ผู้เขียน หัวข้อ: ประโยชน์ของ "หม่อนมัลเบอร์รี" ดีต่อสุขภาพ  (อ่าน 673 ครั้ง)

patchanok3166

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 288
    • ดูรายละเอียด
“หม่อน” แบ่งออกเป็น 2 ชนิดใหญ่ๆ เลยก็คือ หม่อนที่ปลูกเพื่อรับประทานผล หรือที่เรารู้จักกันดีในชื่อ “มัลเบอร์รี” หม่อนชนิดนี้ผลจะโตเป็นช่อ เมื่อสุกผลจะเป็นสีดำ มีรสเปรี้ยวอมหวาน นิยมนำมารับประทานสด หรือนำไปแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์ต่างๆ เช่น แยมหม่อน ไอศกรีมหม่อน หม่อนแช่อิ่ม หม่อนอบแห้ง น้ำหม่อน ฯลฯ ส่วนอีกชนิดนั้นก็คือ หม่อนที่ใช้ปลูกเพื่อการเลี้ยงไหมเป็นหลัก หม่อนชนิดนี้จะมีใบใหญ่ และออกใบมากใช้เป็นอาหารของไหมได้ดี ส่วนผลจะออกเป็นช่อเล็ก เมื่อสุกแล้วจะมีรสเปรี้ยว ใช้รับประทานได้ แต่ไม่เป็นที่นิยมสักเท่าไหร่
โดยหม่อนชนิดรับประทานผลนั้น อุดมไปด้วยวิตามินและแร่ธาตุหลากหลายชนิดที่ล้วนแล้วแต่ดีต่อร่างกาย
สรรพคุณของ “ผลหม่อน” หรือ “มัลเบอร์รี่” ต่อสุขภาพ
1. ช่วยบำรุงหัวใจ ลดความเสี่ยงในการเกิดโรคหัวใจ เพราะมีสารประกอบจำพวกฟลาโวนอยด์ (Flavonoid)
2. ช่วยรักษาโรคเบาหวาน ช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือด ด้วยการใช้เปลือกรากประมาณ 90-120 กรัม นำมาทุบให้แหลก แล้วนำมาต้มกับน้ำดื่มเช้าและเย็น หรือจะใช้ใบนำมาทำเป็นชาเขียวใช้ชงกับน้ำดื่มก็ช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือดได้เช่นกัน
3. ป้องกันโรคความดันโลหิตสูง เนื่องจากในมัลเบอร์รีมีสารที่ชื่อว่า เรสเวอราทรอล (Resveratrol) มีคุณสมบัติควบคุมระดับความดันโลหิตไม่ให้สูงเกินไป อีกทั้งยังช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดโรคเกี่ยวกับหลอดเลือดได้อีกด้วย
4. ผลเป็นยาเย็นที่ออกฤทธิ์ต่อตับและไต มีสรรพคุณช่วยบำรุงตับและไต รวมไปถึงรักษาตับและไตพร่อง
5. เพิ่มภูมิคุ้มกัน และป้องกันมะเร็ง เนื่องจากมีมีสารต้านอนุมูลอิสระ อย่างสารแอนโทไซยานิน (Anthyocyanin)
6. ช่วยดับร้อน บรรเทาอาการกระหายน้ำ และทำให้ร่างกายชุ่มชื่น
7. บำรุงสายตา ช่วยในการมองเห็นเนื่องจากอุดมไปด้วยวิตามินเอ
8. ช่วยแก้อาการท้องผูก เพราะมีปริมาณไฟเบอร์สูง
9.ช่วยผ่อนคลายความเครียด เพราะมีรสหวานและเย็น
10. ช่วยให้ระบบการไหลเวียนเลือดทำงานดีขึ้น เนื่องจากผลไม้ชนิดนี้มีธาตุเหล็ก อีกทั้งยังมีส่วนป้องกันและยับยั้งการเกิดลิ่มเลือด ป้องกันเส้นเลือดแตกด้วย
11. ช่วยลดอาการปวดประจำเดือน ช่วยบำรุงผิวพรรณ และลดการอักเสบของสิว
12. อุดมไปด้วยกรดโฟลิก ที่มีส่วนช่วยป้องกันโรคโลหิตจาง ช่วยการเจริญเติบโตของทารกในครรภ์

เผยแพร่: 15 ม.ค. 2562 18:49   โดย: ผู้จัดการออนไลน์