ผู้เขียน หัวข้อ: มองอนาคตกาลผ่านดวงเมือง  (อ่าน 1148 ครั้ง)

story

  • Staff
  • Hero Member
  • ****
  • กระทู้: 9755
    • ดูรายละเอียด
มองอนาคตกาลผ่านดวงเมือง
« เมื่อ: 26 ธันวาคม 2011, 20:29:58 »
ในระยะนี้ไปไหน และพบหน้าใครที่เคยรู้จัก และรู้ว่าผู้เขียนพอจะมีความรู้เรื่องโหราศาสตร์ ทุกคนจะถามคำถามในทำนองเดียวกันกับที่บรรดาหมอดูทั้งหลายถูกถาม และหลายท่านได้ทำนายทายทักผ่านสื่อ ดังที่ปรากฏเป็นข่าวไปแล้วหลายครั้ง
      
       ในบรรดาคำถามที่หมอดูมักจะถูกถามในช่วงนี้ พอจะสรุปเป็นข้อๆ ดังนี้
      
       1. จะมีการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองไหม และเปลี่ยนแล้วจะดีขึ้นกว่าที่เป็นอยู่ไหม และเมื่อใด
      
       2. ปีหน้าน้ำจะท่วมเหมือนปีที่ผ่านมาไหม และถ้าท่วมจะเดือดร้อน วุ่นวาย เสียหายเหมือนที่ผ่านมาหรือไม่
      
       3. เศรษฐกิจจะเป็นอย่างไร ดีขึ้นหรือเลวลง เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา
      
       4. ถ้าเหตุการณ์ทั้ง 3 หรือข้อใดข้อหนึ่งเกิดขึ้น ควรจะใช้ชีวิตอย่างไรให้ทุกข์น้อยที่สุด
      
       จากคำถามทั้ง 4 ประการดังกล่าวข้างต้น ผู้เขียนเชื่อว่าท่านผู้อ่านที่สนใจ และศรัทธาในโหราศาสตร์คงติดตาม และทราบคำตอบจากบรรดาโหราจารย์ไปแล้วส่วนหนึ่ง แต่อาจมีข้อกังขาค้างคาใจอยู่บ้าง
      
       ดังนั้น เพื่อให้ข้อกังขาที่ค้างคาใจอยู่ลดลงและหมดไป ผู้เขียนในฐานะโหรสมัครเล่น และพอจะมีประสบการณ์ในด้านพยากรณ์อยู่บ้าง จึงขอพูดถึงเหตุการณ์บ้านเมืองโดยอาศัยพื้นดวงเมือง และดวงจร ด้วยการนำดาวจรมาเป็นตัวบอกเหตุการณ์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งดาวใหญ่ 4 ดวง คือ ดาวพฤหัสบดี (๕) ดาวเสาร์ (๗) ดาวราหู (๘) และดาวมฤตยู (๐) พร้อมกับจะนำดาวดวงอื่นนอกจากนี้มาประกอบในบางห้วงแห่งเวลา เพื่อให้เกิดความแม่นยำมากขึ้น
      
       เริ่มด้วยการเปลี่ยนแปลงทางการเมือง โดยดูจากดาวเสาร์ซึ่งโคจรในราศีตุลย์จาก 7 ธ.ค. 54-5 เม.ย. 55 และในช่วงนี้ดาวเสาร์พักรด้วย จึงถือว่าเป็นช่วงที่ดาวเสาร์ให้โทษแก่ดวงเมือง ซึ่งมีลัคนาสถิตในราศีเมษ และใน 3 องศาแรกเกาะนวางค์ศุกร์อันเป็นนวางค์คู่ศัตรู จึงมีผลทำให้เกิดความแตกแยกขึ้นในรัฐบาล เนื่องจากเกิดความขัดแย้งระหว่างพรรคร่วมกับพรรคที่เป็นแกนนำ และระหว่างกลุ่มต่างๆ ในพรรคเพื่อไทยอันเป็นแกนนำด้วย
      
       จากความขัดแย้งที่ว่านี้นำไปสู่การเปลี่ยนแปลงทางการเมืองจากระดับเล็กน้อย คือ การปรับ ครม. ลาออก ยุบสภา และถูกโค่นล้ม ส่วนว่าจะเกิดเมื่อใดนั้น น่าจะเป็นช่วงที่เสาร์พักรคือ ม.ค.-ก.พ.หรืออย่างช้าไม่เกิน 5 เมษายน 55
      
       สำหรับปัญหาน้ำท่วมหรือไม่ท่วมนั้น ถ้าดูจากดาวราหูแล้วก็พอจะอนุมานได้ว่าอุทกภัยเช่นในปี 2554 จะไม่เกิดขึ้น จะมีก็เพียงน้ำหลากท่วมที่ลุ่มภาคกลางเป็นปกติ แต่จะตรงกันข้าม จะมีภัยแล้งเกิดขึ้นในหลายพื้นที่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในภาคตะวันออกก่อความเสียหายให้แก่สวนผลไม้เป็นอันมาก รวมไปถึงพื้นที่ภาคกลางตอนบนที่มีการทำนาปรังด้วย
      
       ส่วนประเด็นเกี่ยวกับเศรษฐกิจ ถ้ามองจากดาวราหูที่ทำมุมตรีโกณดาวพุธ และเล็งอังคารเจ้าเรือนลัคนาแล้ว บอกได้ค่อนข้างจะ 80% ว่าแย่กว่าปี 2554 แน่นอน และปัจจัยที่ทำให้แย่ลงจะมาจากค่าเงินบาทอ่อนค่าลง ทำให้การนำเข้าสินค้าทุน และปัจจัยการผลิต เช่น น้ำมัน และเคมีภัณฑ์ อันได้แก่ ปุ๋ย ยาปราบศัตรูพืช เป็นต้น แพงขึ้น จึงทำให้ต้นทุนการผลิตสูงขึ้นทั้งในภาคเกษตรกรรม และภาคขนส่ง ทำให้ผู้ประกอบการเดือดร้อน
      
       นอกจากนี้ ราหูทำมุมตรีโกณพุธยังส่งผลให้สถาบันการเงินในประเทศประสบปัญหาหนี้ไม่ก่อให้เกิดรายได้เพิ่มขึ้น และบางแห่งถึงกับต้องเปลี่ยนเจ้าของกิจการเลยทีเดียว รวมไปถึงจะเกิดภาวะเงินเฟ้อสูง ข้าวของแพงขึ้น ก่อให้เกิดความเดือดร้อนไปทั่ว
      
       ในประการสุดท้ายมิใช่การพยากรณ์ แต่เป็นการขอคำปรึกษาที่คนไปหาหมอดูทุกคนจะถามหรือไม่ถาม แต่ถ้าหมอดูพอจะมีความรู้ ก็จะให้คำแนะนำในแต่ละปัญหาที่บอกไว้ว่าจะทำอย่างไร
      
       ในประเด็นการเปลี่ยนแปลงทางการเมือง ทุกคนไม่ว่าจะอยู่ในชนชั้นปกครองหรือชนชั้นถูกปกครอง ทั้งในระบอบการปกครองแบบประชาธิปไตย และระบอบการปกครองแบบเผด็จการ จะได้รับผลกระทบ เพียงแต่ว่าจะเป็นผลทางบวกหรือทางลบ มากหรือน้อยเท่านั้น
      
       ในการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองที่คาดว่าจะเกิดขึ้นในประเทศไทยในช่วงจากนี้ไปถึง 5 เมษายน 2555 ถ้าดูจากดวงเมืองที่ดาวเสาร์เล็งลัคนาในระยะ 3 องศาแรกที่ดาวเสาร์เกาะนวางค์พุธแล้ว แน่นอนว่าผลกระทบจะเกิดขึ้นแก่นักการเมืองในฝ่ายรัฐบาล เนื่องจากมีข้อขัดแย้งกันและเป็นเหตุให้หลายคนอกหักผิดหวัง นำไปสู่ความแตกแยก และถ้าทำใจไม่ได้ยึดติดกับตำแหน่งก็คงจะได้เห็นการออกมาโวยวาย
      
       ส่วนคนทั่วๆ ไปที่ไม่อยู่ในวงจรแห่งความขัดแย้ง ก็คงได้แต่นั่งดูและปลงอนิจจังกับความอยากมี อยากเป็นของนักการเมือง
      
       แต่ทั้งนักการเมืองและคนนั่งดูจะได้รับผลกระทบในทางลบ คือเดือดร้อนจากปัญหาของประเทศที่หมักหมม และปล่อยปละละเลยไม่มีการแก้ไขจากฝ่ายปกครองที่มักแต่จะแก่งแย่งกัน
      
       แนวทางแก้ไขในเรื่องนี้ ทุกคนจะต้องนำสิ่งที่เกิดขึ้นมาเป็นบทเรียนทางการเมืองว่า ถ้าไม่ต้องการเห็นความทุกข์ ความเดือดร้อนอันเกิดจากนักการเมืองด้อยคุณภาพ ด้อยคุณธรรมแล้ว ต่อไปอย่าเลือกคนแบบนี้เข้าสภาอีก และถ้าเลือกไปแล้ว ก็จะต้องแก้ไขด้วยการออกมาแสดงประชามติขับไล่นักการเมืองประเภทนี้ออกไป
      
       ในด้านเศรษฐกิจ ถ้าเกิดภาวะเดือดร้อนจากราคาสินค้า และบริการแพงขึ้น ก็จะต้องหาทางพึ่งตนเองด้วยการทำงานเพิ่มขึ้นเพื่อให้มีรายได้เพิ่ม และในขณะเดียวกันจะต้องประหยัด โดยยึดแนวทางเศรษฐกิจพอเพียงของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ไว้และลงมือปฏิบัติอย่างจริงจังและเคร่งครัด
      
       ในประเด็นน้ำท่วมหรือไม่ ได้บอกแล้วตั้งแต่ต้นว่าผู้เขียนเห็นแย้งว่าถึงจะมีน้ำท่วมก็ไม่มากกว่าปี 2554 และถ้ามีรัฐบาลที่มีศักยภาพในการแก้ปัญหามากกว่าที่เป็นมาคงจะไม่เดือดร้อน แต่ภัยแล้งจะต้องเตรียมการรับมือให้ดีรับรองว่าเจอแน่ ทางแก้ที่ดีก็คือ ถ้าเป็นเกษตรกรก็อย่าปลูกพืชที่ต้องการน้ำมากในหน้าแล้ง และงดทำนาปรังลงบ้าง ก็พอจะลดความเดือดร้อนลงได้
      
       อย่างไรก็ตาม ผู้เขียนหวังว่าท่านผู้อ่านคงไม่นำไปคิดจนเกิดความวิตกกังวลจนทำให้เป็นทุกข์ก่อนจะถึงเวลา
      
       สุดท้ายขอจบด้วยคำกลอนบทนี้
      
       ถึงปีใหม่ ทำอะไรใหม่เพิ่มบ้าง
       อย่าฝันค้าง กับสิ่งเก่า มัวเมาหลง
       ยึดอดีต ไม่ปล่อยวาง หาทางปลง
       ปีใหม่คง เหมือนเก่า เราเคยเป็น
 
                เลิกเถิด เลิกเสียที ดีแต่คิด
                 ลงมือผลิต ลงมือทำ นำให้เห็น
                 คนคิดดี ทำดี มิลำเค็ญ
                 แต่ถ้าเน้น แค่คิด ชีวิตโทรม

โดย สามารถ มังสัง    
manager.co.th  26 ธันวาคม 2554
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 26 ธันวาคม 2011, 20:37:44 โดย story »