ผู้เขียน หัวข้อ: หนุ่มบุกยิงเมีย-พ่อตา ดับคารพ.สยองนครปฐม แค้นที่ถูกกีดกัน แล้วลั่นไกตัวเอง  (อ่าน 1456 ครั้ง)

story

  • Staff
  • Hero Member
  • ****
  • กระทู้: 9721
    • ดูรายละเอียด
เซ่นพิษหึงโหด หนุ่มบุก ยิงสยอง 2 ศพ คาโรงพยาบาลนครปฐม เผยตาม ง้อภรรยาแต่กลับถูกพ่อตากีดกัน ก่อนเกิดเหตุพ่อพาลูกสาวมาหาหมอหลังคลอดได้เพียง 5 เดือน ขณะนั่งรอหมอ ลูกเขยก็ตามมาเคลียร์ปัญหา แต่พ่อตาไม่ยอมให้ไปคุย จนหนุ่มเครียดจัด ชัก .38 ยิงหัวพ่อตา ก่อนยิงภรรยาล้มฟุบ แล้วลั่นไกใส่หัวตัวเอง อาการสาหัสเป็นตายเท่ากัน กระสุนลูกหลงยังไปถูกสาวบาดเจ็บอีกคน

เมื่อเวลา 13.00 น. วันที่ 15 มิ.ย. ร.ต.อ. วุฒิสิทธิ์ แก้วไกรเพชร รองสารวัตรสอบสวน สภ.เมืองนครปฐม รับแจ้งเกิดอุบัติเหตุมีคนถูกอาวุธปืนยิงมีผู้เสียชีวิต 2 ราย และมีผู้บาดเจ็บ 2 ราย เหตุเกิดภายในโรงพยาบาลศูนย์นครปฐม หลังรับแจ้งจึงรายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบและเดินทางไปตรวจสอบที่เกิดเหตุพร้อมด้วย พ.ต.อ.สุวิทย์ ชาวศรีทอง ผบก.ภ.จว.นครปฐม พ.ต.อ.ชัชปัญกานต์ คล้ายคลึง รอง ผบก.ภ.จว.นครปฐม พ.ต.อ.ไพฑูรย์ พิทักษ์ธรรม ผกก.สภ.เมืองนครปฐม พ.ต.ท.สมชาย ขันบุรี รองผกก. และชุดสืบสวน ภ.จว.นครปฐม ชุดสืบสวน สภ.เมืองนครปฐม และเจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน 7 เข้าตรวจสอบ

ที่เกิดเหตุนั้นภายในบริเวณชั้น 2 ด้านหน้าแผนกจ่ายยาของโรงพยาบาลศูนย์นครปฐม ซึ่งมีห้องตรวจนรีเวชกรรมห้อง 14 มีเก้าอี้วางเรียงรายสำหรับรอพบแพทย์วางอยู่ ที่พื้น มีกองเลือดขนาดใหญ่เปรอะเปื้อนพื้น และอาวุธปืนลูกโม่ขนาด .38 จำนวน 1 กระบอกตกอยู่ มีกระสุนปืนที่ยิงไปแล้ว 3 นัด อีก 3 นัดอยู่ในรังเพลิง รองเท้า 2 คู่และกระเป๋าสะพายตกอยู่ที่พื้น เจ้าหน้าที่เก็บไว้เป็นหลักฐาน ขณะที่ผู้ป่วยที่เดินทางมารักษาที่โรงพยาบาลจำนวนมากต่างยืนรายล้อมมุงดูอยู่ด้านนอกด้วยความตกใจ

โดยผู้ตายทราบชื่อว่า น.ส.ธัญญามาศ ทะนามศรี อายุ 26 ปี เป็นติวเตอร์ อยู่บ้านเลขที่ 199/22 ถนน 25 มกรา ต.พระปฐมเจดีย์ อ.เมือง จ.นครปฐม มีบาดแผลถูกยิงเข้าที่หน้าอก 1 นัด 2.นายสัมพันธ์ ทะนามศรี อายุ 60 ปี พ่อของ น.ส.ธัญญามาศ ถูกยิงเข้าที่ศีรษะ 1 นัด

ผู้บาดเจ็บคือ นายชัยพร เชาวนะกมล อายุ 31 ปี เป็นผู้ก่อเหตุและเป็นสามีของ น.ส.ธัญญามาศ ถูกยิงเข้าที่ศีรษะ 1 นัด อาการสาหัส แพทย์นำเข้าห้องไอซียู และ น.ส.ดวงรัตน์ ศิริพิชญ์ตระกูล บาดเจ็บเล็กน้อยกระสุนเฉี่ยวขา แพทย์ทำแผลและอนุญาตให้กลับบ้านได้

จากการสอบถามทราบว่า ก่อนเกิดเหตุ นายสัมพันธ์ พาน.ส.ธัญญามาศ บุตรสาว มาพบแพทย์ที่โรงพยาบาล เนื่องจากแพทย์นัดตรวจ หลังจากคลอดไปแล้ว 5 เดือน น.ส. ธัญญามาศปัสสาวะไม่ออก เมื่อครบกำหนด แพทย์นัดให้มาเอาสายยางออก แต่ยังไม่ถึงคิวตรวจ จึงต้องนั่งรออยู่ที่หน้าห้อง ขณะที่นั่งรออยู่นั้นนายชัยพร บุตรเขย ขับรถมาหา แล้วเดินเข้ามาที่หน้าห้องตรวจ จากนั้นเกิดมีปากเสียงกับนายสัมพันธ์ พ่อตา จนเสียงดังโวยวาย รุนแรง นายชัยพรเห็นว่ามีคนนั่งอยู่จำนวนมาก จึงชวนออกไปพูดคุยกันนอกอาคารเพื่อเคลียร์ปัญหา และปรับความเข้าใจกัน แต่นายสัมพันธ์ได้กีดกันไม่ให้บุตรสาวออกไปเจรจา

นายชัยพรจึงโมโห เดินวนไปเวียนมาหลายรอบ แล้วมาหยุดยืนที่หน้าของนายสัมพันธ์ ชักอาวุธปืนยิงเข้าใส่ศีรษะทันที 1 นัดจนตกเก้าอี้ไป แล้วหันกระบอกปืนยิงเข้าใส่น.ส.ธัญญามาศ เข้าที่หน้าอก จากนั้นลูกกระสุนเฉี่ยวไปถูกขาของน.ส.ดวงรัตน์ ศิริพิชญ์ตระกูล บาดเจ็บ แล้วหันกระบอกปืนยิงจ่อใส่หัวตัวเอง 1 นัด ล้มลงกับพื้นแน่นิ่งไปหวังตายตามเพื่อหนีผิด ส่วนชาวบ้านที่มารอเข้ารับการรักษาจำนวนนับร้อยชีวิตได้วิ่งหลบหนีกันแตกตื่นเอาชีวิตรอด

ขณะที่ตำรวจสอบสวนญาติเบื้องต้น ทราบว่าทั้งสามคนเคยอาศัยอยู่บ้านเดียวกัน โดย น.ส.ธัญญามาศ เป็นติวเตอร์อยู่ใน จ.นครปฐม แต่นายสัมพันธ์ พ่อไม่ชอบในตัวนายชัยพร ลูกเขย จึงหาเรื่องกีดกันไม่ให้เกี่ยวข้องกับลูกสาว ถึงขั้นทะเลาะเบาะแว้งกัน และหวังให้นายชัยพรเลิกรากับลูกสาวตน แต่เพราะมีลูก นายชัยพรจึงไม่ยอมเลิกรา

จนกระทั่งก่อนเกิดเหตุนายชัยพรทราบว่าหมอนัดตรวจร่างกาย จึงอาสาจะพามาพบแพทย์ที่โรงพยาบาล เมื่อนายสัมพันธ์ทราบจึงชิงตัวน.ส.ธัญญามาศพามาที่โรงพยาบาลเอง เพราะไม่อยากให้เจอกัน ทำให้นายชัยพรโมโหตามมาที่โรงพยาบาลจนมีเรื่องสลด ดังกล่าว สำหรับเรื่องดังกล่าวนั้นเบื้องต้นสันนิษฐานว่าเรื่องหลักมาจากครอบครัว ที่เกิดปัญหาระหองระแหงกันทำให้เกิดเรื่องราวใหญ่โต

16มิย2561
ข่าวสด
..........................................................................
เปิดวงจรปิดนาทีโหด ผัว ลั่นไกฆ่าเมีย-พ่อกลางโรงพยาบาลศูนย์นครปฐม ท่ามกลางสายตาหมอ คนไข้ที่เห็นเหตุการณ์ระทึก

จากกรณีนายชัยพร เชาวนะกมล อายุ 31 ปี ผัว ก่อเหตุบุกยิง นายสัมพันธ์ ทะนามศรี อายุ 60 ปี ซึ่งเป็นพ่อตาเสียชีวิต ก่อนยิง น.ส.ธัญญมาศ ทะนามศรี อายุ 29 ปี ซึ่งเป็นภรรยาเสียชีวิตเช่นกัน หลังจากนั้นก็ใช้ปืนกระบอกเดียวกัน ยิงตัวเองได้รับบาดเจ็บสาหัส เหตุเกิดภายในโรงพยาบาลศูนย์นครปฐม นอกจากนี้ยังมีผู้ได้รับบาดเจ็บถูกลูกหลงอีก 1 ราย ทราบชื่อคือนางดวงลักษณ์ สิริพิชญ์ตระกูล อายุ 52 ปี เบื้องต้นทราบว่า นายสัมพันธ์ ได้พาลูกสาวมาพบแพทย์หลังเพิ่งคลอดลูก ก่อนที่นายชัยพร จะติดตามมา แล้วก่อเหตุดังกล่าว ตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น อ่านข่าว ผัวหึงโหด! บุกยิงเมียเพิ่งคลอดลูกดับคา ร.พ. พ่อตาโดนยิงหัวอีกศพ

ความคืบหน้าล่าสุดวันที่ 15 มิ.ย. หลังเกิดเหตุ ร.ต.อ.วุฒิสิทธิ์ แก้วไกรเพชร รองสารวัตร (สอบสวน) สภ.เมืองครปฐม ได้เดินทางมาตรวจที่เกิดเหตุ พร้อมกับ พ.ต.อ.ชัชปัญกานต์ คล้ายคลึง รองผบก.ภ.จว.นครปฐม, พ.ต.อ.ไพฑูรย์ พิทักษ์ธรรม ผกก.สภ.เมืองนครปฐม, เจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน 7 และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง

“แม่รักหนูนะ”..สุดสะเทือนใจ โพสต์สุดท้ายแม่ลูกอ่อน ก่อนโดนสามียิงตายคารพ.

เผยปมแค้น ‘ผัวหึงโหด’ ยิงเมีย-พ่อตาดับคาโรงพยาบาล ทิ้งลูกวัย 5 เดือนกำพร้า


ผัวหึงโหด! บุกยิงเมียเพิ่งคลอดลูกดับคา ร.พ. พ่อตาโดนยิงหัวอีกศพ

เบื้องต้นพบที่เกิดอยู่บริเวณแผนกจ่ายยาหน้าห้องตรวจ ชั้นที่ 2 ของโรงพยาบาลดังกล่าว จากการตวรจสอบบริเวณหน้าห้องหมายเลข 7 พบ เลือดจำนวนมาก และอาวุธปืนขนาด .38 จำนวน 1 กระบอกตกอยู่ นอกจากนี้ยังพบรองเท้าอีก 2 คู่ เจ้าหน้าที่จึงรวบรวมไว้เป็นหลักฐาน
การสอบถามในเบื้องต้นทราบว่านายสัมพันธ์ และ น.ส.ธัญญามาศ ได้เดินทางมาโรงพยาบาล เนื่องจากรักษาอาการปัสสาวะไม่ออก หลังจากที่เพิ่งคลอดลูกได้เพียง 5 เดือน ขณะที่กำลังรอแพทย์อยู่ที่หน้าห้องนั้น นายชัยพร ซึ่งเป็นสามีของ น.ส.ธัญมาศ ได้เดินมาหาที่โรงพยาบาลพร้อมกับเรียกให้ทั้ง 2 ออกไปพูดคุยกันที่ด้านนอก เนื่องจากนายชัยพร ตั้งใจจะพาภรรยามาโรงพยาบาลเอง แต่นายสัมพันธ์ กลับชิงพาตัวลูกสาวมาเสียก่อน

จากนั้น นายชัยพร ก็เกิดมีปากเสียงกับนายสัมพันธ์ เนื่องจากนายสัมพันธ์ ที่ต้องการให้ลูกสาวเลิกกับนายชัยพร เพราะไม่ทำงานทำการ นายชัยพร พยายาชวน น.ส.ธัญญามาศ ให้ออกไปคุยข้างนอกเพราะมีผู้ป่วยรายอื่นอยู่มาก แต่นายสัมพันธ์ พยายามรั้งไม่ให้ลูกสาวไป จนนายชัยพร เกิดความโมโห เปิดกระเป๋าสะพายแล้วหยิบอาวุธปืนออกมายิง นายสัมพันธ์ เข้าที่ศรีษะ 1นัด จนตกเก้าอี้ จากนั้นก็หันยิง น.ส.ธัญญามาศ ยิงเข้าที่หน้าอก 1นัด จนฟุบไป แล้วยิงใส่สาดไปถูก น.ส.ดวงลักษณ์ ผู้ป่วยที่นั่งอยู่ ถูกขาบาดเจ็บเล็กน้อย หลังจากนั้นนายชัยพร ก็หันปืนจ่อยิงศีรษะตัวเอง ได้รับบาดเจ็บสาหัส

นอกจากนี้เจ้าหน้าที่ยังตรวจสอบกล้องวงจรปิดในจุดเกิดเหตุกลางโรงพยาบาล ยังสามารถบันทึกภาพขณะนายชัยพร ลั่นไกสังหารภรรยาและพ่อตา ก่อนยิงตัวเองจนบาดเจ็บสาหัส


ข่าวสด
16มิย2561
....................................................................................
เผยสามีมือยิงกับเมียกับพ่อตา เป็นคนไข้ รพ.นครปฐม มารักษาโรคเครียดจัด

รอ ผอ.โรงพยาบาลนครปฐม อนุญาติให้ญาติ รพ.รับศพผู้เสียชีวิตทั้ง 2 ศพกลับได้ หลังชันสูตรเรียบร้อย ส่วน นายชัยพร มือยิงอาการยังโคม่ากระสุนถูกแกนสมอง โดยเมื่อ11 มิ.ย.เพิ่งมารักษาอาการเครียดจัด…

เมื่อวันที่ 15 มิ.ย.2561 ความคืบหน้าล่าสุดของอาการนายชัยพร เชาวนะกมล ผู้ต้องหาที่ก่อเหตุยิงพ่อตาและภรรยาเสียชีวิต ก่อนยิงตัวเองหวังตายตาม ที่โรงพยาบาลนครปฐมนั้น โดยทีมแพทย์นำตัวของนายชัยพรเข้าผ่าตัดสมองเพื่อช่วยชีวิตนานกว่า 6 ชั่วโมง

ล่าสุดนายแพทย์สุนัย จันทร์ฉาย รองผู้อำนวยการโรงพยาบาลนครปฐม กล่าวว่า เบื้องต้นอาการของนายชัยพร เชาวนะกมล ผู้ก่อเหตุค่อนข้างหนักเพราะกระสุนปืนโดนจุดสำคัญ คือ แกนสมองใหญ่ ทำให้ การทำงานของแพทย์ค่อนข้างลำบาก แพทย์ต้องเฝ้าดูอาการนาทีต่อนาที นอกเหนือจากนั้นจากการตรวจสอบพบว่า ตัวของนายชัยพรเพิ่งเข้ารับการรักษากับทีมแพทย์จิตเวชของโรงพยาบาลเมื่อวันที่ 11 มิถุนายนที่ผ่านมา

รองผู้อำนวยการโรงพยาบาลนครปฐม กล่าวอีกว่า จากการสอบถามแพทย์ที่ให้การรักษาพบว่า อาการของนายชัยพรค่อนข้างหนัก เพราะเกิดความเครียดสูงทำให้แพทย์ต้องให้คำปรึกษานานหลายชั่วโมง ก่อนจะให้กลับไปจนมาก่อเหตุขึ้นในวันนี้

ขณะที่ ศพของผู้เสียชีวิตนั้น ล่าสุดแพทย์ผู้ผ่าชันสูตรได้ทำการชันสูตรพลิกศพเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ซึ่งหลังจากนี้ญาติสามารถมาติดต่อขอรับศพไปประกอบพิธีทางศาสนาได้.

https://yumyumnews.com/thairath/%E0%B9%80%E0%B8%9C%E0%B8%A2%E0%B8%AA%E0%B8%B2%E0%B8%A1%E0%B8%B5%E0%B8%A1%E0%B8%B7%E0%B8%AD%E0%B8%A2%E0%B8%B4%E0%B8%87%E0%B8%81%E0%B8%B1%E0%B8%9A%E0%B9%80%E0%B8%A1%E0%B8%B5%E0%B8%A2%E0%B8%81%E0%B8%B1/
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 17 มิถุนายน 2018, 23:44:18 โดย story »

story

  • Staff
  • Hero Member
  • ****
  • กระทู้: 9721
    • ดูรายละเอียด
หนุ่มมือยิงพ่อตาและภรรยาตายคาโรงพยาบาลนครปฐม ล่าสุดร่างกายไม่ตอบสนอง ก่อนจะเสียชีวิตลงแล้ว

นายแพทย์สุนัย จันทร์ฉาย รองผู้อำนวยการโรงพยาบาลนครปฐม เปิดเผยว่า อาการของ นายชัยพร ที่ก่อเหตุยิงนางสาวธัญญมาศ และนายสัมพันธ์ ภรรยาและพ่อตาเสียชีวิตที่โรงพยาบาลศูนย์นครปฐมนั้น ตลอดทั้งวันที่ผ่านมาทีมแพทย์และพยาบาลพยายามยื้อชีวิตของนายชัยพรอย่างเต็มที่ โดยเริ่มผ่าตัดสมองและห้ามเลือดในสมองได้แล้ว

แต่เมื่อวานนี้ (16 มิ.ย.) อาการของนายชัยพร ทรุดหนัก สมองบอบช้ำ เพราะกระสุนโดนจุดสำคัญ โดย นายชัยพร ไม่มีอาการตอบสนอง ตั้งแต่ช่วงเย็นวานนี้ เจ้าหน้าพยายามช่วยชีวิต กระทั่งช่วงเช้านี้เวลา 09.40 น. สัญญาณชีพจรหายไปและเสียชีวิตลงในที่สุด หลังจากนี้ทาง รพ.นครปฐม ได้ประสานตำรวจภูธรเมืองนครปฐม และญาติเพื่อนำศพไปประกอบพิธีทางศาสนาต่อไป

17มิย2561
https://www.sanook.com/news/6841258/

story

  • Staff
  • Hero Member
  • ****
  • กระทู้: 9721
    • ดูรายละเอียด
จากกรณีที่ รพ.นครปฐม เกิดเหตุยิงกัน บริเวณชั้น 1 อาคารอำนวยการ มีผู้ได้รับบาดเจ็บ 3 ราย เป็นชาย 2 หญิง 1 ราย ภายหลังทราบว่า ผู้ก่อเหตุคือ นายชัยพร อายุ 31 ปี ได้ยิง น.ส.ธัญญมาศ อายุ 29 ปี ภรรยา และ นายสัมพันธ์ อายุ 60 ปี พ่อตา จนเสียชีวิต ก่อนที่นายชัยพรจะยิงตัวเองได้รับบาดเจ็บสาหัสนั้น

ล่าสุด ผู้สื่อข่าวรายงานว่า (15 มิ.ย.) ร.ต.อ.วุฒิสิทธิ์ สุทธิมงคลกุล เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.นครปฐม เข้าตรวจสอบ จุดเหตุเกิดที่ รพ.นครปฐม บริเวณหน้าห้องสูตินารี และมีผู้คนจำนวนมากที่นั่งรอรับการตรวจรักษา

จากการสอบถามผู้เห็นเหตุการณ์ นางสาวสุรีย์วัลย์ อายุ 27 ปี เล่าให้ฟังว่า เมื่อเวลาประมาณ 12.55 น. ตนเองได้นั่งรอแพทย์เพื่อทำการรักษาบริเวณหน้าสูตินารี และนั่งเก้าอี้แถวเดียวกันกับชายหญิงที่รอตรวจ คาดว่าน่าจะเป็นพ่อลูกกัน

แต่จู่ๆ มีชายอายุประมาณ 30 ต้นๆ เข้ามานั่งคุย และมีการหอมแก้มผู้หญิงที่นั่งรอตรวจ และก็เดินหายไปประมาณครึ่งชั่วโมง จึงกลับมาตรงจุดเกิดเหตุ และได้ควักปืนจ่อยิงที่ศีรษะผู้ชายผู้เป็นพ่อ พร้อมจ่อยิงที่ผู้หญิง ก่อนจะยิงตัวเองหนีความผิด

ล่าสุด นายชัยพร ผู้ก่อเหตุ ยังอยู่ในห้องผ่าตัด ยังไม่รู้สึกตัว และยังมีเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองนครปฐม นั่งเฝ้าอยู่หน้าห้องผ่าตัดจนกว่าจะออกมาจากห้องผ่าตัด และก็ยังไม่มีญาติมาติดต่อ

จากการสอบทาง เจ้าหน้าที่ทางโรงพยาบาลนครปฐม ได้ความว่า นายสัมพันธ์ ผู้เป็นพ่อ ได้พานางสาวธัญญมาศ ลูกสาว มารักษา เนื่องจากนางสาวธัญญมาศเพิ่งจะคลอดลูก และปัสสาวะไม่ปกติจึงให้พ่อพามาหาหมอที่โรงพยาบาลนครปฐม จนเกิดเหตุยิงจนเสียชีวิตดังกล่าว

15มิย2561
https://www.sanook.com/news/6819822/

story

  • Staff
  • Hero Member
  • ****
  • กระทู้: 9721
    • ดูรายละเอียด
รองปลัด สธ. เผย 3 มาตรการดูแลความปลอดภัยภายใน รพ.หลังเกิดเหตุยิงที่ จ.นครปฐม ขอประชาชนช่วยเป็นหูเป็นตา และห้ามพกอาวุธไปสถานพยาบาลด้วย
นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข กล่าวถึงการป้องกันเหตุความรุนแรงในโรงพยาบาลจากกรณียิงในโรงพยาบาลนครปฐมว่า โรงพยาบาลถือเป็นสถานที่เปิด การตรวจเข้มมากเกินไปก็เกรงจะไปสร้างความลำบากและยุ่งยากให้ประชาชนที่มาใช้บริการ และจะเป็นการเสียเวลาของคนไข้

ทั้งนี้ มาตรการความปลอดภัยต้องเพิ่ม 3 ด้าน 1.ขอให้ประชาชนช่วยเป็นหูเป็นตาและอย่าได้พกพาอาวุธมาโรงพยาบาล 2.เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยต้องเพิ่มมาตรการตรวจเข้ม ในเรื่องของการสังเกต และ 3.การติดตั้งเพิ่มกล้องวงจรปิดให้มากขึ้น

สำหรับพื้นที่ที่พบว่า มีการใช้ความรุนแรงในโรงพยาบาลได้แก่ ห้องฉุกเฉิน ที่มักพบเป็นข่าวบ่อยครั้ง มีการตีกันของกลุ่มคู่อริ ทำให้ได้รับบาดเจ็บ แต่ในส่วนนี้ สำหรับห้องฉุกเฉิน ต้องถือว่า มีมาตรการรักษาความปลอดภัยค่อยข้างดีมาก มีประตู 2 ชั้น กั้นการเข้าพื้นที่ และมีเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยอำนวยความสะดวก แต่สำหรับกรณียิงที่แผนกนรีเวชหรือแผนกอื่นๆไม่เคยมีมาก่อน

อย่างไรก็ตาม ต่อไปหากพบว่า มีเหตุทะเลาะวิวาทเสียงดังหรือมีการถกเถียงเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย ต้องรีบเข้าไปแยกผู้ก่อเหตุก่อน เพื่อความปลอดภัย และไม่ให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บหรือโดนลูกหลง

Jun 16, 2018
Voice TV

story

  • Staff
  • Hero Member
  • ****
  • กระทู้: 9721
    • ดูรายละเอียด
เหตุการณ์สะเทือนขวัญ ลูกเขยบุกยิง พ่อตา และภรรยา เสียชีวิต ภายในโรงพยาบาลศูนย์นครปฐมเมื่อวานนี้ ไม่ใช่เหตุการณ์แรกที่มีความรุนแรงในโรงพยาบาล รองผู้อำนวยการโรงพยาบาลนครปฐมยอมรับว่าการป้องกันความรุนแรงภายในโรงพยาบาลมีช่องโหว่ เพราะการตรวจค้นอาวุธ ทำได้ยากเนื่องจากโรงพยาบาลเป็นพื้นที่สาธารณะ มีผู้ป่วย และประชาชนใช้บริการต่อเนื่องทั้งวัน แนะกระทรวงสาธารณสุขควรออกแนวทางป้องกันเหตุความรุนแรงอย่างชัดเจน

ภาพเหตุการณ์จากกล้องวงจรปิด หน้าห้องตรวจนรีเวชกรรม โรงพยาบาลศูนย์นครปฐม ที่นายชัยพร เชาวนะกมล เข้าอาวุธปืน ยิงภรรยาและพ่อตา จนเสียชีวิต ก่อนยิงตัวเองตาม จากสาเหตุตามง้อภรรยาไม่สำเร็จ สะท้อนให้เห็นว่าการรักษาความปลอดภัย ภายในโรงพยาบาลมีความบกพร่อง เพราะมีการพกอาวุธปืนเข้ามายังโรงพยาบาลได้

นายแพทย์สุนัย จันทร์ฉาย รองผู้อำนวยการโรงพยาบาลศูนย์นครปฐม ยอมรับว่ามาตรการป้องกันความรุนแรงในโรงพยาบาลมีช่องโหว่ เพราะโรงพยาบาลไม่มีมาตรการตรวจอาวุธ เนื่องจากในแต่ละวันมีประชาชนจำนวนมากเข้าใช้บริการ หากต้องตรวจละเอียดจะกระทบกับการให้บริการ โดยมีเพียงห้องฉุกเฉินเท่านั้น ที่มีมาตรการป้องกัน เหตุทะเลาะวิวาท หรือความรุนแรงต่างๆ อย่างเข้มข้น ส่วนพื้นที่อื่น ทำได้เพียงให้เจ้าหน้าที่ในโรงพยาบาล และเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยช่วยกันสังเกต

นายแพทย์สุนัย ระบุอีกว่า หากต้องการป้องกันเหตุความรุนแรงในโรงพยาบาลให้รัดกุม กระทรวงสาธารณสุขควรพิจารณาให้โรงพยาบาลที่มีความเสี่ยง ติดตั้งเครื่องสแกนโลหะ หรือออกมาตราการที่ชัดเจนในการป้องกัน

ด้านครอบครัวผู้เสียชีวิตเดินทางเข้ารับศพเมื่อช่วงเที่ยงวันนี้ บรรยากาศเต็มไปด้วยความโศกเศร้า ญาติของภรรยาผู้เสียชีวิต เปิดเผยว่า เสียใจและช็อกกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ที่เสียสามีและบุตรสาวไปพร้อมกัน จึงไม่ขอชี้แจงรายละเอียดอื่นๆ ก่อนนำศพไปบำเพ็ญพิธีกรรมทางศาสนาที่วัดโพธิ์ราษฎร์ศรัทธาทำ ตำบลไทรงาม อำเภอบางเลน จังหวัดนครปฐม

ส่วนความคืบหน้าด้านคดีตำรวจภูธรเมืองนครปฐมสอบปากคำพยานแวดล้อม และ ญาติของทั้งสองฝ่ายแล้ว เบื้องต้นเชื่อว่าสาเหตุการก่อเหตุครั้งนี้เกิดจากความรุนแรงในครอบครัว และเตรียมแจ้งข้อหานายชัยพร ซึ่งบาดเจ็บสาหัสและรักษาตัวอยู่ในห้องไอซียู

16 มิ.ย. 2561
PPTV HD 36

story

  • Staff
  • Hero Member
  • ****
  • กระทู้: 9721
    • ดูรายละเอียด
เมื่อวันที่ 16 มิถุนายน พญ.พรรณพิมล วิปุลากร รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า ขอแสดงความเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น จากที่ได้รั้บรายงานล่าสุดพบว่า ผู้รอดชีวิตยังอยู่ในอาการสาหัสต้องรักษาในห้องผู้ป่วยหนัก และอาการยังไม่คงที่ในขณะที่ทางโรงพยาบาลนครปฐมพยายามขอความร่วมมือไม่ให้มีการนำพกอาวุธเข้าไปในโรงพยาบาล

พญ.พรรณวิมล กล่างต่อไปว่า ที่ผ่านมาเรื่องความรุนแรงในโรงพยาบาลมักเกิดขึ้นในห้องฉุกเฉินเป็นหลัก ซึ่งมีทั้งกรณีญาติผู้ป่วยไม่พอใจเรื่องของการรักษาพยาบาล หรือกรณีมีคู่อริเข้าไปทำร้ายกันในห้องฉุกเฉินแบบนี้เป็นต้น ซึ่งขณะนี้ได้มีการปรับปรุงระบบเฝ้าระวังภายในห้องฉุกเฉินอย่างเข้มงวดมีการแบ่งสัดส่วน กันไม่ให้ผู้ที่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องเข้าไปในพื้นที่อย่างชัดเจนรวมถึงมีบางแห่งทีการติดตั้งเครื่องสแกนอาวุธ เอาไว้แล้ว อย่างรไก็ตามเคสนี้นับว่าเป็นเคสแรกๆที่เกิดขึ้นนอกพื้นที่ห้องฉุกเฉิน อีกทั้งยังเป็นญาติลงมือก่อเหตุ ทางเจ้าหน้าที่จึงไม่ได้เอะใจหรือเฝ้าระวังอะไรนึกว่าเป็นญาติที่มาเยี่ยมกันธรรมดาเท่านั้น

อย่างไรก็ตามเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทำให้กระทรวงสาธารณสุข ต้องมีการทบทวนมาตรการในการดูแลป้องกันเหตุความรุนแรงในโรงพยาบาลเพิ่มเติม จากที่ตอนนี้จะมีเจ้าหน้าที่ตำรวจคอยมาตรวจตราสม่ำเสมอ รวมทั้งให้เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยในโรงพยาบาลเข้าฝึกอบรมร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจในเรื่องของการสังเกตลักษณะบุคคลต้องสงสัย ก็จะขอให้มีการเฝ้าระวังในส่วนของญาติเข้าไปด้วยเพื่อป้องกันเหตุความรุนแรงในครอบครัวที่อาจจะมาเกิดขึ้นในพื้่นที่อื่นๆของโรงพยาบาลด้วย แต่เรื่องของการตั้งตรวจสแกนอาวุฑเข้มนั้นเป็นไปได้ยากเนื่องจากโรงพยาบาลเป็นพื่นที่เปิดหากเข้มงวดเกินไปอาจกระทบกับการให้บริการที่ล่าช้า ยกเว้นที่ห้องฉุกเฉินบางโรงพยาบาลก็ติดตั้งแล้ว

เมื่อถามว่าในฐานะจิตแพทย์ประเมินความรุนแรงในครอบครัวที่เกิดขึ้นในพื้นที่โรงพยาบาลอย่างไรบ้าง พญ.พรรณพิมล กล่าวอีกว่า ความรุนแรงในครอบครัวที่เกิดขึ้นทั่วไป มักพบว่าเวลาที่มีปัญหาแล้วไม่ค่อยตั้งหลัก แต่จะใช้อารมณ์ในการแก้ไขปีญหา โดยเฉพาะตอนนี้ประเทศไทยและหลายประเทศมีเรื่องการพกพาอาวุธได้ง่าย ทำให้เวลาอารมณ์พุ่งในช่วงที่มีอาวุธในมือก็จะทำให้ก่อความรุนแรงได้มากขึ้น ยิ่งปัจจุบันคนสนใจเรื ่องตัวเองเยอะ ซึ่งเป็นเรื่องยากในชีวิตคู่ ชัวิตครอบครีว เพราะปัจจัยไม่ได้มาจากตัวเราคนเดียว พอเกิดความขัดแย้ง แล้วไม่ได้มีการตั้งหลัก ไมไดัใช้เหตุผลมาแก้ปัญหา แต่เลือกใช้ความรุนแรง เพราะฉะน้ันทุกอย่างต้องมีสติ เราต้องรู้ว่าเวลาที่เรามีอารมณ์การตัดสินใจ ทำอะไรรุนแรงลงไป ทั้งๆที่อาจไม่ได้คิดว่าจะทำอย่างนั้นตั้งแต่ต้น ดังนั้นเมื่อมีอารมณ์มีปัญหา ขอให้เลี่ยงการเผชิญหน้า ถอยออกมาตั้งหลักก่อน เมื่ออารมณ์เย็นลงแล้วค่อยคุยกัน การเลื่อกเผชิญหน้าทั้งที่อารมณ์ยังพุ่งสูง เดี๋ยวอีกฝ่ายก็จะใช้อารมณ์กลับมา สถานการณ์มีแต่จะแย่ลง

16 มิย 2561
มติชนออนไลน์