หมวดหมู่ทั่วไป > ข่าวสมาพันธ์

ระเบียบที่ปฏิบัติไม่ได้ ความล้มเหลวของการสื่อสารระหว่าง สธ กับ รัฐบาล

<< < (2/4) > >>

story:
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข มอบผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงสาธารณสุข หารือกระทรวงการคลัง เรื่องการจ้างพนักงานหรือลูกจ้างโดยใช้จ่ายจากเงินนอกงบประมาณ พ.ศ. 2561 ไม่ให้กระทบต่อผู้ปฏิบัติงานโรงพยาบาลในสังกัด โดยจะนำทีมปรึกษาร่วม กพ. และกรมบัญชีกลาง บ่า

          รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข มอบผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงสาธารณสุข หารือกระทรวงการคลัง เรื่องการจ้างพนักงานหรือลูกจ้างโดยใช้จ่ายจากเงินนอกงบประมาณ พ.ศ. 2561 ไม่ให้กระทบต่อผู้ปฏิบัติงานโรงพยาบาลในสังกัด โดยจะนำทีมปรึกษาร่วม กพ. และกรมบัญชีกลาง บ่ายวันนี้
          นายแพทย์เจษฎา โชคดำรงสุข ปลัดกระทรวงสาธารณสุข กล่าวถึงระเบียบกระทรวงการคลังเรื่องการจ้างพนักงานหรือลูกจ้างโดยใช้จ่ายจากเงินนอกงบประมาณ พ.ศ. 2561 ประกาศ ณ วันที่ 18 พฤษภาคม 2561 ว่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขมีความห่วงใยในขั้นตอนปฏิบัติ ซึ่งจะมีผลกระทบกับผู้ปฏิบัติงานในโรงพยาบาลของกระทรวงสาธารณสุข ซึ่งมีลูกจ้างชั่วคราว และพนักงานกระทรวงสาธารณสุขเป็นจำนวนมากที่จ้างด้วยเงินนอกงบประมาณ ได้บ่ายวันนี้ นายแพทย์ธวัช  สุนทราจารย์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงสาธารณสุข จะนำทีมผู้บริหารและเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง หารือกับผู้บริหารกระทรวงการคลังและกพ. เพื่อหาแนวทางขั้นตอนการปฏิบัติที่ไม่กระทบกับการให้บริการประชาชนในบ่ายวันนี้ พร้อมทั้งให้ผู้บริหารในส่วนภูมิภาคเร่งทำความเข้าใจกับพนักงานกระทรวงสาธารณสุขและลูกจ้างทุกประเภทของหน่วยงาน
          นายแพทย์เจษฎากล่าวต่อว่า หากระเบียบนี้ประกาศใช้ จะมีผลกระทบกับโรงพยาบาลในสังกัดกระทรวงสาธารณสุขเป็นอย่างมาก เนื่องจากกระทรวงสาธารณสุขมีลูกจ้างชั่วคราว และลูกจ้างอื่น ๆ ที่ทำหน้าที่ดูแลผู้ป่วย เช่น พนักงานเปล ผู้ช่วยเหลือผู้ป่วย และมีการจ้างงานตามระเบียบพนักงานกระทรวงสาธารณสุข ซึ่งมีสัญญาจ้างระยะเวลา 4 ปี กำหนดให้มีสวัสดิการและการขึ้นค่าจ้างรายปี จึงต้องหาแนวทางเพื่อไม่ให้เกิดผลกระทบกับเจ้าหน้าที่ และระบบการให้บริการประชาชน
   ***************************23 พฤษภาคม 2561
http://www.thaigov.go.th/news/contents/details/12455

story:
เมื่อวันพุธที่ 23 พฤษภาคม 2561 นางสาวสุทธิรัตน์ รัตนโชติ อธิบดีกรมบัญชีกลางร่วมกับผู้บริหารกระทรวงสาธารณสุข และนายปิยวัฒน์ ศิวรักษ์ รองเลขาธิการ ก.พ. ผู้แทนฝ่ายบริหารสำนักงาน ก.พ.ชึ้แจงกรณีการออกระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยการจ้างพนักงานหรือลูกจ้างโดยใช้จ่ายจากเงินนอกงบประมาณ พ.ศ.2561 ว่าเป็นการจัดระเบียบการใช้เงินนอกงบประมาณจ้างลูกจ้างของส่วนราชการ ซึ่งในปัจจุบันมีการจ้างอยู่ 2แบบ ได้แก่ แบบที่ 1 กรณีมรการตกลงกับกระทรวงการคลัง เช่น กรณีกระทรวงสาธารณสุข และแบบที่ 2 กรณีไม่ได้ตกลงกับกระทรวงการคลัง เช่น กรณีกรมบัญชีกลาง หลังจากระเบียบนี้ออกมา การจ้างลูกจ้างทั้ง 2 กรณีทีดำเนินการก่อนระเบียบนี้ออกมายังคงดำเนินการได้ต่อไป ไม่มีผลกระทบอย่างใดทั้งนี้เมื่อหมดรอบของการจ้างในแต่ละรอบแล้ว เช่น รอบ 1 ปี หรือ รอบ 4 ปี กระทรวงสาธารณสุข ก็สามารถทำความตกลงกับกระทรวงการคลังได้ เพื่อกำหนดกรอบอัตรากำลังและค่าจ้างในรอบต่อไปได้ กรณีของส่วนราชการอื่นๆ ก็ดำเนินการเช่นเดียวกัน

สาระสำคัญ
เพจชมรมแพทย์ชนบทแชร์ข้อความของนายแพทย์สุภัทร ฮาสุวรรณกิจ รองประธานชมรมแพทย์ชนบทภาคใต้ ซึ่งโพสต์เฟสบุ๊คแสดงความไม่เห็นด้วยต่อกรณีกระทรวงการคลังออกระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยการจ้างพนักงานหรือลูกจ้างโดยใช้จ่ายจากเงินนอกงบประมาณ พ.ศ.2561 โดยกำหนดให้โรงพยาบาลและทุกส่วนราชการต้องเสนอเรื่องขออนุญาตจากกระทรวงการคลังก่อน หากจะดำเนินการจัดจ้างลูกจ้างที่มีอัตราเงินเดือน 7500 บาทขึ้นไป ต่อกรณีดังกล่าวโซเชียลมีเดียส่วนหนึ่งมีการแชร์ข้อความและหนังสือจากกระทรวงการคลัง พร้อมวิพากษ์วิจารณ์ในเชิงลบว่า การออกระเบียบดังกล่าวถือเป็นการกระชับอำนาจเข้าสู่ส่วนกลาง และทำให้ส่วนราชการขาดความคล่องตัวในการบริหารงาน

ข้อเท็จจริง
กรมบัญชีกลางได้ชี้แจงว่า การจ้างลูกจ้างชั่วคราวหรือพนักงานกระทรวงสาธารณสุขเป็นการจ้างจากเงินนอกงบประมาณประเภทเงินบำรุงตามระเบียบกระทรวงสาธารณสุข ว่าด้วยเงินบำรุงของหน่วยบริการในสังกัดกระทรวงสาธารณสุข พ.ศ.2561 ซึ่งได้รับการอนุญาตกับกระทรวงการคลังไว้เป็นการเฉพาะ ดังนั้นในเรื่องของกรอบอัตรา ค่าจัาง และการจ่ายค่าจ้างและค่าตอบแทนให้แก่ลูกจ้างชั่วคราวหรือพนักงานสาธารณสุขจากเงินบำรุง โดยไม่ต้องถือปฏิบัติตามระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยการจ้างพนักงานหรือลูกจ้างโดยใช้จ่ายจากเงินนอกงบประมาณ พ.ศ.2561 แต่อย่างใด

สำนักงาน ก.พ.

story:
เมื่อเวลา 13.20 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ให้สัมภาษณ์ภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ถึงกรณีเครือข่ายทางการแพทย์เตรียมชุมนุมเรียกร้องให้ยกเลิกระเบียบกระทรวงการคลัง ห้ามจ้างและขึ้นเงินเดือนลูกจ้าง โดยใช้เงินนอกงบประมาณว่า วันนี้ได้มีการหารือในที่ประชุมครม. ตรงนี้อาจเกิดจากความไม่เข้าใจกันในระเบียบที่ออกมาโดยกรมบัญชีกลาง ซึ่งจริงๆ แล้วออกมาครอบคลุมการใช้จ่ายงบประมาณต่างๆ ให้คุ้มค่า ไม่ซ้ำซ้อน ประหยัด แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็มีข้อตกลง มีข้อยกเว้นให้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งของกระทรวงสาธารณะสุข ซึ่งการหารือในที่ประชุมวันนี้ ไม่ได้มีข้อขัดแย้งอะไร สามารถดำเนินการได้ เพียงแต่ต้องมีแผนงานให้ชัดเจนว่าจะใช้เงินอย่างไร เพราะเงินนอกงบประมาณก็มีความสำคัญ ถึงแม้จะไม่ใช่เงินของรัฐก็ตาม

นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า เงินจำนวนนี้มีหลายอย่างด้วยกันที่ต้องนำมาใช้ ทั้งเรื่องการพัฒนาโรงพยาบาล รักษาสภาพ เครื่องมือต่างๆ ใช้ดูแลเรื่องการรักษาพยาบาลประชาชนตามหลักประกันสุขภาพ และการจ้างลูกจ้างพนักงาน ซึ่งมีความขาดแคลนจำนวนมาก เพราะฉะนั้นต้องไปดูสัดส่วนการใช้งบประมาณดังกล่าวให้เหมาะสม ไม่เช่นนั้นจะพากันลากไปทั้งหมด รัฐก็ไม่สามารถไปดูแลได้มากนัก เพราะเราต้องใช้จ่ายงบประมาณในเรื่องนี้มากพอสมควร เรามีการปรับหลายๆ อย่างให้สูงขึ้นไปอยู่แล้ว ตนเป็นห่วงกลัวสถานพยาบาลต่างๆ จะแย่ลง หมอ พยาบาล ก็หมดกำลังใจกัน เพราะว่างานต่างๆ เยอะมาก

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า สิ่งสำคัญตนพูดในเรื่องนี้แล้วว่า ควรจะเน้นเรื่องการป้องกัน การรักษาพยาบาลการใช้ระบบออนไลน์ แม้กระทั่งการดูแลผู้ป่วยติดเตียงที่มีหลายเทคโนโลยีออกมา ทางกระทรวงสาธารณะสุขก็จัดหมอ แพทย์ชุมชนลงไปข้างล่าง และในเรื่องการใช้ระบบออนไลน์ในการปรึกษาโรค รักษาพยาบาลในขั้นต้น สำหรับผู้มีรายได้สูงก็สามารถใช้อุปกรณ์หุ่นยนต์เฝ้าคนไข้ ก็เลือกได้ แต่รัฐบาลก็อยากให้ทุกอย่างมากกว่านี้ เพราะเป็นโครงการที่ดีอยู่แล้ว เพียงแต่เราต้องทำอย่างไรไม่ให้งบประมาณสิ้นเปลืองมากเกินไปจนทำอย่างอื่นไม่ได้เลย จนพอกหางหมูไปเรื่อยๆ รัฐบาลก็จะลำบาก 5 ปี 10 ปี เป็นสังคมผู้สูงอายุอีก ก็ต้องดู อย่างไรก็ตาม วันนี้กระทรวงการคลังจะเรียกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องหารือ เพื่อรับฟังความคิดเห็นซึ่งกันและกัน หาทางการแก้ปัญหาข้อติดขัด ความไม่เข้าใจกันในเรื่องกฎระเบียบตรงนี้ ถ้าจำเป็นก็แก้ไข ก็ไม่ได้หมายความว่าทำให้ทุกอย่างทำไม่ได้ ทำได้ แต่ควรจะทำอย่างไร ไม่ต้องการเพิ่มภาระให้ทุกคน

28 พฤษภาคม 2561
ข่าวสด

story:
กรมบัญชีกลาง ยืนยันระเบียบจ้างลูกจ้างชั่วคราวใหม่ไม่กระทบ แพทย์ชนบท ด้าน ก.พ.ชี้บริการกำลังพลต้องสอดคล้องกับงบประมาณ

นางสาวสุทธิรัตน์ รัตนโชติ อธิบดีกรมบัญชีกลาง กล่าวว่า กรณีการออกระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยการจ้างพนักงานหรือลูกจ้างชั่วคราว ด้วยการใช้จ่ายจากเงินนอกงบประมาณ พ.ศ.2561 เพื่อต้องการจัดระเบียบการจ้างงานลูกจ้างชั่วคราวที่ใช้เงินนอกงบประมาณของส่วนราชการ
เพราะยอบรับว่าปัจจุบันอาจทำให้เกิดความลักลั่นในการจ้างลูกจ้าง เนื่องจากหลายหน่วยงานมีแหล่งที่มาของรายได้แตกต่างกัน ระเบียบดังกล่าวไม่ได้จัดระเบียบบังคับใช้กับลูกจ้างของกระทรวงสาธารณสุขเพียงแห่งเดียว แต่บังคับใช้กับทุกหน่วยงานราชการ เพื่อให้สอดคล้องกับ พ.ร.บ.วินัยทางการเงินการคลังของรัฐ และสร้างความโปร่งใสในการใช้เงินนอกงบประมาณ

ขอร้องให้แพทย์ชนบททำความเข้าใจกับแนวทางออกระเบียบดังกล่าว และไม่จำเป็นต้องรวมตัวเดินทางมาสอบถามข้อมูลยังกระทรวงการคลังในวันที่ 1มิถุนายน นี้ เพราะกระทรวงสาธารณสุขมีระเบียบและจะทำข้อตกลงเป็นการเฉพาะสำหรับโรงพยาบาล จึงไม่ได้ลดจำนวนลูกจ้างชั่วคราว จึงไม่ได้รับผลกระทบจากระเบียบครั้งนี้ อธิบดีกรมบัญชีกลาง กล่าว

นางเมธนี เทพมณี เลขาธิการ สำนักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน (ก.พ.) กล่าวว่า สำนักงาน ก.พ. ยืนยันการออกระเบียบจ้างพนักงานหรือลูกจ้างชั่วคราวเป็นเรื่องสำคัญมาก เพื่อให้เกิดความเหมาะสมในการบริหารกำลังพลของข้าราชการพลเรือนสอดคล้องกับเงินงบประมาณ เพื่อจัดจ้างกำลังพลในสายงานที่จำเป็นและขาดแคลนได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น ยอมรับว่าปัจจุบันข้าราชการพลเรื่อน 400000 คน รวมกับข้าราชการทั้งหมด 3 ล้านคน ยังไม่เพียงพอต่อการพัฒนาประเทศ

สำหรับการออกหลักเกณฑ์ วิธีปฏิบัติในการจ้างลูกจ้างชั่้วคราวเงินนอกงบประมาณ จะพิจารณาจ้างลูกจ้างชั่วคราวจากตำแหน่ง หน้าที่ วุฒิการศึกษา อัตราค่าจ้าง เหตุผลความจำเป็นของหน่วยงาน

หากสอดคล้องเป็นไปในแนวทางเดีวยกันกับข้าราชการ ลูกจ้างประจำ ต้องเป็นไปตามมาตรฐานที่ ก.พ.กำหนดไว้เป็นรายตำแหน่ง และในกรณีขอจ้างเกิน 1ปี ต้องเป็นไปตามนโยบาย หรือโครงการที่กำหนดในระยะเวลาไม่เกิน 1 ปี และหากค่าจ้างเกินกว่าอัตราจ้างงานขั้นต่ำต้องพิจารณาตามความรู้ความสามารถ ความเหมาะสมสำหรับงานเฉพาะด้าน การจ้างงานใหม่โดยต้องมีระยะเวลายื่นตกลงภายในเดือนกรกฎาคมของทุกปี กรมบัญชีกลางจะใช้เวลาพิจารณาภายใน1 เดือน หลังจากนั้นจะทำหนังสือขอทำความตกลงต่อไปภายในเดือนพฤศจิกายนของทุกปี เพื่อประเมินจำนวนลูกจ้างชั่้วคราว และการใช้เงินนอกงบประมาณแต่ละปี

25 พค 2561
https://www.thebangkokinsight.com/
.........................................................
กรมบัญชีกลางแถลงข่าวเรื่อง “ระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยการจ้างพนักงานหรือลูกจ้างโดยใช้จ่ายจากเงินนอกงบประมาณ พ.ศ. 2561”

นางสาวสุทธิรัตน์ รัตนโชติ อธิบดีกรมบัญชีกลาง นพ.ธวัช สุนทราจารย์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงสาธารณสุข นพ.เจษฎา โชคดำรงสุข ปลัดกระทรวงสาธารณสุข และนายปิยวัฒน์ ศิวรักษ์ รองเลขาธิการ ก.พ.ร่วมแถลงข่าวเรื่อง “ระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยการจ้างพนักงานหรือลูกจ้างโดยใช้จ่ายจากเงินนอกงบประมาณ พ.ศ. 2561” ณ ห้องแถลงข่าวกระทรวงการคลัง เมื่อวันที่ 23 พฤษภาคม 2561 เพื่อชี้แจงประเด็นการจ้างลูกจ้างชั่วคราวหรือพนักงานกระทรวงสาธารณสุข เป็นการจ้างจากเงินนอกงบประมาณประเภทเงินบำรุงตามระเบียบกระทรวงสาธารณสุขว่าด้วยเงินบำรุงของหน่วยบริการในสังกัดกระทรวงสาธารณสุข พ.ศ. 2561 ซึ่งได้รับการอนุญาตกับกระทรวงการคลังไว้เป็นการเฉพาะ ดังนั้น ในเรื่องของกรอบอัตรา ค่าจ้าง และการจ่ายค่าจ้างและค่าตอบแทนให้แก่ลูกจ้างชั่วคราวหรือพนักงานสาธารณสุขจากเงินบำรุง จึงเป็นไปตามระเบียบกระทรวงสาธารณสุขว่าด้วยเงินบำรุงฯ โดยไม่ต้องถือปฏิบัติตามระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยการจ้างพนักงานหรือลูกจ้างโดยใช้จ่ายจากเงินนอกงบประมาณ พ.ศ. 2561 แต่อย่างใด

ประกาศ ณ วันที่ 24/05/2561
โดยกรมบัญชีกลาง กระทรวงการคลัง

story:
ไทยโพสต์ * จากกรณีกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) เข้าหารือร่วมกับกรมบัญชีกลาง กระทรวงการคลัง เกี่ยวกับระเบียบว่าด้วยการจ้างพนักงานหรือลูกจ้างโดยใช้จ่ายเงินนอกงบประมาณ พ.ศ.2561 ส่งผลให้กลุ่มโรงพยาบาลต่างๆ โดยเฉพาะชมรมแพทย์ชนบท ออกมาคัดค้าน เนื่องจากจะส่งผลกระทบต่อการจ้างงานที่มีความจำเป็น เพราะ รพ.มีภาระงานเยอะ ขณะเดียวกันหากต้องให้ขออนุญาตทางกระทรวงการคลังในการจ้างงานทุกครั้ง อาจไม่ทัน แม้จะบอกว่าระเบียบดังกล่าวไม่กระทบต่อการจ้างงานบุคลากรสาธารณสุข เพราะมีข้อตกลงด้วยการจัดทำระเบียบ สธ.ว่าด้วยเงินบำรุงของหน่วยบริการในสังกัด พ.ศ.2561 แต่ดูเหมือนว่าเรื่องยังไม่จบ เพราะระเบียบนี้ไม่ได้ใช้บังคับแค่ สธ.เท่านั้น

นพ.วิชัย อัศวภาคย์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลน้ำพอง จ.ขอนแก่น กล่าวว่า ถึงแม้จะบอกว่าระเบียบนี้ไม่กระทบการจ้างงานพนักงานกระทรวงและลูกจ้างของหน่วยบริการ สธ. ซึ่งหากมาพิจารณาในส่วนของ สธ.ที่ระบุว่ามีระเบียบเงินบำรุง ทำให้ไม่ต้องอยู่ในข่ายของระเบียบกระทรวงการคลัง แต่ปัญหาคือ ระเบียบว่าด้วยเงินบำรุงของหน่วยบริการในสังกัด สธ. พ.ศ.2561 ในข้อที่ 10 ระบุว่า การกำหนดกรอบอัตราและค่าจ้างของลูกจ้างชั่วคราว หรือพนักงาน สธ. จากเงินบำรุงต้องได้รับความเห็นชอบจากกระทรวงการคลังก่อน จึงไม่แน่ใจว่าต่างอย่างไรกับระเบียบกระทรวงการคลัง ต้องขอบพระคุณ รมว.สธ.และปลัด สธ. ที่มีความพยายามในการช่วยบุคลากร สธ. แต่ส่วนตัวก็กังวลว่าจะทำอย่างไรในการว่าจ้างบุคลากรมาทำงาน เช่น กรณีคนขับรถพยาบาล หากป่วยหรือไม่เพียงพอแล้วมีเคสฉุกเฉินขึ้นมา ที่ผ่านมาก็ต้องจ้างคนขับแบบรายวันมาทำงานก่อนได้ แต่หากตามระเบียบเงินบำรุง ต้องทำหนังสือขออนุญาตไปยังกระทรวงการคลังก่อนหรือไม่ ซึ่งหากใช่ ก็อาจส่งผู้ป่วยไม่ทัน

ด้านชมรมแพทย์ชนบท ออกแถลงการณ์ฉบับที่ 1 โดย นพ.เกรียงศักดิ์ วัชรนุกูลเกียรติ ประธานชมรมแพทย์ชนบทและเครือข่าย ระบุว่า แม้กระทรวงการคลังและ สธ.ได้มีการประชุมและออกมาชี้แจงว่า เรื่องนี้ทางผู้เกี่ยวข้องเข้าใจผิด และ สธ.ไม่ได้รับผลกระทบใดๆ ชมรมฯ เห็นว่า การชี้แจงดังกล่าวยิ่งตอกย้ำว่า กระทรวงการคลังไม่ถอย เพียงแต่พยายามอธิบายอย่างเอาสีข้างเข้าถู และซื้อเวลาจากความร้อนระอุที่เกิดขึ้นในขณะนี้

"ดังนั้น การที่กระทรวงการคลังอ้างว่าไม่กระทบนั้น จึงไม่จริง เพราะสุดท้ายการขออนุมัติจ้างลูกจ้างชั่วคราวเงินนอกงบประมาณก็ต้องไปจบที่กระทรวงการคลังตามประกาศที่ได้ระบุไว้อยู่ดี"

ชมรมแพทย์ชนบทจึงขอเรียกร้องต่อรัฐบาล ดังนี้ 1.ขอให้ยกเลิกระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยการจ้างลูกจ้างเงินนอกงบประ มาณ ซึ่งลงวันที่ 18 พฤษภาคม 2561 โดยขอให้ รมว.คลังยกเลิกคำสั่ง ไม่ใช่ให้อธิบดีกรมบัญชีกลางมาแก้ไข อธิบดีจะใหญ่กว่าการลงนามของรัฐมนตรีช่วยไม่ได้ 2.ขอให้ รมว.สธ.แก้ไขระเบียบเงินบำรุงปี 2561 ให้กระจายอำนาจให้สถานบริการของ สธ.มีอิสระในการบริหารเงินบำรุงให้มีประสิทธิภาพตามความต้องการของประชาชนในพื้นที่มากขึ้น และ 3.การออกระ เบียบใหม่หรือแก้ไขระเบียบเดิมที่เกี่ยวข้องกับสถานบริการ ต้องมีผู้แทนของสถานบริการในพื้นที่ไม่น้อยกว่าครึ่งหนึ่งเข้าร่วมทุกครั้ง

ขณะที่ นพ.ประดิษฐ์ ไชยบุตร ประธานสมาพันธ์แพทย์โรงพยาบาลศูนย์/โรงพยาบาลทั่วไป (สพศท.) กล่าวว่า กรณีที่ทางชมรมแพทย์ชนบทจะมีการเคลื่อนไหวในวันที่ 1 มิถุนายนนี้ ถือเป็นสิทธิของแต่ละกลุ่ม แต่ทางกลุ่ม สพศท.คงไม่ได้ไปด้วย เนื่องจากทางกระทรวงการคลังได้ออกมาชี้แจงแล้วว่าระเบียบเรื่องการจ้างลูกจ้างที่ออกมาใหม่นั้นไม่เกี่ยวกับ สธ.

อย่างไรก็ตาม การจ้างลูกจ้างของโรงพยาบาล โดยเฉพาะโรงพยาบาลขนาดใหญ่ ถือว่าจำเป็นมาก เพราะร้อยละ 50 ของโรงพยาบาลขนาดใหญ่เป็นพนักงานลูกจ้าง ดังนั้นสิ่งที่เราต้องการคืออยากให้คณะกรรมการข้าราชการพลเรือน (ก.พ.) เห็นสภาพปัญหาของโรงพยาบาลว่ามีภาระงานมาก จากจำนวนผู้ป่วยที่เพิ่มขึ้นมากขึ้น แต่ก็ต้องให้บริการผู้ป่วยอย่างดีที่สุด ทั้งนี้ สิ่งที่สำคัญที่ สพศท.จะเดินหน้าคือ การกระตุ้นให้ ก.พ.จัดสรรบุคลากรให้เพียงพอกับภาระงานที่เกิดขึ้น โดยจะใช้วิธีการหารือกันผ่านทางช่องทางต่างๆ มากกว่า

ด้าน ศ.นพ.ประสิทธิ์ วัฒนาภา คณบดีคณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล กล่าวว่า คณะแพทยศาสตร์ศิริราชฯ ม.มหิดล ได้ออกนอกระบบเป็นมหาวิทยาลัยในกำกับของรัฐแล้ว ระเบียบดังกล่าวจะมีผลกระทบหรือไม่ คงต้องมาศึกษาระเบียบให้แน่ชัดก่อนว่าส่วนราชการนั้นจะครอบคลุมมหาวิทยาลัยในกำกับของรัฐหรือไม่ หากครอบคลุม ก็อาจมีผล กระทบ

เช่นเดียวกับ ศ.นพ.ปิยะมิตร ศรีธรา คณบดีคณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามา
ธิบดี ม.มหิดล กล่าวว่า ม.มหิดลออกจากระบบแล้วทั้งหมด ส่วนตัวคิดว่าไม่น่าจะกระทบ
ที่โรงพยาบาลศรีเชียงใหม่ อ.ศรีเชียงใหม่ จ.หนองคาย นายแพทย์แหลมทอง แก้วตระกูลพงษ์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลศรีเชียงใหม่ พร้อมด้วยพนักงาน ลูกจ้างของโรงพยาบาลศรีเชียงใหม่ รวมตัวกันแต่งชุดดำ ถือป้ายข้อความ "โรงพยาบาลศรีเชียงใหม่ขอไว้อาลัยกระทรวงการคลังที่ออกระเบียบห้าม รพ.จ้างลูกจ้าง ห้ามขึ้นค่าจ้างลูกจ้าง" นำไปติดไว้หน้ารั้วโรงพยาบาล เป็นการแสดงออกเชิงสัญลักษณ์ไม่เห็นด้วยกับการเล็งออกกฎระเบียบกระทรวงการคลังที่จะส่งผลกระทบต่อลูกจ้างสังกัด สธ.

หนังสือพิมพ์ไทยโพสต์ -- ศุกร์ที่ 25 พฤษภาคม 2561

นำร่อง

[0] ดัชนีข้อความ

[#] หน้าถัดไป

[*] หน้าที่แล้ว

Go to full version