั้งวันในสื่อโซเชียล ทวิตเตอร์ ที่มีศูนย์ของกระทรวสาธารณสุขและ ของแต่ละกระทรวงจะมีช่องทางให้สอบถาม โทรสอบถาม ส่วนการสรุปเป็นเรื่องของโฆษกศอฉ. ที่จะรายงานให้รับทราบ  ทั้งนี้การดำเนินการกับสื่อโซเชียลตามเดิมใช้กฎหมายปกติ แต่ต่อไปจะใช้กฎหมายนี้ และกฎหมายจะใช้ทหารในการตั้งด่านตรวจสกัดต่างๆ และปรับมาตรการให้เข้มขึ้น หากไม่สามารถแก้ไขปัญหาได้
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าในการประกาศพรก.ฉุกเฉินระยะแรก ยังไม่มีการเคอร์ฟิวห้ามออกจากบ้าน

24 Mar 2020
https://www.thansettakij.com/content/normal_news/426190

story

  • Staff
  • Hero Member
  • ****
  • กระทู้: 9721
    • ดูรายละเอียด
ที่ทำเนียบรัฐบาล เวลา 14.00 น. พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี แถลงภายหลังการประชุมว่า รัฐบาลพิจารณาใช้พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ตามกฎหมาย ปี 2548 จะประกาศในวันมะรืนที่จะถึง มีการหารือในมาตรการอื่นที่จำเป็นแล้ว ฉะนั้นจะจัดระเบียบในเรื่องของการทำงาน ยกระดับศูนย์โควิดเป็นศูนย์สถานการณ์ฉุกเฉินในการแก้ไขปัญหาโควิด หรือเรียกว่า “ศอฉ.โควิด” ซึ่งข้างล่างจะมีคณะทำงานสอดประสานกัน มีปลัดกระทรวงของแต่ภารกิจนั้นเป็นผู้รับผิดชอบและเป็นหัวหน้าส่วนงานรับผิดชอบ จะติดตามมาตรการที่ประกาศไปแล้วเดิมและมีการปรับปรุงแก้ไขอะไรก็ว่ากันไป และเสนอมาตรการขึ้นมาเพิ่มเติม โดยขอให้ผม ศอฉ. เป็นคนอนุมัติ
 
“เพราะอำนาจ 38 กฎหมายมาอยู่ที่นายกรัฐมนตรีแล้วของทุกกระทรวง เป็นการบูรณาการอย่างแท้จริงในการทำงานตรงนี้ ส่วนการทำงานตั้งแต่วันมะรืนทุกเช้าจะมีการประชุมทุกเช้าเวลา 09.30 น. โดยหัวหน้าส่วนราชการทั้งหมดมารายงาน มาเสนอ ให้ทราบและหากมีอะไรจะประกาศเพิ่มเติมก็จะประกาศให้ทราบ ต่อไป”
 
ส่วนข้อกำหนดนั้นผมกราบเรียนว่า เมื่อมีประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินแล้ว สิ่งที่สำคัญที่สุดคือการจัดตั้งคณะทำงาน ผู้รับผิดชอบต่อไปเรื่องภายในศูนย์ว่าจะทำงานกันอย่างไร และประเด็นสำคัญคือ “ข้อกำหนด” อย่างที่ทุกคนอยากจะทราบว่ามีอะไรบ้าง ผมก็อยากจะกราบเรียนว่าข้อกำหนดนั้นเราออกได้ตลอดเวลา ออกได้ทุกวัน ฉะนั้นระยะที่ 1 ที่จะประกาศในวันมะรืน(26มี.ค.) นี้ ก็คือเป็นเป็นเรื่องของการทำอย่างไรจะลดการแพร่ระบาดต่างๆ ก็อาจจะเป็นขั้นในการขอความร่วมมือ มีบังคับบ้างอะไรบ้าง ส่วนที่ว่าจะปิดจะเปิดที่อาจจะเข้มข้นขึ้น ก็เป็นระยะต่อไปในการให้ความร่วมมือของประชาชน ผมก็ไม่อยากให้ใครเดือดร้อน แต่นี่เป็นความจำเป็นต่อสถานการณ์สุขภาพของประชาชนโดยรวมนะครับ

รัฐบาลได้มีความมุ่งมั่นเต็มที่ในการดูแลสุขภาพของประชาชนให้ได้มากที่สุด ก็ขอความร่วมมือก็แล้วกันในประเด็นต่างๆที่เราออกข้อกำหนดไปแล้ว ขอให้ร่วมมือด้วย ขอความร่วมมืออย่าเพิ่งเดินทางกลับภูมิลำเนา  หากมีความจำเป็นต้องกลับก็เป็นเรื่องที่ท่านจะเจอมาตรการต่างๆของการคัดกรองตรวจสอบต่างๆอีกมากมายที่จะต้องเป็นแบริเออร์ต่างๆ ในการทำมาตรการรองรับคนต่างประเทศ อันนี้ก็ให้เวลาในการปรับตัวไปด้วย
 
ขณะเดียวกันเราก็ให้ความสำคัญในการกักตัวที่บ้าน กักตัว และถ้ามีความจำเป็นเราก็มีสถานที่กักตัวของรัฐเพิ่มเติมหากมีการพบการแพร่ระบาดและพบผู้ติดเชื้อมากขึ้นเป็นจำนวนมาก เราก็จำเป็นต้องหามาตรการอื่นๆมารองรับ ไม่ว่าจะเป็นโรงพยาบาลสนาม พื้นที่กักตัวขนาดใหญ่สำหรับเป็นร้อย เป็นพัน ในโรงพยาบาลต่างๆ เวชภัณฑ์ต่างๆก็ต้องจัดหาให้เพียงพอ วันนี้มีมีการช่วยเหลือจากต่างประเทศเข้ามาแต่ยังไม่เพียงพอกับสิ่งที่เราต้องการขณะนี้ ต้องมีการจัดซื้อเพิ่มเติม แต่จะหาได้จากที่ไหนเพราะในเมื่อทุกประเทศยังมีความต้องการมาก
 
สิ่งเหล่านี้ก็จะมีการหารือกันในแต่ละวันในศอฉ.นะครับ ขอให้ทุกคนอย่าตื่นตระหนก เพราะถ้าทุกคนตื่นตระหนก ถ้าตื่นตระหนกก็คือปัญหา ฉะนั้นเราต้องฟังรัฐบาล ในการให้ข่าวของรัฐบาลที่มี 2 ช่องทางด้วยกัน อันที่ 1 ในแต่ละวัน จะมีการให้ข้อมูลทั้งวันในสื่อโซเชียลต่างๆ ทวิตเตอร์อะไรก็แล้วแต่ตั้งแต่เช้าถึงเย็น จะมีศูนย์ปฏิบัติการต่างๆไม่ว่าจะเป็นของกระทรวสาธารณสุข กระทรวงคมนาคม กระทรวงการต่างประเทศ จะมีการแถลงทั้งวัน ฉะนั้นจะมีช่องทางให้สอบถาม โทรสอบถาม ส่วนการสรุปเป็นเรื่องของโฆษก ส่วนประชาสัมพันธ์ของ ศอฉ. ที่จะดูประเด็นสำคัญให้รับทราบ ก็ขอให้ฟังช่องทางของรัฐบาลเป็นหลักนะครับ

อีกส่วนสำคัญในเมื่อรัฐบาลประกาศภาวะฉุกเฉินไปแล้ว ขอให้ทุกคนระมัดระวังในการใช้สื่อโซเชียล การให้ข่าวสารข้อมูลบิดเบือน เพราะเดิมเราใช้กฎหมายปกติ แต่อันนี้จะแต่งตั้งเจ้าพนักงานทั้งหมดซึ่งเป็นทั้งพลเรือนและทหาร ในการจัดตั้งจุดตรวจสกัด การเตรียมความพร้อมในการให้ความช่วยเหลือต่างๆในการทำงาน
 
“ฉะนั้นท่านต้องเจอกับการต่างด่านตรวจ และค่อยๆปรับให้เข้มงวดขึ้นถ้ายังไม่สามารถแก้ปัญหาอะไรได้ ก็จำเป็นต้องปิดล็อกทั้งหมด อันนี้ขอให้เป็นไปตามขั้นตอนก็แล้วกัน ตอนนี้อยากจะเรียนเท่านี้ก่อน”

24 Mar 2020
https://www.thansettakij.com/content/politics/426198