โวยโรงพยาบาลดังนครปฐม ปล่อยคนไข้ผิดคน! ทำยายทรุดหนัก เสียชีวิต

[story]

เช้านี้ที่หมอชิต - เรื่องนี้เป็นความผิดพลาดที่เกิดขึ้นชนิดที่ว่าไม่น่าจะเกิดขึ้นได้กับหน่วยงานรัฐ ที่มีระบบคัดกรองและตรวจสอบเข้มงวดอย่างโรงพยาบาล เมื่อหญิงสาวรายหนึ่งออกมาโวยว่า โรงพยาบาลดังในจังหวัดนครปฐมปล่อยคนไข้ผิดคน จนทำให้ยายของเธออาการทรุดหนัก และเสียชีวิตในเวลาต่อมา

นางสาวจิดารัตน์ ห่วงสุวรรณ เข้าพบพนักงานสอบสวนสถานีตำรวจภูธรเมืองนครปฐม เพื่อลงบันทึกประจำวันไว้เป็นหลักฐาน กรณีโรงพยาบาลชื่อดังในจังหวัดนครปฐม ปล่อยคนไข้ผิดตัว ทำให้ยายของเธออาการทรุดหนักและเสียชีวิตในเวลาต่อมา

นางสาวจิดารัตน์ เล่าว่า เมื่อวันที่ 22 เมษายน ได้พา นางละออ สุรนันท์ อายุ 83 ปี ผู้เป็นยาย ไปรักษาตัวที่โรงพยาบาลในจังหวัดนครปฐม ด้วยโรคชรา และไปเยี่ยมทุกเช้า-เย็น อาการทรงตัว กระทั่งวันที่ 26 เมษายน เจ้าหน้าที่โรงพยาบาลโทรศัพท์มาสอบถามว่า ได้มาเซ็นรับตัวคนไข้กลับบ้านไปหรือไม่ ด้วยความแปลกใจจึงเดินทางไปที่โรงพยาบาล ก็พบว่าคนไข้ที่นอนอยู่บนเตียงของยายเป็นคนอื่น จึงสอบถามจนรู้ความจริงว่ามีคนมารับตัวยายออกไป

นางสาวจิดารัตน์ เล่าต่อว่า หลังจากนั้นโรงพยาบาลได้ส่งรถไปรับยายกลับมา ถึงตอนนั้นอาการยายเริ่มทรุด และเสียชีวิตในเย็นวันต่อมา

ต่อมาทางโรงพยาบาลได้ออกมาแถลงถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ยอมรับว่ามีการส่งคนไข้ผิดจริง แต่กรณีนี้เนื่องมาจากว่าเป็นผู้ป่วยที่มีความรุนแรงคล้ายกัน นอนอยู่ตรงข้ามกัน

ในวันนี้ (2 พ.ค.) ทางโรงพยาบาลจะมีการประชุมในเรื่องของความเสี่ยง โดยเอากรณีนี้เป็นตัวอย่าง และดูถึงปัญหาและข้อผิดพลาดว่าเกิดจากขั้นตอนใด และมีวิธีการป้องกันอย่างไร เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดขึ้นซ้ำอีกในอนาคต

2 พ.ค. 2561
http://www.bugaboo.tv/watch/381378

[story]

เมื่อวันที่ 1 พ.ค. ที่สภ.เมืองนครปฐม น.ส.จิดารัตน์ ห่วงสุวรรณ อายุ 27 ปี เข้าแจ้งความกับ ร.ต.อ.ชัยวัฒน์ สุทธิศิริมงคล รองสารวัตร(สอบสวน) เพื่อให้ลงบันทึกไว้เป็นหลักฐานกรณีเจ้าหน้าที่โรงพยาบาลนครปฐม สลับตัวคนไข้ไปส่งที่บ้านอื่นเมื่อโรงพยาบาลทราบเรื่องจึงรับกลับมาและเกิดอาการทรุดหนักจนเสียชีวิต

น.ส.จิดารัตน์ เปิดเผยว่า ได้นำตัวนางลออ สุระนันท์ อายุ 83 ปี ยายเข้ารักษาตัวที่โรงพยาบาลนครปฐม เมื่อวันที่ 22 เม.ย.เวลา 20.09 น. แพทย์ตรวจพบว่าผู้ป่วยมีอาการไข้เหนื่อยซึมอ่อนเพลียมาก เนื่องจากผู้ป่วยอายุมากขณะรักษามีอาการทรงตัว แพทย์ให้ยาฆ่าเชื้ออย่างต่อเนื่องและให้อาหารทางสายยาง โดยรักษาอย่างเต็มที่จนวันที่ 26 เม.ย.จู่ๆโรงพยาบาลได้โทรศัพท์มาหาตนถึง 3 ครั้ง

“ครั้งแรกถามว่า ได้ไปเซ็นชื่อรับคนไข้ออกจากโรงพยาบาลหรือไม่ก็ตอบไปว่าไม่ได้เซ็น จากนั้นเจ้าหน้าที่โทรมาอีกครั้งที่ 2 ถามถึงรูปลักษณะยายว่ามีลักษณะเป็นอย่างไร มีอะไรเป็นจุดเด่นหรือไม่ เช่นแผลเป็น ก็บอกว่าไม่มีแต่จำได้ว่าใส่กำไลสีเขียวที่ข้อมือ เจ้าหน้าที่ได้เอ่ยปากว่าน่าจะมีข้อผิดพลาดนิดหน่อยในการรับตัวจากนั้นก็วางสายทิ้งไป แล้วยังโทรกลับมาอีกเป็นครั้งที่3 พูดว่ายายปลอดภัยดีแล้วไม่ต้องเป็นห่วง ทำให้เกิดเอะใจว่าต้องมีอะไรบางอย่างเกิดขึ้นจึงรีบไปที่โรงพยาบาล ปรากฏว่ามีคนไข้ใหม่เข้ามาอยู่บนเตียงซึ่งไม่ใช่ยายของเรา จากนั้นก็ถูกเรียกเข้าไปในห้องประชุม โดยพยาบาลได้พูดว่าใจเย็นๆเดี๋ยวค่อยคุยกัน จนกระทั่งเที่ยงยายจึงถูกส่งตัวกลับมาที่โรงพยาบาลทำให้ทราบว่ามีการสลับตัวคนไข้ส่งไปผิดบ้าน”

น.ส.จิดารัตน์ กล่าวต่อว่า ตนไม่เข้าใจว่าเกิดข้อผิดพลาดแบบนี้ได้อย่างไร เพราะได้บอกเจ้าหน้าที่ไปแล้วว่ายายมีญาติเพียงคนเดียวคือตน ซึ่งจะเป็นคนรับผิดชอบในการติดต่อกับโรงพยาบาล แล้วจู่ๆมีการปล่อยให้คนไข้ออกไปโดยที่ญาติไม่ทราบเรื่องได้อย่างไร หลังทราบเรื่องจึงรีบเดินทางมาดูแต่ไม่พบยายนอนอยู่บนเตียง เราตกใจมากว่ายายเราหายไปไหน เมื่อสอบถามพยาบาลได้แจ้งว่า มีญาติมารับตัวไปส่งบ้านที่ห้วยกระบอก เขตติดต่ออ.กําแพงแสน จ.นครปฐม ก่อนจะนำรถออกไปรับตัวกลับมาแล้วก็มีอาการทรุดลงถูกนำเข้าห้องไอซียูจนกระทั่งยายสิ้นใจเวลา 17.10 น. วันที่ 27 เม.ย. ตนฝากเรื่องนี้ไว้เป็นอุทาหรณ์ อยากให้เจ้าหน้าที่ตรวจตราให้ดี ทั้งชื่อผู้ป่วย ผู้ที่มารับ ทำงานให้รอบคอบมากกว่านี้ อยากให้กรณีนี้เป็นตัวอย่างจะได้ไม่ผิดพลาดอีกในวันนี้ก็ได้มาลงบันทึกประจำวันไว้ที่ สภ.เมืองนครปฐม ว่ามีเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้น

วันเดียวกันที่โรงพยาบาลนครปฐม นพ.ปฐม วงษ์อุบล รองผอ.ปฏิบัติราชการแทน ผอ.รพ.นครปฐม พร้อมด้วยพญ.นุชนารถ โตเหมือน แพทย์ประจำตึกอายุรกรรมหญิง ร่วมแถลงถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น โดยนพ.ปฐม กล่าวว่า ร.พ.ยอมรับว่ามีการส่งคนไข้สลับตัวผิดจริง แต่กรณีนี้เนื่องจากว่าเป็นผู้ป่วยที่มีความรุนแรงคล้ายกัน นอนอยู่ตรงข้ามกัน ในวันที่มีคนมารับผู้ป่วยกลับไป มีญาติ 3 คนมาแจ้งเจ้าหน้าที่ว่าเป็นลูกชาย-ลูกสาว จะมารับแม่กลับบ้านทำให้เจ้าหน้าที่คิดว่าเป็นญาติจริง เพราะจะต้องจำแม่ตัวเองได้จึงไม่ได้มีการทวนสอบหรือเช็คให้ดีอีกครั้ง เพราะปกติแล้วก่อนที่จะส่งตัวผู้ป่วยจะต้องมีการทวนซ้ำในการตรวจสอบอย่างดีก่อนที่จะส่งผู้ป่วยกลับบ้าน

“แต่คนที่มารับก็ยังยืนยันว่าผู้ป่วยรายนี้เป็นแม่ของตัวเองจริง โดยส่วนตัวผมเองก็คิดว่าเป็นเรื่องแปลก เรื่องที่เกิดขึ้นนี้เกิดจากการที่ไม่ได้ตรวจสอบซ้ำอีกครั้ง จึงมอบคนไข้ไปแต่หลังจากที่ทราบว่าส่งสลับตัว ร.พ.ก็รีบรับกลับมาดูแลเป็นอย่างดีโดยไม่ได้ปล่อยทิ้งและมอบผู้ป่วยตัวจริงกลับบ้านไปโดยที่ไม่มีอาการตกใจแต่อย่างใด ผมยอมรับว่าเป็นความผิดพลาดของร.พ.เพราะมีการตรวจสอบที่ไม่ดี ทั้งๆที่มีระบบการการทวนสอบ แต่บุคคลไม่ได้ปฏิบัติตามระบบจึงเกิดเรื่อง”

ด้านพญ.นุชนาถ กล่าวว่า ความผิดพลาดเกิดขึ้นจากช่วงเวลาที่มารับ และนางละออคนไข้นอนพักอยู่ในบริเวณใกล้เคียงกัน เจ้าหน้าที่เองก็ไม่ได้มีการทวนสอบ ว่าเป็นคนไข้ที่ชื่อตรงกันหรือไม่กับญาติที่มารับ แต่ได้มีการสอบถามแล้วว่าเป็นอะไรกับคนไข้ ได้รับคำตอบว่าเป็นแม่ลูกกัน แต่เจ้าหน้าที่ไม่ได้มีการทวนสอบเรื่องของการเช็คหลักฐานตัวตน ว่าเป็นลูกจริงในทางเอกสารจึงเกิดความบกพร่องในเรื่องนี้ สำหรับในวันพรุ่งนี้ 2 พ.ค.จะมีการประชุมในเรื่องของความเสี่ยงโดยเอากรณีนี้เป็นตัวอย่างเพื่อป้องกันการเกิดขึ้นในอนาคต หารือร่วมกับประธานความเสี่ยง แพทย์ และศูนย์คุณภาพของโรงพยาบาล เพื่อจะดูถึงปัญหาและข้อผิดพลาด ว่าเกิดจากขั้นตอนใดและมีวิธีการป้องกันอย่างไร

1 พฤษภาคม 2561
ข่าวสด

[story]

รพ.นครปฐม นัดเจรจากับครอบครัวของนางละออ ยายที่มีคนรับผิดตัวกลับไปจากโรงพยาบาล หลังกลับมาก็ทรุดหนักและเสียชีวิต พร้อมยอมรับความผิดพลาดและมอบเงินช่วยเหลือ 2 แสนบาท แต่ญาติยายประสงค์มอบเงินทั้งหมดให้นำไปซื้อเครื่องมือแพทย์ช่วยผู้อื่นต่อไป

วันนี้ (3 พ.ค.) เวลา 15.30 น. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ห้องประชุมชั้น 4 โรงพยาบาลนครปฐม นพ.วีรศักดิ์ ครองลาภเจริญ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลนครปฐม พร้อมด้วยรองผู้อำนวยการ และ น.ส.จิดารัตน์ เหลนของยายละออ ผู้ป่วยที่มีคนรับผิดตัวกลับบ้าน หลังตรวจพบความผิดพลาด ทางโรงพยาบาลก็ส่งรถไปรับกลับมาถึงโรงพยาบาลประมาณเที่ยงวัน ช่วงเย็นก็ทรุดหนักและเสียชีวิตในวันต่อมา เหตุเกิดเมื่อวันที่ 26 เมษายน 2561 และได้ประกอบพิธีฌาปนกิจเมื่อวันที่ 1 พฤษภาคมที่ผ่านมา

วันนี้ได้นัดเจรจากับญาติของนางละออ โดยไปคุยกันในห้องพิเศษ ไม่เปิดเผยกับผู้สื่อข่าว ใช้เวลากว่า 1 ชั่วโมง ก่อนที่จะออกมาแถลงต่อสื่อมวลชน โดยเล่าถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น พร้อมแสดงความเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ยอมรับกับความผิดพลาดทั้งหมด

โดยบอกว่า ไม่ควรเกิดเหตุการณ์เช่นนี้ ซึ่งเป็นบทเรียนที่มีค่า ทางโรงพยาบาลจะได้นำไปเป็นข้อปรับปรุง และป้องกันไม่ให้เกิดความผิดพลาดขึ้นอีก และด้วยความเสียใจดังกล่าว ทางโรงพยาบาลขอเป็นผู้ดูแลครอบครัวยายละออ ตามแต่เหตุอันควรในโอกาสต่อๆ ไป และขอมอบเงินเยียวยาให้ครอบครัวของนางละออ จำนวน 200,000 บาท เพื่อจะได้เป็นบทเรียนกับทางโรงพยาบาล

ทางด้าน น.ส.จิดารัตน์ เหลนของยายละออ สุรนันท์ ได้แสดงความจำนงที่จะมอบเงินทั้งหมดให้กับทางโรงพยาบาล เพื่อนำไปซื้อเครื่องมือแพทย์สำหรับช่วยเหลือผู้อื่นต่อไป โดยขอให้เขียนชื่อยายละออไว้กับเครื่องมือแพทย์ที่ใช้เงินในส่วนนี้ซื้อ พร้อมแจ้งรายละเอียดให้ทราบด้วย และในวันที่มอบเครื่องมือแพทย์ดังกล่าว จะขอมาร่วมในพิธีมอบด้วย

3 พ.ค. 61
https://www.sanook.com/news/6290958/