ผู้เขียน หัวข้อ: ดัชนีมวลกาย สำคัญอย่างไร  (อ่าน 560 ครั้ง)

patchanok3166

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 288
    • ดูรายละเอียด
ดัชนีมวลกาย สำคัญอย่างไร
« เมื่อ: 19 ตุลาคม 2018, 12:09:08 »
อ.ดร.พญ.ถิรจิต บุญแสน
ภาควิชาเวชศาสตร์ป้องกันและสังคม


การคำนวณค่าดัชนีมวลกาย นอกจากเราได้ทราบถึงรูปร่างและสัดส่วนแล้ว ยังทำให้เราทราบถึงความเสี่ยงการเกิดโรคต่าง ๆ ได้จริงหรือ แล้วค่าดัชนีมวลกายเป็นตัวบ่งชี้อะไรได้บ้าง จะมาไขคำตอบเกี่ยวกับเรื่องนี้


ค่าดัชนีมวลกาย Body Mass Index หรือเรียกย่อ ๆ ว่า BMI คือ ตัวชี้วัดมาตรฐานเพื่อประเมินสภาวะของร่างกายว่า มีความสมดุลของน้ำหนักตัวต่อส่วนสูงอยู่ในเกณฑ์ที่เหมาะสมหรือไม่


ค่า BMI สามารถใช้เป็นเครื่องมือคัดกรองเพื่อระบุผู้ที่มีน้ำหนักเกิน หรือภาวะอ้วนและผู้ที่มีน้ำหนักต่ำกว่าเกณฑ์มาตรฐานในผู้ใหญ่ที่อายุ 20 ปีขึ้นไป


ค่า BMI คำนวณจาก ค่าของน้ำหนักตัวหน่วยเป็นกิโลกรัม หารด้วยส่วนสูงหน่วยเป็นเมตร ยกกำลัง 2 และแสดงในหน่วย กก./ม2


ดัชนีมวลกาย (BMI) = น้ำหนักตัว (กิโลกรัม)
ส่วนสูง (เมตร)2
โดยสามารถแปลผลค่า BMI ได้ดังนี้
ค่า BMI < 18.5 แสดงถึง อยู่ในเกณฑ์น้ำหนักน้อยหรือผอม
ค่า BMI 18.5 - 22.90 แสดงถึง อยู่ในเกณฑ์ปกติ
ค่า BMI 23 - 24.90 แสดงถึง น้ำหนักเกิน
ค่า BMI 25 - 29.90 แสดงถึง โรคอ้วนระดับที่ 1
ค่า BMI 30 ขึ้นไป แสดงถึง โรคอ้วนระดับที่ 2


ในกรณีที่มีค่าดัชนีมวลกายสูง และถูกวินิจฉัยว่ามีภาวะน้ำหนักเกินหรือเป็นโรคอ้วน ก็อาจทำให้เสี่ยงต่อปัญหาสุขภาพมากมาย ได้แก่ โรคความดันโลหิตสูง ระดับโคเลสเตอรอลและระดับไตรกลีเซอไรด์ในเลือดสูง โรคเบาหวานชนิดที่ 2 โรคหลอดเลือดหัวใจ โรคหลอดเลือดสมอง โรคเกี่ยวกับถุงน้ำดี โรคข้อเข่าเสื่อม ภาวะการหยุดหายใจขณะหลับหรือปัญหาในการหายใจ และโรคมะเร็งชนิดต่าง ๆ


อย่างไรก็ตาม การแปลผลค่า BMI ในนักกีฬา นักเพาะกายที่มีมวลกล้ามเนื้อสูง หรือผู้ป่วยโรคตับ ไต ที่มีภาวะบวมน้ำ อาจมีค่า BMI สูงได้โดยที่ไม่ได้มีภาวะน้ำหนักเกินหรืออ้วนได้


เมื่อทราบผลค่าดัชนีมวลกายแล้ว ต้องปฏิบัติตัวเองเพื่อให้ห่างไกลโรค ดังนี้

1.เลือกการบริโภคอาหารและเครื่องดื่ม โดยเลือกอาหารที่มีคุณค่าทางโภชนาการ โดยเฉพาะ
ธัญพืช ผัก และผลไม้ ไม่ควรรับประทานอาหารมื้อหลักเกินวันละ 3 มื้อ และเลือกรับประทานอาหารที่มีแคลอรี่ต่ำ หลีกเลี่ยงหรือลดการรับประทานอาหารมื้อหนักที่ต้องรับประทานมาก ๆ เช่น อาหารบุฟเฟ่ต์ อาหารที่มีไขมันหรือน้ำตาลสูง ของมัน ของทอด เนื้อสัตว์ติดมัน และเลือกดื่มน้ำเปล่าหรือ นมไขมันต่ำแทนน้ำหวาน น้ำอัดลม และเครื่องดื่มแอลกอฮอล์


2.การออกกำลังกาย ควรออกกำลังกายด้วยกิจกรรมที่เหมาะสมกับสภาพร่างกายอย่างน้อย 150 -
300 นาที / สัปดาห์ ด้วยการเดิน วิ่ง เต้นแอโรบิก ปั่นจักรยาน ว่ายน้ำ การออกกำลังกายเฉพาะส่วน อย่างการใช้เครื่องออกกำลังกาย การยกน้ำหนักหรือออกกำลังกายแบบผสมผสานกันหลายประเภท การออกกำลังกายไม่ได้จำกัดแต่เพียงในโรงยิม เพราะสามารถเปลี่ยนกิจกรรมที่ทำในชีวิตประจำวันให้เป็นการออกกำลังกายไปในขณะเดียวกันได้ด้วย เช่น การทำงานบ้านด้วยตัวเอง ลดการใช้สิ่งอำนวยความสะดวกลง เดินให้มากขึ้น



กิจกรรมดี ๆ ที่ศิริราช
#จัดงาน Siriraj Palliative Care Day 2018” ระหว่างวันที่ 24-26 ตุลาคม 2561 ณ ห้องประชุมราชปนัดดาสิรินธร อาคารศรีสวรินทิรา ชั้น 1 ขอเชิญผู้ป่วย ญาติ และผู้สนใจรับฟังปาฐกถาเกียรติยศ สุมาลี นิมมานนิตย์ ครั้งที่ 10 เรื่อง “ป่วยแต่กาย ใจสบาย” ในวันที่ 25 ตุลาคม 2561 เวลา 14.00-15.45 น. โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย สอบถามเพิ่มเติม โทร. 0 2419 9045, 0 2419 9677 (ราตรี ฉิมฉลอง, ภคภร ผดุงทรัพย์)


#จัดบรรยายให้ควมรู้เตรียมความพร้อมก่อนผ่าตัด เรื่อง “โรคช็อกโกแลตซีสต์” วันที่ 31 ตุลาคม 2561 เวลา 12.00-16.00 น. ณ ศูนย์ฝึกอบรมฯ ตึกจุฑาธุช ชั้น 8 รพ.ศิริราช ขอเชิญผู้ป่วย ญาติ และผู้สนใจรับฟังและแลกเปลี่ยนประสบการณ์ โดยเสียค่าใช้จ่าย สอบถามและสำรองที่นั่ง โทร. 0 2419 4772 และ 08 3542 3237 (รับจำนวนจำกัด)




เผยแพร่: 19 ต.ค. 2561  โดย: ผู้จัดการออนไลน์