ผู้เขียน หัวข้อ: ครอบครัวญาติสาวผ่าคลอดแล้วเสียชีวิต!! ร้องโรงพยาบาล เยียวยาชดเชย 4 แสน  (อ่าน 765 ครั้ง)

story

  • Staff
  • Hero Member
  • ****
  • กระทู้: 9742
    • ดูรายละเอียด
จากกรณีที่ น.ส.เกษรินทร์ สุวะมาตย์ สาววัย 30 ปี ได้ทำการผ่าคลอดลูกที่ รพ.อำนาจเจริญ แล้วเสียชีวิต โดยที่ทางแพทย์ รพ.อำนาจเจริญ ก็ได้ออกมายืนยันถึงสาเหตุการตายในครั้งนี้ว่า เป็นเหตุสุดวิสัยทางการแพทย์ และการเสียชีวิตเกิดจากการที่น้ำคร่ำไหลไปอุดกลั้นหลอดเลือดปอด จนทำให้ระบบหายใจล้มเหลว จนนำไปสู่ภาวะหัวใจล้มเหลวลับพลัน และทางแพทย์เองก็ได้ช่วยเหลือผู้ป่วยอย่างเต็มที่แล้ว

ความคืบหน้าล่าสุดนั่น วันนี้ 4 พ.ค.61 ทางครอบครัวและญาติของผู้ตาย ได้เดินทางมาที่สำนักงานประกันสังคมจังหวัดอำนาจเจริญ เพื่อรับเงินชดเชยกรณีผู้ประกันตนเสียชีวิต จากสำนักงานประกันสังคมจังหวัดอำนาจเจริญ โดยที่เจ้าหน้าที่จาก รพ.อำนาจเจริญ ก็ได้เดินทางมาที่สำนักงานประกันสังคมจังหวัดอำนาจเจริญ เพื่อพูดคุยกับครอบครัว และญาติของผู้ตาย ถึงกรณีที่เกิดเหตุสุดวิสัยขึ้น รวมไปถึงชี้แจงให้ทางครอบครัวและญาติของผู้ตายเข้าใจว่าแพทย์ได้ทำการช่วยเหลือผู้ตายอย่างเต็มที่แล้ว โดยที่ทางครอบครัวและญาติของผู้ตายได้เรียกร้องค่าเยียวยา กับทาง รพ.อำนาจเจริญ ให้กับผู้ตายเป็นจำนวนเงิน 4 แสนบาท ซึ่งมีรองผู้ว่าราชการจังหวัดอำนาจเจริญ เป็นประธานในการไกล่เกลี่ยครั้งนี้

นางมะลิจันทร์ ทองหอม นักวิชาการแรงงานชำนาญการ รักษาราชการแทนประกันสังคมจังหวัดอำนาจเจริญ กล่าวว่า เบื้องต้นทางด้านสำนักงานประกันสังคมจังหวัดอำนาจเจริญ ได้มีการมอบเงินชดเชยกรณีผู้ประกันตนเสียชีวิตให้กับทางครอบครัวของผู้ตายเบื้องต้น เป็นจำนวนเงิน 129,896 บาท และผู้ตายจะยังได้รับเงินชดเชยจากกองทุนประกันสังคม ในกรณีเสียชีวิตจากการรักษาทางแพทย์ อีกจำนวนหนึ่ง โดยมีหลักเกณฑ์ต่ำสุด รายละ 320,000 บาท สูงสุด 400,000 บาท ซึ่งทางเจ้าหน้าที่เองจะได้เร่งส่งเรื่องไปยังคณะกรรมการประกันสังคมส่วนกลางเพื่อพิจารณาต่อ โดยใช้เวลาในการตรวจสอบพิจารณาไม่เกิน 30 วัน

นายจักรศิลป์ สุวมาตย์ พ่อของผู้ตาย เปิดเผยว่า วันนี้ ตน ภรรยา และครอบครัวของลูกสาว ได้มีการเจรจาพูดคุยกับทางเจ้าหน้าที่ รพ.อำนาจเจริญ ว่าอยากให้ทาง รพ.อำนาจเจริญ รับผิดชอบเยียวยาค่าเสียหายจากการเกิดเหตุในครั้งนี้เป็นจำนวนเงิน 400,000 บาท ซึ่งทางด้านเจ้าหน้าที่ รพ.อำนาจเจริญ ก็ได้มีการรับข้อเสนอในเบื้องต้น และจำได้นำข้อเสนอนี้ไปเสนอให้กับทางด้านผู้บริหาร รพ.อำนาจเจริญ ทราบและพิจารณาอีกครั้งก่อนว่าดำเนินการตามที่ร้องขอหรือไม่อย่างไร

                ขณะที่ทางด้านแม่ของผู้ตาย นางมาลา กล่าวว่า หาก รพ.อำนาจเจริญ ยินยอมจ่ายค่าชดเชยตามที่เรียกร้องก็จะยินยอมยุติเรื่องโดยดี เนื่องจากทางด้านครอบครัวและญาติคนอื่นๆ ก็ไม่ต้องการที่จะให้เรื่องดังกล่าวมันยืดเยื้อแต่อย่างใด เพราะเหตุแก่ลูกสาวที่ได้เสียชีวิตไปแล้ว และในตอนนี้ครอบครัวก็ได้บอบซ้ำมามากพอแล้ว จึงอยากยุติเรื่องนี้โดยเร็วที่สุด แต่หากไม่ได้รับการเยียวยา หรือการชดเชยแต่อย่างใด ทางครอบครัวและญาติก็คงจะดำเนินการร้องเรียนตามลำดับต่อไป

                นายกอบฤทธิ์ เมตตาริกาานนท์ผู้สื่อข่าวทีนิวส์ ประจำจังหวัดอำนาจเจริญ

http://www.tnews.co.th/contents/458847
2018-06-04

story

  • Staff
  • Hero Member
  • ****
  • กระทู้: 9742
    • ดูรายละเอียด
แพทย์โรงพยาบาลอำนาจเจริญแถลงชี้แจง ปมเหตุคุณแม่เพิ่งคลอดเสียชีวิตกะทันหัน พบสาเหตุเกิดจากภาวะน้ำคร่ำอุดกั้นหลอดเลือดในปอด ทำหัวใจวายฉับพลัน มีโอกาสเกิดขึ้นได้ 1 ใน 8 หมื่นคนเท่านั้น

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากกรณีที่ นางสาวเกษรินทร์ อายุ 30 ปี ได้เข้าทำการผ่าคลอดที่โรงพยาบาลอำนาจเจริญ และเกิดเหตุการณ์ไม่คาดคิด เป็นเหตุให้เสียชีวิต เมื่อวันที่ 31 พฤษภาคมที่ผ่านมา ล่าสุดเมื่อวานนี้ (3 มิ.ย.) พญ.นภาพร เกียรติดำรง รองผู้อำนวยการโรงพยาบาลอำนาจเจริญ ด้านปฐมภูมิ ได้ชี้แจงสาเหตุการเสียชีวิตของคนไข้กรณีนี้

พญ.นภาพร เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 31 พฤษภาคม มีผู้ป่วยเข้ามาทำการคลอดและเกิดเสียชีวิต โดยผู้ป่วยรายนี้ได้ตั้งครรภ์เป็นครรภ์ที่ 2 โดยได้ฝากครรภ์ที่ศูนย์สุขภาพชุมชนเมืองสมุทรปราการ เนื่องจากผู้เสียชีวิตทำงานที่กรุงเทพฯ และครบกำหนดใกล้คลอดจึงได้กลับพักที่ภูมิลำเนา จ.อำนาจเจริญ

ในวันเกิดเหตุได้เข้ามาทำการคลอด โดยในขณะนั้นผู้ป่วยมีภาวะแทรกซ้อน คือ ความดันโลหิตสูงขึ้นขณะตั้งครรภ์ และมีการอาการบวม ซึ่งหมอที่ให้การรักษาในขณะนั้นได้วินิจฉัยแล้วว่า กำลังเข้าข่ายภาวะครรภ์เป็นพิษ จึงจำเป็นต้องรีบดำเนินการให้เกิดการคลอดเกิดขึ้นโดยเร็ว และได้นัดผู้ป่วยมาทำการผ่าตัดคลอด ในวันดังกล่าว

ประกอบกับผู้ป่วยมีอายุครรภ์ที่ถึงกำหนดคลอดแล้ว ก่อนคลอดได้ทำการตรวจสภาพทารกในครรภ์ พบว่าแข็งแรงดี แพทย์จึงได้ทำการผ่าตัดคลอด ซึ่งการผ่าตัดคลอดก็ดำเนินการผ่านไปด้วยดี ได้ทารก เพศหญิง น้ำหนัก 2,400 กรัม สุขภาพแข็งแรงดี

แต่ภายหลังจากผ่าคลอดกลับเกิดเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิด ขณะที่สูตินรีแพทย์กำลังเย็บปิดชั้นของกล้ามเนื้อ และชั้นผนังหน้าท้อง ผู้ป่วยเกิดอาการเขียวตามปลายมือ ปลายเท้า และความอิ่มตัวของออกซิเจน ประกอบกับความดันเลือดลดต่ำลงอย่างรวดเร็ว ทางสูตินรีแพทย์จึงได้เรียกทีมช่วยเหลือโดยทันที

แพทย์จึงได้ระดมกำลังเข้าช่วยเหลือ โดยได้ดำเนินการใส่ท่อช่วยหายใจ ซึ่งในทางเทคนิคของการผ่าคลอดจะมีการระงับการเจ็บปวด และในกรณีนี้ทางสูตินรีแพทย์ได้ทำการบล็อกหลัง ซึ่งเป็นวิธีที่ปลอดภัยกว่าการดมยา แต่เนื่องจากขณะที่ผู้ป่วยมีอาการเขียวคล้ำเกิดขึ้น ความดันและความอิ่มตัวของออกซิเจนต่ำลงอย่างรวดเร็ว จึงต้องรีบทำการช่วยเหลือ โดยการใส่ท่อช่วยหายใจให้กับผู้ป่วย ซึ่งทำโดยวิสันสนีแพทย์

แต่ถัดจากนั้นเพียงไม่กี่วินาที หัวใจคนไข้เกิดหยุดเต้น ทีมแพทย์จึงระดมกำลังเข้าช่วยชีวิต ใช้เวลาอยู่ประมาณ 1 ชั่วโมง 30 นาที แต่ก็ไม่เป็นผลสำเร็จ ทำให้ผู้ป่วยได้เสียชีวิตลง

โดยทีมแพทย์ได้ลงความเห็นสาเหตุการเสียชีวิตว่า เกิดจากภาวะน้ำคร่ำรั่วไปอุดกั้นหลอดเลือดในปอด ทำให้การไหลเวียนของเลือดผิดปรกติ ส่งผลให้ภาวะการหายใจล้มเหลวฉับพลัน ซึ่งนับได้ว่าเป็นการเกิดภาวะฉุกเฉินและเร่งด่วนมากในทางสูติกรรม โดยอัตราการเกิดของภาวะดังกล่าวนี้ เกิดขึ้นได้ยากมาก เพียง 1 ต่อ 80,000 ราย

ซึ่่งที่ผ่านมาโรงพยาบาลอำนาจเจริญยังไม่เคยเกิดเหตุการณ์ดังกล่าวนี้ขึ้นเลย ทั้งนี้ ทางโรงพยาบาลอำนาจเจริญยินดีที่จะให้ความช่วยเหลือครอบครัวของผู้เสียชีวิตอย่างเต็มที่ ในเบื้องต้นจะช่วยเหลือนมผง ผ้าอ้อม และของใช้เด็กอ่อน ให้กับครอบครัวของผู้เสียชีวิต เพื่อดูแลทารกแรกเกิดที่เพิ่งเกิด เป็นระยะเวลา 2 ปี และจะเร่งดำเนินการประสานการรับค่าชดเชยตามสิทธิ์ ที่ผู้ป่วยพึงจะได้รับ ให้กับครอบครัวผู้เสียชีวิตโดยเร็ว

ต่อมาผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปบ้านของผู้เสียชีวิตใน อ.ลืออำนาจ จ.อำนาจเจริญ ซึ่งญาติได้นำศพของผู้เสียชีวิตมาตั้งบำเพ็ญกุศลที่บ้านหลังดังกล่าว โดยมีญาติพี่น้องเดินทางมาเคารพศพอยู่เป็นระยะ

นางมาลา อายุ 50 ปี แม่ของผู้เสียชีวิต ได้เปิดเผยว่า เบื้องต้นทางญาติไม่ติดใจในสาเหตุการเสียชีวิต แต่ขอเพียงแค่ให้ช่วยเหลือให้ครอบครัวได้รับค่าชดเชย ตามสิทธิ์ที่ผู้เสียชีวิตพึงจะได้ เพราะผู้เสียชีวิตมีลูกชายคนโต วัย 7 ขวบ อีกทั้งยังมีทารกที่เพิ่งคลอดออกมาอีก ทำให้ภาระทุกอย่างตกอยู่ที่ผู้เป็นแม่ ซึ่งต้องเลี้ยงดูหลานถึง 2 คน

แม่เองก็อายุมากแล้วไม่มีงานประจำและครอบครัวก็มีฐานะยากจน รายได้ที่จุนเจือครอบครัว ทุกบาทก็ล้วนมาจากน้ำพักน้ำแรงของผู้ตาย ตอนนี้ขาดเสาหลักของครอบไปทำให้ครอบครัวลำบากมาก จึงอยากวอนให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องช่วยดูแลให้ทางครอบครัวได้รับค่าชดเชยอย่างเป็นธรรมด้วย และครอบครัวจะไม่ทำการเผาศพจนกว่าจะได้รับค่าชดเชยที่เป็นธรรม

4 มิ.ย. 61
https://www.sanook.com/news/6674171/