ผู้เขียน หัวข้อ: เจาะประเด็นเด็ด : คลี่ปม!! ใครเครียด พยาบาลบีบคอคนไข้ จ.อ่างทอง  (อ่าน 926 ครั้ง)

story

  • Staff
  • Hero Member
  • ****
  • กระทู้: 9742
    • ดูรายละเอียด
เรียกว่าเป็นข่าวสะเทือนแวดวงสาธารณสุขเลยทีเดียว เพราะขึ้นชื่อว่า "พยาบาล" วิชาชีพที่ทำหน้าที่ดูแลรักษาผู้ป่วย รู้กันว่าต้องเป็นผู้มีจิตใจดี เสียสละ อดทนสูง แต่ล่าสุด กลับมีคุณตาท่านหนึ่ง ออกมาร้องทุกข์ อ้างว่าพยาบาลสาวโรงพยาบาลแห่งหนึ่งใน จังหวัดอ่างทอง พยายามบีบคอคุณยายวัย 71 ปี ซึ่งเป็นผู้ป่วยนอนรักษาโรคเส้นเลือดในสมองตีบ ต่อหน้าต่อตาผู้เป็นสามี รู้สึกสะเทือนใจจนต้องขึ้นโรงพักเพื่อเอาผิดกับพยาบาลรายนี้ให้ได้             

เจาะประเด็นเด็ดวันนี้ เราจะเจาะลึกรอบด้าน หลังทางโรงพยาบาลได้เรียกทั้ง 2 ฝ่าย ทั้งฝั่งคนไข้และพยาบาลสาวไปสอบถามข้อเท็จจริง บทสรุปจะเป็นอย่างไร ไปหาคำตอบกัน

เรื่องราวนี้ ถูกเปิดเผยหลังเมื่อวานนี้ นายเฟี้ยม พานนาค อายุ 59 ปี ชาวอำเภอไชโย จังหวัดอ่างทอง ได้โร่แจ้งความตำรวจ อ้างว่าพยาบาลคนหนึ่งของโรงพยาบาลไชโย ได้บีบคอ นางสมจิตร อายุ 71 ปี ซึ่งเป็นภรรยาของตนเอง ซึ่งนอนรักษาตัวด้วยโรคเส้นเลือดในสมองตีบคาเตียงคนไข้ จนแทบหายใจไม่ออก แล้วกระทำโดยไม่เกรงกลัว ต่อหน้าต่อตาตนเองและญาติคนไข้รายอื่น ๆ พอเกิดเรื่อง นายเฟี้ยม ได้ไปร้องเรียนพฤติการณ์ของนางพยาบาลท่านนี้ แต่กลับไม่ได้รับการสนใจ จึงตัดสินใจพึ่งตำรวจ ไม่อยากให้ไปทำร้ายผู้ป่วยรายอื่นอีก ในขณะที่ ตาเฟี้ยม เข้าพบพนักงานสอบสวนอยู่นั้น ปรากฏว่ามีเจ้าหน้าที่ของทางโรงพยาบาลมาขอพูดคุย และห้ามสื่อมวลชนถ่ายภาพ

เพื่อไขความกระจ่าง วันนี้ทีมข่าวของเราลงพื้นที่ไปที่โรงพยาบาลไชโย ได้พบกับ ตาเฟี้ยม ซึ่งเล่าว่า ตนและ นางสมจิตร ภรรยา ใช้ชีวิตคู่อยู่กินกันมากว่า 40 ปีแล้ว ไม่มีลูก อยู่กัน 2 คน รักผูกพันกันมาก แม้ภรรยาจะมีอายุมากกว่าถึง 10 ปี ก็ไม่เป็นปัญหา ไม่เคยทะเลาะกันเลย จนกระทั่ง นางสมจิตร ป่วยเป็นโรคเส้นเลือดในสมองตีบ ตนก็พยายามหาเงินมารักษาเรื่อยมา โดยไม่ทอดทิ้ง ตอนแรกรักษาที่โรงพยาบาลอ่างทอง ต่อมาอาการ นางสมจิตร ดีขึ้น โรงพยาบาลอ่างทองจึงส่งตัวมารักษาที่โรงพยาบาลไชโยบ้านเกิด เป็นผู้ป่วยติดเตียงรักษามา 5 วันแล้ว

กระทั่งเย็นวานนี้ ขณะกำลังให้อาหารมื้อที่ 4 คุณยายสมจิตร ได้ทำสายยางที่ให้อาหารเหลวหลุด ตาเฟี้ยม ตกใจมาก จึงรีบไปเรียกพยาบาลมาช่วยดู พอพยาบาลมาถึงก็ได้ทำการใส่สายยางให้ใหม่ ตนยืนอยู่ปลายเตียงเห็นมีการงัดปากคุณยาย ใส่สายยางเข้าไปทางจมูก คุณยายดิ้นทุรนทุราย หนำซ้ำพยาบาลพูดจาเสียงดัง คล้ายจะดุคุณยาย ทำไมถึงทำสายยางหลุด ตนเองเห็นแล้วยอมรับว่าไม่พอใจอย่างมาก จนรู้สึกเครียด และรู้สึกสงสารภรรยาสุดที่รัก ที่อาการไม่ค่อยดีอยู่แล้ว ซ้ำร้ายยังมาเจอพยาบาลทำพฤติการณ์ไม่ดีใส่อีก จึงตัดสินใจไปลงบันทึกประจำวันไว้ที่ สภ.เกษไชโย

ขณะที่ หัวหน้าพยาบาลชี้แจงแทนลูกน้องที่ถูกกล่าวหา ได้สอบถามข้อมูลจากพยาบาลคนดังกล่าวแล้ว ยืนยันไม่ได้กระทำรุนแรงกับ คุณยายสมจิตร แต่อย่างใด ซึ่งวันเกิดเหตุมีพยาบาลเข้าเวรช่วงบ่ายถึงดึก 2 คน ดูแลผู้ป่วย 30 เตียง ซึ่งอาจไม่เพียงพอ พอคุณยายทำสายยางหลุด ตาเฟี้ยม มาเรียกก็ไปทำให้ตามวิธีของวิชาชีพพยาบาล โดยการสอดสายยางเข้าจมูก ซึ่งเป็นเรื่องปกติที่ผู้ป่วยอาจมีปฏิกิริยาตอบสนองด้วยการดิ้น ส่วนในเรื่องการพูดจาของพยาบาล มองว่า คุณยายก็อายุมากแล้ว บางครั้งอาจจะต้องพูดจาเสียงดังบ้าง ซึ่งไม่ได้มีเจตนาจะดุด่าว่ากล่าวอย่างที่ ตาเฟี้ยม เข้าใจ ซึ่งตั้งแต่เกิดเรื่อง พยาบาลที่ถูกกล่าวหาก็เสียขวัญกำลังใจ ตนเองในฐานะหัวหน้ายืนยันพยาบาลคนนี้ทำอาชีพพยาบาลมา 30 ปี เป็นผู้มีจิตใจโอบอ้อมอารีต่อผู้ป่วย ปฏิบัติหน้าที่อย่างถูกหลักวิธี ไม่เคยมีประวัติโดนผู้ป่วยหรือญาติร้องเรียนเลย

พอได้ฟังคำชี้แจงแบบนี้ ตาเฟี้ยม ก็มีท่าทีอ่อนลง และยอมรับว่าภาพที่เห็นตอนพยาบาลทำกับคุณยายรู้สึกมันรุนแรงมาก แต่ทางโรงพยาบาลชี้แจงมาก็เข้าใจมากขึ้น อยากจะขอโทษทางโรงพยาบาล ไม่ติดใจเอาความโรงพยาบาลแล้ว และยังคงให้คุณยายรักษาที่นี่ต่อไป แต่อยากให้โรงพยาบาลปรับปรุงการให้บริการ การพูดจา รวมถึงการปฏิบัติต่อผู้ป่วยใหม่

ขณะที่ คุณยายสมจิตร ภรรยาสุดที่รักของตาเฟี้ยม เปิดใจ ยืนยันที่ผ่านมาทั้งคุณหมอและพยาบาลดูแลตนเองเป็นอย่างดี ไม่เคยทำร้ายร่างกายใด ๆ เลย พอมารู้เรื่องภายหลัง ก็เข้าใจว่าสามีของตนคงเข้าใจผิด เพราะรักและเป็นห่วงตนมาก

ขณะที่ ผอ.โรงพยาบาลไชโย เผย หลังการสอบถามข้อเท็จจริงทั้ง 2 ฝ่าย ได้ข้อสรุปเบื้องต้นว่าทั้งหมดเกิดจากการเข้าใจผิด ล่าสุด ตาเฟี้ยม รู้สึกดีขึ้นแล้ว และเข้าใจการทำงานของพยาบาลมากขึ้น แต่ไม่ปฏิเสธความรับผิดชอบ ยังต้องตั้งคณะกรรมการสอบสวนเพื่อให้ความเป็นธรรม ในส่วน ตาเฟี้ยม อยากให้ทางโรงพยาบาลปรับปรุง ผอ. มองว่าเป็นเรื่องดี จะดำเนินการตามความประสงค์ของญาติผู้ป่วยต่อไป

ส่วนอาการของ คุณยายสมจิตร เป็นผู้ป่วยติดเตียง เลือดออกในกระเพาะอาหาร ถูกส่งตัวมาจากโรงพยาบาลอ่างทอง แพทย์ผู้รักษาวินิจฉัยแล้ว ไม่สามารถทานข้าวได้ จึงให้อาหารทางสายยาง มีอาการหลง ๆ ลืม ดึงสายยางออก ทางแพทย์ผู้รักษาจึงทำการสวมถุงมือด้วยพลาสติก เพื่อกันไม่ให้คุณยายดึงสายออก จึงทำให้ญาติผู้ป่วยเข้าใจผิด

ส่วนพยาบาลทั้ง 2 คน ตอนนี้ยังคงทำหน้าที่ต่อไป แต่อาจมีเสียขวัญกำลังใจบ้าง และมีหัวใจที่จะบริการ ยินดีดูแลคุณยายต่อไป

ขณะที่ นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดอ่างทอง ระบุว่าหลังจากนี้คงต้องรอผลสรุปข้อเท็จจริงเพื่อประกอบการพิจารณา ยืนยันให้ความเป็นธรรมทั้ง 2 ฝ่าย ตรงไปตรงมา และหากพบเจ้าหน้าที่ทำรุนแรง จะมีความผิดตามระเบียบ จากปัญหาที่เกิดขึ้นคงต้องสั่งการลงไปให้เจ้าหน้าที่ด้านสาธารณสุขลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมและมีการฝึกอบรมความรู้ความเข้าใจในการดูแลผู้ป่วย ตามหลักการพยาบาลแก่ชาวบ้านอย่างสม่ำเสมอ

แพทย์ผู้เชี่ยวชาญ ระบุ ปัญหาความเครียดในการรักษาพยาบาลนั้นมีโอกาสจะเกิดขึ้นได้ และเกิดขึ้นได้ทั้ง 2 ฝั่ง ทั้งในส่วนของบุคลากรทางการแพทย์ หมอ พยาบาล รวมถึงเจ้าหน้าที่ และฝั่งของผู้ป่วย ไม่เว้นแม้แต่ญาติของผู้ป่วยด้วย จำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องให้ให้ความรู้ความเข้าใจอย่างถูกต้อง

แพทย์ผู้เชี่ยวชาญกรมสุขภาพจิต ระบุ ปัจจุบันปฏิเสธไม่ได้ว่าบุคลากรทางการแพทย์โดยเฉพาะผู้มีหน้าที่ดูแลผู้ป่วย ทั้งผู้ป่วยนอกและผู้ป่วยใน บางสถานพยาบาลเผชิญปัญหามีจำนวนผู้ป่วยหนาแน่นเกินกำลังเจ้าหน้าที่ นานวันกลายเป็นความเครียดสะสม ซึ่งที่ผ่านมาพบบางรายอาจแสดงออกทางการปฏิบัติตัวต่อผู้ป่วยโดยไม่รู้ตัว แต่ปัญหาที่เกิดขึ้นแค่เฉพาะบุคคลไม่ใช่กับบุคลากรทั้งระบบ

ที่ผ่านมาแต่ละโรงพยาบาลร่วมกันหาทางคลายความเครียดอยู่แล้ว ด้วยการฝึกสมาธิ สติ ร่วมกับการจัดระบบบริการให้ไม่หนักจนเกินไป จัดชั่วโมงการทำงานที่เหมาะสมกับเจ้าหน้าที่ แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าบุคลากรบางรายเครียดจากปัจจัยส่วนตัวด้วย

ส่วนผู้ป่วยเองก็มักเครียดจากความทรมานของอาการเจ็บป่วยทางกายที่เจ็บป่วยเรื้อรัง ส่งผลต่อสสภาพจิตเกิดความวิตกกังวล มักแสดงอารมณ์ฉุนเฉียว เมื่อไปเจอกับเจ้าหน้าที่รวมถึงญาติผู้ป่วยที่มีเครียดไม่แพ้กัน ก็อาจจะเกิดปัญหาตามมาได้

ปัญหาครั้งนี้เกิดจากความเข้าใจผิดที่ญาติผู้ป่วยอาจมีความเครียดมากจนเกินไป แต่ก็ต้องย้ำว่ามาจากความห่วงใยทั้งจากพยาบาล รวมถึงสามีของผู้ป่วย ที่อยากจะเห็นผู้ป่วยมีอาการดีขึ้น เรื่องของสุขภาพจิตทั้ง 2 ฝ่าย ถือเป็นเรื่องสำคัญ โดยส่งผลต่อการฟื้นตัวสุขภาพกายของคนไข้อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

13 ก.พ. 2561
สถานีโทรทัศน์สีกองทัพบกช่อง 7
http://news.ch7.com/detail/271352