ผู้เขียน หัวข้อ: ญาติผู้ป่วยเด็กอ้างเป็นนักข่าวชี้หน้าด่ากราดหมอหลังให้รอเพราะติดเคสฉุกเฉิน  (อ่าน 528 ครั้ง)

patchanok3166

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 288
    • ดูรายละเอียด
ญาติผู้ป่วยเด็กจากอาการอาเจียนเพราะกินไส้กรอก อ้างเป็นนักข่าวสื่อยักษ์ ถ่ายรูปชี้หน้าด่าข่มขู่หมอ รพ.เมืองพัทยา โมโหที่ให้รอเพราะติดเคสฉุกเฉิน


วันที่ 21 ต.ค. นายแพทย์ กิติ ปรมัตผล ผู้จัดการโครงการโรงพยาบาลเมืองพัทยา ได้โพสต์เฟซบุ๊ก “กิตติ ปรมัตผล” ว่า ผ่านการดูแลโรงพยาบาลมาหลายแห่ง ไม่เคยมีการคุกคามข่มขู่แพทย์อย่างหนักหน่วงเช่นนี้มาก่อน จากกรณีที่ญาติผู้ป่วยเด็กจากอาการอาเจียนเพราะกินไส้กรอก อ้างเป็นนักข่าวของสื่อยักษ์ใหญ่ ทำการชี้หน้าด่ากราด ข่มขู่แพทย์โรงพยาบาลเมืองพัทยา หลังให้รอเพราะติดเคสฉุกเฉิน


มีรายละเอียดว่า ...

“บันทึกเรื่องโรงพยาบาล

ผมมารับงานช่วยดูแล รพ. เมืองพัทยา และ รพ.สาขาที่เกาะล้านได้เกือบเดือนแล้วครับ ที่ผ่านมา มีกัลยาณมิตรผู้หวังดีได้เตือนว่า อายุท่านก็มากแล้ว ควรวางมือพักผ่อน ดูแลมารดาที่เจ็บป่วย เล่นหมากรุก และเลี้ยงลูกเลี้ยงหลาน จึงน่าจะเป็นหนทางที่ชอบที่ควรกว่า

แต่ด้วยความทะนงตน ความถือมั่นในตัวตนอย่างล้นเหลือ ทำให้ผมยังคงมั่นใจและคาดหวังว่าจะทำงานชิ้นนี้ให้เกิดผลสำเร็จ และทำให้ รพ.ทั้ง 2 แห่งนี้ เป็นที่พึ่งแก่ชาวพัทยาและผู้คนนานาชาติที่มาพักอาศัยในเมืองแห่งนี้ได้อย่างมีคุณภาพ

แต่มาในวันนี้ ความมั่นใจเช่นนั้น ก็เริ่มรู้สึกคลอนแคลน ผมได้ประสบพบเจอด้วยตนเอง ผมได้ผ่านการดูแล รพ.มาหลายแห่ง ไม่เคยมีการคุกคามข่มขู่แพทย์อย่างหนักหน่วงเช่นนี้มาก่อน ผมจะยกกรณีให้ท่านอ่านดังนี้

เมื่อคืนมีผู้ป่วยเด็กมาพบแพทย์รายหนึ่ง ขณะนั้นเวลา 04.03 นาฬิกา คุณหมอที่ทำหน้าที่ตรวจท่านนั้นเป็นข้าราชการสังกัดโรงพยาบาลในจังหวัดชลบุรี ท่านกรุณามาช่วยอยู่เวรให้เพราะ รพ.เราไปเชื้อเชิญท่านมาช่วย ในขณะนั้นมีผู้ป่วยอุบัติเหตุบาดเจ็บทางสมองและและผู้ป่วยแพ้ยาใกล้ช็อก นอนรออยู่ในห้องฉุกเฉิน 7 ราย ผู้ป่วยเด็กรายดังกล่าวมีอาการเพียงแค่อาเจียน เพราะรับประทานไส้กรอกมาเมื่อเย็น พยาบาลวัดไข้และตรวจสัญญาณชีพแล้วพบว่าปกติ เดินมาชั่งนำหนักได้ ค่า O2 SAT 99% ซึ่งก็แปลว่ามิได้มีอาการขาดออกซิเจนแต่ประการใด คุณหมอผู้ตรวจแจ้งให้รอสักครู่เพื่อทำการรักษาผู้ป่วยหนักก่อน แต่ญาติผู้ป่วยไม่ยอมฟังเสียง ชี้หน้าด่าหมอว่าจะต้องรอให้ตายเสียก่อนค่อยรักษาใช่หรือไม่ แล้วล้วงโทรศัพท์มือถือมาถ่ายภาพคุณหมอ แล้วตะโกนว่า กูเป็นนักข่าวสื่อยักษ์ใหญ่ของที่นี่ พวกมึงจะได้รู้จักเสียบ้างว่าผู้เสียภาษีอย่างกูไม่มีวันยอมให้พวกมึงมารังแกหรอก

เมื่อพนักงานรักษาความปลอดภัยได้ยินเสียงเอะอะในห้องฉุกเฉิน ก็เข้ามาขอร้องว่าให้หยุดการถ่ายภาพ นักข่าวผู้นั้นก็ชี้หน้าพยาบาลในห้องฉุกเฉินว่า พวกมึงจำเอาไว้ ปฏิเสธการรักษา ไล่คนไข้ออกจากโรงพยาบาล เห็นพวกกูเป็นคนจนใช้บัตร 30 บาทใช่ไหม แล้วพรุ่งนี้จะได้เห็นดีกัน ว่าแล้วพวกเขาก็ออกจากห้องฉุกเฉินไปโดยไม่ยอมให้หมอตรวจ

หลังจากนั้น อีก 2นาที เขาก็เอารถนักข่าวมาเร่งเครื่องอยู่หน้าห้องฉุกเฉิน แล้วตะโกนว่า พวกเอ็งบอกมาดีๆ หมอเวรชื่ออะไร กูจะเอาเรื่องให้ถึงที่สุด พนักงานรักษาความปลอดภัยเห็นท่าไม่ดี พากันมายืนขวางประตูห้องฉุกเฉินเพื่อไม่ให้เขาบุกรุกเข้ามาทำร้ายคุณหมอ

วันรุ่งขึ้นนักข่าวโทรศัพท์ให้หัวหน้าพยาบาลมาพบที่สำนักงานข่าวด้วยตนเองก่อนเวลา 15.00 น.เพื่อรับข้อร้องเรียนด้วยเอกสาร มิฉะนั้น จะไม่รับประกันว่าจะทำให้ รพ.เมืองพัทยาเสื่อมเสียชื่อเสียงหรือไม่

เมื่อหัวหน้าพยาบาลไปพบเพื่อรับข้อร้องเรียนตามหน้าที่ เขาก็ถือโอกาสถ่ายวิดีโอภาพหัวหน้าพยาบาลท่านนั้นลง FB Live สด แล้วกล่าวหา รพ. อย่างสาดเสียเทเสีย ที่รับไม่ได้อย่างที่สุด คือ เรื่องที่กล่าวหาว่า รพ.เมืองพัทยา ทอดทิ้งผู้ป่วยยากจน และปฏิเสธการรักษา มีชาวบ้านไม่ทราบเรื่องด้วยความเข้าใจผิดมาผสมโรงรุมด่า รพ.เมืองพัทยา เป็นจำนวนมาก เช่นคำว่า ชาติชั่ว พวกเนรคุณ หนักแผ่นดิน เป็นต้น

แต่ในขณะที่ รพ. ขนาดจิ๋ว แห่งนี้มีผู้มารับบริการถึงวันละ 950-1100 คนต่อวัน และเพิ่มขึ้นทุกเดือนๆ ละ ประมาณ 2% ท่ามกลางงบประมาณที่มีอยู่จำกัด มีแพทย์และพยาบาลน้อยกว่า รพ. สังกัดกระทรวงสาธารณสุขหลายเท่า พวกเราก็ไม่เคยย่อท้อ คงมุ่งมั่นที่จะรับใช้พี่น้องประชาชาชนอย่างเต็มกำลัง เมื่อมามาเจอเหตุการณ์เช่นนี้ ผมอาจต้องตัดสินใจทำอะไรบางอย่างเพื่อให้คนทำงานของเรา ยังคงเดินหน้าต่อไปได้”

ท่านผู้เจริญทั้งหลาย โปรดพิจารณาเรื่องราวเหล่านี้ด้วยใจเป็นธรรม

เหตุการณ์ที่ผมเขียนมาทั้งหมดนี้เป็นแค่เศษเสี้ยวเล็กๆ ที่แสดงให้เห็นความโหดร้ายที่เกิดขึ้นในสังคมของเรา บรรดาผู้คนที่ขาดเมตตาธรรมเอาแต่ความพอใจส่วนตัวแล้วมาทำร้ายผู้อื่น หากท่านเห็นว่าจะเป็นประโยชน์ที่จะตีแผ่เผยแพร่ความทุกข์ยากลำบากที่บรรดาแพทย์พยาบาลและบุคคลากรทางสาธารณสุขต่างๆ ที่ต้องทนรับอยู่ ก็จะเป็นกุศลผลบุญยิ่งนัก ดังเรื่องจริงที่ผมได้ประสบมาข้างต้น อย่างน้อยก็ให้ผู้คนที่กล่าวร้ายพวกเราอย่างไม่จำแนกและไม่เลือกหน้า ได้เกิดความเห็นอกเห็นใจบ้างว่า คนดีๆ ก็ย่อมมีอยู่ในทุกวงการ ขอขอบคุณ”



เผยแพร่: : 22 ต.ค. 2561    โดย: ผู้จัดการออนไลน์