ผู้เขียน หัวข้อ: คนไทย 1 ล้านคนป่วย “ไวรัสตับอักเสบ” ไม่รู้ตัว จัดตรวจหาเชื้อฟรี 83 รพ.  (อ่าน 618 ครั้ง)

patchanok3166

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 288
    • ดูรายละเอียด
นายกสมาคมโรคตับฯ เผย มีคนไทยอีก 1 ล้านคน ป่วย “ไวรัสตับอักเสบ” ไม่รู้ตัว อยู่นอกระบบการรักษา สธ.เร่งค้นหา จัดบริการตรวจหาเชื้อไวรัสฯ ฟรี 83 รพ.ทั่วประเทศ วันที่ 31 ก.ค.- 3 ส.ค. นี้ ด้าน สปสช.บรรจุยาใหม่เพิ่ม 2 สูตร เอ็นจีโอร้องเงื่อนไขใช้ยาใหม่มีปัญหา


วันนี้ (23 ก.ค.) นพ.สมบัติ แทนประเสริฐสุข นายแพทย์ทรงคุณวุฒิ กรมควบคุมโรค (คร.) กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) แถลงข่าวสัปดาห์รณรงค์ตับอักเสบโลก “ตรวจเร็ว รักษาได้ ห่างไกลมะเร็งตับ” ว่า โรคไวรัสตับอักเสบ เป็นหนึ่งในสาเหตุของโรคตับแข็งและมะเร็งตับ โดยไวรัสตับอักเสบที่เป็นปัญหาสาธารณสุขในไทย คือ ไวรัสตับอักเสบบีและซี ซึ่งคาดว่า ในไทยจะมีผู้ติดเชื้อไวรัสตับอักเสบบีเรื้อรัง ประมาณ 2.2-3 ล้านราย ผู้ติดเชื้อไวรัสตับอักเสบซีเรื้อรัง 3-7 แสนราย สำหรับสัปดาห์รณรงค์ตับอักเสบโลก ประจำปี 2561 คำขวัญ คือ “ตรวจเร็ว รักษาได้ ห่างไกลมะเร็งตับ” ขอเชิญชวนประชาชนเข้ารับการตรวจคัดกรองโรคไวรัสตับอักเสบบีและซีได้ฟรี ระหว่างวันที่ 31 ก.ค.-3 ส.ค. 2561 ที่โรงพยาบาลสังกัด สธ.ที่เข้าร่วมโครงการ จำนวน 83 แห่ง ในทุกจังหวัดทั่วประเทศ สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่สายด่วนกรมควบคุมโรค โทร. 1422


รศ.พญ.วัฒนา สุขีไพศาลเจริญ นายกสมาคมโรคตับแห่งประเทศไทย กล่าวว่า สถานการณ์ในประเทศไทยมีอุบัติการณ์การติดเชื้อไวรัสตับอักเสบบีประมาณร้อยละ 5-8 และไวรัสตับอักเสบซีประมาณร้อยละ 1-2 พบมากในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคเหนือ อย่างไรก็ตาม จากการทำงานที่ผ่านมา พบว่า ประเทศไทยยังมีผู้ที่ติดเชื้อไวรัสตับอักเสบที่อยู่นอกระบบอีกกว่า 1 ล้านคน เพราะไม่แสดงอาการ ทำให้ไม่รู้ตัว ซึ่งเป็นการคาดการณ์ตัวเลข จากการที่ตนทำงานด้านนี้ในพื้นที่ทางภาคอีสานมาประมาณ 10 ปี ซึ่งพบว่า คนอีสานเดินมา 10 คน จะพบ 1 คน มีเชื้อไวรัสตับอักเสบไม่กลุ่มซีก็บี ซึ่งเมื่อมีการคาดการณ์กับตัวเลขของแต่ละภาค ทำให้เชื่อว่าในภาพรวมทั้งประเทศจะมีคนที่ไม่รู้ตัวเองว่าติดเชื้ออีกประมาณ 1 ล้านคน ทั้งนี้ องค์การอนามัยโลกกำหนดนโยบายให้ทุกประเทศร่วมมือกันกำจัดไวรัสให้หมดไปในปี 2573 จึงจำเป็นต้องจัดระบบตรวจคัดกรองเพิ่มขึ้น เนื่องจากเป็นสาเหตุของการเกิดมะเร็งตับได้ โดยมะเร็งตับพบมากเป็นอันดับ 1 ในเพศชาย อันดับ 3 ในเพศหญิง แต่ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือพบมะเร็งตับมากที่สุดเป็นอันดับที่ 1 ทั้งหญิงและชาย

รศ.พญ.วัฒนา กล่าวว่า หลายคนไม่เคยรู้ตัวเลยว่าตนเองมีปัจจัยเสี่ยงอยู่ในร่างกาย จึงจำเป็นที่ต้องคัดกรองไวรัสตับอักเสบบีและซี โดยเฉพาะประชากรกลุ่มเสี่ยง ซึ่งประกอบด้วย 1.คนที่ติดเชื้ออยู่แล้ว ที่มีญาติหรือคนในครอบครัวที่ใกล้ชิด สามารถบอกเขาให้มาตรวจเชื้อได้ 2.กลุ่มที่ได้รับเลือด ซึ่งมาจากการรับบริการก่อนปี 2535 เนื่องจากสภากาชาดไทยมีการจัดระบบการตรวจเลือดหาเชื้อไวรัสตับอักเสบตั้งแต่ปี 2535 เป็นต้นไป 3.กลุ่มที่มีการสัก เจาะที่อาจมีการปนเปื้อนเลือดก็ถือเป็นกลุ่มเสี่ยง 4.กลุ่มผู้ที่ใช้สารเสพติด คนที่อยู่ในคุก และ 5.กลุ่มที่มีประวัติครอบครัวป่วยโรคมะเร็งตับ หรือตับอักเสบหรือมีภาวะตัวเหลือง นอกจากนี้ ยังมีกลุ่มที่ไปตรวจสุขภาพแล้วพบตับอักเสบ ต้องรีบรักษา ส่วนคนตั้งครรภ์ก็ต้องตรวจด้วยเช่นกัน เมื่อทราบว่ามีเชื้อไวรัสตับอักเสบเรื้อรัง จะได้เข้าสู่ขบวนการรักษา ซึ่งรัฐบาลให้การรักษาฟรีทุกกองทุน หากทุกคนตระหนักและคัดกรองอย่างต่อเนื่อง ถ้าติดเชื้อก็เข้าสู่การรักษาอย่างรวดเร็ว ประเทศไทยก็สามารถจะเดินไปถึงการกำจัดไวรัสตับอักเสบให้สิ้นซากได้ในอีก 12 ปีข้างหน้า

ภก.คณิตศักดิ์ จันทราพิพัฒน์ ผู้อำนวยการสำนักสนับสนุนระบบบริการปฐมภูมิ สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) กล่าวว่า ในปีงบประมาณ 2561 สปสช. ได้กำหนดสิทธิประโยชน์และดำเนินการจัดหายาเพิ่มเติม สำหรับให้บริการผู้ป่วยที่ติดเชื้อไวรัสตับอักเสบซีเรื้อรัง ในระบบหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า เพิ่มขึ้นอีก 2 สูตร คือ 1.ยาเม็ดรับประทานโซฟอสบูเวียร์ (Sofosbuvir) 400 มิลลิกรัม เพื่อใช้ร่วมกับยาฉีดเพกอินเตอเฟอรอน (Peginterferon) และยาเม็ดรับประทานไรบาวิริน (Ribavirin) สำหรับการรักษาการติดเชื้อตับอักเสบซีเรื้อรังสายพันธุ์ที่ 3 และ 2.ยาเม็ดสูตรผสมโซฟอสบูเวียร์ 400 มก. และเลดิพาสเวียร์ (Ledipasvir) 90 มก. สำหรับการรักษาการติดเชื้อตับอักเสบซีเรื้อรังสายพันธุ์อื่นทั้งที่มีหรือไม่มีภาวะตับแข็งร่วมด้วย

“สูตรยาที่เพิ่มมานี้ จะสามารถลดระยะเวลาในการรักษาลง จาก 24 สัปดาห์ เป็น 12 สัปดาห์ และมีประสิทธิผลการรักษาที่ดีขึ้นกว่าการใช้ยาฉีดเพกอินเตอเฟอรอน และยาไรบาวิริน สูตรเดิมอย่างเดียว ทั้งนี้ สปสช. ได้ร่วมมือกับเครือข่ายหน่วยบริการโรงพยาบาลราชวิถีและองค์การเภสัชกรรม ดำเนินการจัดหาและกระจายให้กับหน่วยบริการตั้งแต่เดือนเมษายน 2561 เป็นต้นมา คิดเป็นมูลค่ายาเม็ดทั้งสิ้น 66,360,000 บาท ซึ่งเป็นการจัดหายาระดับประเทศ ทำให้มีอำนาจในการต่อรองและได้ยาในราคาที่ถูกลงกว่ากระจายให้หน่วยบริการจัดหาเอง” ภก.คณิตศักดิ์ กล่าว

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายในงาน นายวัชรศักดิ์ วิจิตรจันทร์ เจ้าหน้าที่แผนและนโยบาย มูลนิธิรณรงค์เพื่อการรักษาเอดส์ ยื่นหนังสือถึงอธิบดีกรมควบคุมโรค เพื่อขอให้มีการปรับเกณฑ์การใช้ยาของผู้ป่วยไวรัสตับอักเสบ พร้อมกล่าวว่า ปัจจุบันยารักษาโรคไวรัสตับอักเสบซีในระบบหลักประกันสุขภาพมีตัวยาโซฟอสบูเวียและเลดิพาสเวียร์ สำหรับรักษาในจีโนไทป์ที่ 1, 2, 4, 5, 6 และเพกอินเตอเฟอรอน โซฟอสบูเวียร์ ไรบาวิริน สำหรับรักษาจีโนไทป์ที่ 3 แต่ทั้งหมดนี้ได้บรรจุในบัญชียา จ (2) ที่มีเงี่อนไขและแนวทางกำกับที่ชัดเจน โดยเฉพาะการระบุว่า รพ.ที่จะทำการวินิจฉัยโรคต้องเป็นแพทย์ผู้เชี่ยวชาญที่มีใบรับรองหรือมีประสบการณ์ด้านทางเดินอาหารไม่น้อยกว่า 5 ปี ซึ่งในความเป็นจริง รพ. ทั่วประเทศ โดยเฉพาะ รพ.ในท้องถิ่นทีจำนวนแพทย์ดังกล่าวไม่เพียงพอ หากผู้ป่วยต้องการตรวจวินิจฉัยไวรัสตับอักเสบซีในแต่ละครั้ง ต้องเดินทางข้ามจังหวัดเป็นสาเหตุให้ผู้ป่วยไม่ได้อยู่ในระบบการรักษา เนื่องจากปัญหาค่าใช้จ่ายและการเดินทาง

รศ.พญ.วัฒนา กล่าวว่า เรื่องนี้ทั้งฝ่ายวิชาการและทางภาครัฐก็ทราบเรื่องดี ซึ่งกำลังเตรียมนำยาที่สามารถรักษาได้ทุกสายพันธุ์เข้ามา ซึ่งอยู่ระหว่างขอขึ้นทะเบียนกับสำนักงานคณะกรรมอาหารและยา (อย.) และกำลังหาข้อมูลทางวิชาการมารองรับในเรื่องการตรวจคัดกรองที่ลดราคาลง แต่สามารถตรวจได้ไม่แพ้ของเดิม ทั้งนี้ ไม่ได้นิ่งนอนใจ อยู่ระหว่างดำเนินการ





เผยแพร่: 23 ก.ค. 2561 โดย: MGR Online