ผู้เขียน หัวข้อ: “ทารุณกรรมสัตว์ - ฉ้อโกง – ปลอมแปลงเอกสาร” คาดโทษ นศ.แพทย์ “ฆาตกรปล้นชีวิตหมา”  (อ่าน 676 ครั้ง)

story

  • Staff
  • Hero Member
  • ****
  • กระทู้: 9745
    • ดูรายละเอียด
จิตใจทำด้วยอะไร! แฉ นศ.แพทย์ ม.ดัง วางยาหมาปอมหวังได้เงินประกันการขนส่ง สัตวแพทย์เอะใจ ผ่าชันสูตรพบยาเต็มท้อง ครอบครัวลั่น ลูกรักสัตว์ ด้านเจ้าหน้าที่เร่งสืบหาความจริง คาดโทษหนัก “ทารุณกรรมสัตว์ - ฉ้อโกง - ปลอมแปลงเอกสาร” พบก่อนหน้าเคยใช้ลูกไม้เดิมจนหมาตายมาแล้ว!

ผ่าท้องน้องหมา เจอร่องรอยฆาตกรรม!!

กลายเป็นประเด็นดรามาสะเทือนใจคนรักสัตว์ขึ้นมาทันที หลังจากที่เฟซบุ๊ก “Jakkarin Ringngoen” ซึ่งเป็นสัตวแพทย์ของคลินิกแห่งหนึ่ง โพสต์เรื่องราวเกี่ยวกับพฤติกรรมของนักศึกษาแพทย์ มหาวิทยาลัยชื่อดัง ที่ได้ว่าจ้างรถบริษัทขนส่งสัตว์เลี้ยงให้นำสุนัขพันธุ์ปอมเมอเรเนียนมาส่งให้กับตนเอง แต่ระหว่างทางสุนัขเกิดตาย เขาจึงเรียกร้องเงินค่าประกันกับทางบริษัทขนส่งและได้นำสุนัขที่ตายไปตรวจหาสาเหตุที่โรงพยาบาลสัตว์แห่งหนึ่งใน จ.นครราชสีมา

แต่เมื่อสัตวแพทย์ได้สอบถามข้อมูลและผ่าพิสูจน์ซากสุนัขกลับพบว่า มีเม็ดยาอยู่ภายในกระเพาะของสุนัขเป็นจำนวนกว่า 10 เม็ด คาดว่าสุนัขน่าจะถูกวางยาโดยเจ้าของสุนัขเพื่อเรียกค่าประกันกับบริษัทขนส่ง จนกลายเป็นกระแสวิพากษ์วิจารณ์กันอย่างกว้างขวางในโลกโซเชียลฯ และขณะนี้เจ้าหน้าที่กำลังเร่งดำเนินการสืบหาข้อเท็จจริง



สำหรับความคืบหน้าล่าสุด ทีมข่าวผู้จัดการ Live ได้สอบถามไปยัง สัตวแพทย์หญิง (สพ.ญ.) ภัทรนันท์ สัจจารมย์ ผู้ช่วยฝ่ายกฎหมายของเพจ “Watchdog Thailand” ซึ่งทำหน้าที่เป็นสื่อกลางคอยประสานกับผู้เสียหายในเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น คุณหมอภัทรนันท์กล่าวว่า หากสัตวแพทย์ที่โคราชไม่ชันสูตรศพสุนัข เรื่องนี้ก็อาจไม่ได้รับการเปิดเผย ส่วนเรื่องของคดีความ คาดว่าจะรู้ผลในสัปดาห์หน้า

“กรณีแรก เราให้บริษัทขนส่งเจ้าแรกเข้าแจ้งความเกี่ยวกับคดีพยายามฉ้อโกงในการส่งน้องหมาปอมครั้งแรก รวมถึงร้องเรียนให้มีการตรวจสอบเกี่ยวกับคดีทารุณกรรมสัตว์ของน้องหมอปอมตัวแรกที่ตายในวันที่ 31 ก.ค. ที่ผ่านมาค่ะ ส่วนกรณีที่ 2 ตอนนี้กรมปศุสัตว์ได้เข้าแจ้งความเรียบร้อยแล้ว

ส่วนเรื่องคดีของการปลอมแปลงเอกสาร การฉ้อโกงเดี๋ยวต้องให้เจ้าทุกข์ซึ่งเป็นคุณหมอโรงพยาบาลสัตว์เซ็นเตอร์เพ็ท แล้วก็บริษัทขนส่งแห่งที่ 2 เขาตัดสินใจอีกทีว่าจะดำเนินการยังไง แต่ว่าคุณหมอที่ทำการชันสูตร เท่าที่ได้คุย แกอาจจะเอาเรื่องอยู่ค่ะ ตอนนี้ก็รวบรวมหลักฐานคาดว่าสัปดาห์หน้า น่าจะเรียกตัวน้องนักศึกษาเข้ามาชี้แจงรายละเอียดค่ะ

อันนี้ต้องเรียกว่าเป็นทั้งความเฉลียวใจ เป็นทักษะอะไรหลายๆ อย่างที่ “คุณหมอมะปราง - สพ.ญ.อนงค์นาถ สุตธรรม” ที่โคราชท่านผ่าชันสูตรเลยค่ะ ถ้าเกิดท่านไม่ได้ผ่า ก็อาจจะต้องมีหมาตายเป็นตัวที่ 3,4,5 แน่นอน จริงๆ ก่อนหน้านี้มีข้อความหลุดเกี่ยวกับการขอขนส่งกระต่าย 10 ตัว แต่ว่าเป็นแค่ข้อความ เราก็ยังไม่ได้หลักฐานเป็นภาพยืนยัน ซึ่งเราไม่สามารถตรวจสอบได้เลยว่ามันเป็นความจริงหรือเปล่าค่ะ”

สำหรับความผิดและโทษ ฝ่ายกฎหมายของเพจชื่อดังกล่าวว่า หากตรวจสอบแล้วว่านักศึกษาแพทย์ทำผิดจริง ก็จะมีเกี่ยวกับโทษเรื่องคดีของทารุณกรรมสัตว์และพยายามฉ้อโกง ส่วนเรื่องการปลอมแปลงเอกสารและการกรรโชกทรัพย์ ก็ขึ้นอยู่กับเจ้าทุกข์ว่าจะเข้าแจ้งความหรือไม่ ส่วนคดีฉ้อโกงของอีกบริษัทขนส่งหนึ่งก็ขึ้นอยู่กับว่าเจ้าทุกข์จะดำเนินการหรือไม่เช่นกัน เพราะเป็นคดีส่วนบุคคล ส่วนทางเพจ Watchdog ก็เข้าร้องเรียนให้มีการตรวจสอบเกี่ยวกับคดีทารุณกรรมครั้งก่อนอีกด้วย

เมื่อถามถึงประเด็นที่กำลังเป็นที่สนใจในโลกโซเชียลฯ ขณะนี้ ว่าหากผิดจริง เขาควรจะได้รับโอกาสในการเป็นแพทย์ในอนาคตหรือไม่ต่อ ซึ่งสัตวแพทย์หญิงก็ได้ให้คำตอบว่า ไม่เคยเจอเหตุการณ์ที่หวังผลประโยชน์จากสัตว์ที่น่ากลัวเท่านี้มาก่อน หากตรวจสอบแล้วว่าผิดจริง ก็ไม่สมควรให้เป็นแพทย์เพราะไม่รู้ว่าจะเจอเหตุการณ์ที่รุนแรงกว่านี้อีกหรือไม่ในอนาคต



สพ.ญ.อนงค์นาถ สุตธรรม ผู้ทำการผ่าพิสูจน์สุนัข

“ในความเห็นส่วนตัว เราต้องรอดู ตอนนี้เขายังไม่ออกมาให้รายละเอียดอะไรใดๆ เลย ก็ต้องรอให้แกออกมาให้รายละเอียดว่าสิ่งที่ทำคือยังไง แล้วทำผิดจริงมั้ย ถ้าเกิดเป็นการกระทำผิดจริงๆ นะคะ ก็เห็นสมควรว่าไม่สมควรที่จะเป็นคุณหมอต่อ เพราะว่ามันน่ากลัวค่ะ ต้องบอกว่าเราไม่เคยเจอเหตุการณ์ที่มันสะเทือนจิตใจ แล้วก็เราไม่รู้ว่าเหตุการณ์ข้างหน้ามันอาจจะรุนแรงกว่านี้ก็ได้

เรายังไม่เคยเจอการคิดที่ซับซ้อนหรือการฆ่าเพื่อที่จะหวังผลประโยชน์จากสัตว์แบบนี้ ส่วนมากการที่หวังผลประโยชน์จากสัตว์เขาจะไม่ฆ่า เขาจะเลี้ยงไข้ไปเรื่อยๆ หรือว่าเอาหมาป่วยมาเรี่ยไรหากิน เอามาขอทาน แต่เราไม่เคยเจอการฆ่าเพื่อแบบนี้ แล้วเป็นการคิดที่ซับซ้อน มีการตระเตรียม มีการตรวจร่างกายมาก่อน หรือมีการปลอมแปลงเอกสาร ถ้าเกิดคุณหมอไม่ได้ผ่าชันสูตร คดีนี้คงไม่เกิดขึ้นเหมือนกัน”

แม่ยังย้ำ! "ลูกรักสัตว์" ไม่น่าฆ่าหมา

เมื่อเรื่องราวนี้เผยแพร่ออกไปในสังคมแล้ว นอกจากตัวนักศึกษาแพทย์ที่ถูกกล่าวหาแล้ว แน่นนอนว่าผู้คนย่อมพุ่งเป้าไปยังบุคคลใกล้ชิด เพื่อสอบถามถึงสาเหตุหรือแรงจูงใจอะไรที่ทำให้เขากระทำการเช่นนี้ลงไป

ทางด้านของครอบครัว พี่ชายฝาแฝดของเขาเป็นผู้ให้สัมภาษณ์ผ่านรายการ “ทุบโต๊ะข่าว” ว่าครอบครัวทราบเรื่องแล้ว ครอบครัวเครียดเหมือนกัน ตัวพี่ชายเองเรียนจบและหมอแล้ว ส่วนน้องกำลังเรียนอยู่ ไม่ทราบมูลเหตุว่าเกิดอะไรขึ้น รอทางคณะแพทย์จะแถลงข่าว ส่วนแม่ของนักศึกษาแพทย์คนดังกล่าวก็เผยว่า ไม่ขอแสดงความคิดเห็นต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ที่บ้านก็เลี้ยงสุนัขและลูกๆ ก็รักสัตว์ อีกทั้งครอบครัวก็มีฐานะ ลูกคงไม่มีปัญหาทางการเงิน

“คุยกันบ้างแต่ว่าไม่เยอะ น้องไม่ได้พูดอะไร ครอบครัวรู้บางส่วนครับ รู้เท่าที่สื่อนำเสนอ น้องยังไม่ตอบ รอแถลงข่าว ครอบครัวเครียด น้องก็เครียด ไม่ให้สัมภาษณ์อีก ทุกคนต้องทำงาน ถึงจะเป็นแฝดแต่ไม่มีผลกระทบเพราะหน้าไม่ได้เหมือนมาก” พี่ชายฝาแฝดกล่าว



นอกจากนี้ ยังมีข้อมูลจากทางรุ่นพี่ร่วมคณะที่ออกมาเปิดเผยว่า เดิมทีนักศึกษาแพทย์คนนี้ก็มีพฤติกรรมปกติ แต่พอเรียนถึงปีที่ 6 ก็ตรวจพบว่ามีอาการทางจิต ไม่สามารถควบคุมอารมณ์ของตนเองได้ ทางคณะจึงแจ้งให้พักการเรียนเพื่อไปรักษาตัวก่อน ทำให้เขายังเรียนไม่จบ ในขณะที่เพื่อนร่วมชั้นเรียนจบกันหมดแล้ว

ความเคลื่อนไหวจากทางมหาวิทยาลัยที่เขาศึกษาอยู่นั้น ศ.นพ.ประสิทธิ์ วัฒนาภา คณบดีคณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล กล่าวถึงเรื่องนี้ว่า ศิริราชจะเชิญนักศึกษาคนดังกล่าว พร้อมพ่อแม่มาให้ข้อมูลในวันที่ 11 ก.ย. นี้ ว่า ข้อเท็จจริงเป็นอย่างไร เพราะต้องสอบถามข้อมูลทางฝ่ายเจ้าตัวด้วยเพื่อความเป็นธรรมและให้ได้ข้อมูลรอบด้าน รวมถึงอยากทำความรู้จักกับนักศึกษาคนนี้ว่า จริงๆ เป็นคนอย่างไร โดยเมื่อได้ข้อมูลแล้ว ศิริราชจะแถลงข่าวต่อสื่อมวลชนโดยเร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ โดยจะสอบสวนด้วยตัวเองซึ่งหากพบว่า กระทำผิดจริงก็จะต้องถูกลงโทษขั้นสูงสุด เพราะถือว่าผิดจรรยาบรรณ

"ขณะนี้ต้องขอเวลาในการตรวจสอบก่อน ต้องสอบถามทั้งพ่อแม่และตัวนักศึกษาด้วย ซึ่งเป็นกระบวนการในการตรวจสอบอยู่แล้ว หลังจากนั้นจะแถลงให้ผู้สื่อข่าวทราบอย่างแน่นอน ส่วนวันไหนเราจะแจ้งให้ทราบโดยเร็วที่สุด และหากพบว่ามีการกระทำผิดจริง คณะแพทยศาสตร์ศิริราชฯ ไม่ปกป้องคนผิดอย่างแน่นอน” ศ.นพ.ประสิทธิ์ กล่าว


ส่วน ศ.นพ.สมศักดิ์ โล่ห์เลขา กรรมการแพทยสภา กล่าวถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นว่า นักศึกษาแพทย์รายนี้ยังไม่ได้อยู่ในความดูแลของแพทยสภา ในกรณีนี้จะต้องขึ้นอยู่กับทางสถานศึกษาเป็นหลักว่าจะลงโทษอย่างไร แต่ในความคิดเห็นส่วนตัว หากมีคนฟ้องนักศึกษาแพทย์รายนี้ ก็จะเข้าข่ายผิดในด้านจริยธรรมจรรยาบรรณในวิชาชีพ ส่งผลให้ไม่สามารถสมัครเป็นแพทย์ได้ แต่ต่อให้ไม่มีผู้ฟ้องก็อาจจะต้องมีการไปตรวจปัญหาทางด้านสุขภาพจิต เพราะหากมีปัญหาก็จะไม่สามารถเป็นหมอได้เช่นกัน เนื่องจากหากปล่อยให้คนมีปัญหาทางสุขภาพจิตไปดูแลคนไข้ ก็อาจจะเป็นอันตรายต่อคนไข้ได้

ไม่ใช่ครั้งแรก! ลูกไม้ "วางยา"

สำหรับจุดเริ่มต้นของเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนั้น เริ่มจากการที่มีสัตวแพทย์คนหนึ่ง บอกเล่าเรื่องราวอันน่าตกตะลึงผ่านเฟซบุ๊กของตนเอง ว่ามีนักศึกษาแพทย์จากมหาวิทยาลัยชื่อดัง ได้พาศพสุนัขมาให้สัตวแพทย์ที่โคราชชันสูตร ผลปรากฏว่า พบยา 2 ชนิดจำนวนมากในกระเพาะอาหาร มีลักษณะทรงรีสีเหลืองและสีชมพู ซึ่งสีชมพูพบตกอยู่ในกระเป๋าที่ใส่สุนัขมาโรงพยาบาล

จากการตรวจสอบพบว่าเป็นยาลดความดันที่ใช้ในคน ส่วนเม็ดสีเหลืองยังไม่ได้ทราบชนิดของยา กลายเป็นสาเหตุของการตายคือสุนัขได้รับยาเกินขนาด แต่นักศึกษาแพทย์คนดังกล่าวกลับขอให้สัตว์แพทย์เขียนว่าไม่พบสาเหตุการตาย เพื่อเรียกร้องเงินประกัน 5 หมื่นบาทจากบริษัทรับจ้างขนส่งสัตว์เลี้ยงที่เจ้าตัวใช้บริการให้พาสุนัขจากกรุงเทพฯ ไปโคราช



แต่หลังจากที่เรื่องนี้แพร่สะพัดออกไปทางโลกออนไลน์ ก็มีคนเข้าให้ข้อมูลเพิ่มมาขึ้น ทำให้ทราบว่ามีนักศึกษาแพทย์คนดังกล่าว เคยทำแบบนี้กับโรงพยาบาลสัตว์อื่นๆ ด้วยเช่นกัน คือบริษัทที่เคยให้บริการขนส่งสัตว์เลี้ยงของนักศึกษาแพทย์ก่อนหน้านี้ เมื่อวันที่ 31 ก.ค. ซึ่งผู้ว่าจ้างพูดคุยแต่เรื่องประกัน โดยตกลงกันว่าจะขนส่งสุนัขจากกรุงเทพฯ ไปยังโรงพยาบาลสัตว์แห่งหนึ่งในจังหวัดนครราชสีมา นัดรับสุนัขกันที่โรงแรมแห่งหนึ่ง

ในระหว่างเดินทางสุนัขมีอาการอ่อนเพลียให้เห็น เมื่อถึงที่หมายสุนัขก็ยังมีชีวิต แต่ไม่นานก็ได้รับแจ้งว่าสุนัขตายแล้ว และผู้ว่าจ้างยืนกรานจะให้บริษัทขนส่งรับผิดชอบ เช่นเดียวกับเหตุการณ์ล่าสุดที่เกิดขึ้น จนนำไปสู่การแจ้งความร้องทุกข์ร่วมกับตัวแทนกลุ่ม Watchdog Thailand ที่ สน.สุทธิสาร


ตัวแทนบริษัทขนส่งสุนัขเข้าแจ้งความที่ สน.สุทธิสาร

ณัฐนันท์ จีระวิวิทธ ตัวแทนบริษัทขนส่ง H.S.K.Express ซึ่งรับขนส่งสุนัขพันธุ์ปอมเมอเรเนียนตัวแรกจากนักศึกษาแพทย์ กล่าวว่า แม้บริษัทของตนจะไม่ต้องชดใช้เงินประกันเนื่องจากสุนัขไม่ได้เสียชีวิตระหว่างทาง แต่ต้องการแจ้งความเพื่อให้เป็นกรณีตัวอย่างต่อสังคม ซึ่งยอมรับว่าหลังเกิดเหตุทำให้ต้องเข้มงวดต่อการรับขนส่งสัตว์เลี้ยงมากขึ้นกว่าเดิมและหวังว่าจะไม่เกิดเหตุการณ์เช่นนี้อีกในอนาคต ส่วนอีกคดีที่ทำให้เรื่องนี้ถูกเปิดเผยที่เกิดขึ้นใน จ.นครราชสีมา เจ้าหน้าที่ปศุสัตว์ก็เข้าดำเนินการร้องทุกข์กล่าวโทษต่อพนักงานสอบสวน สภ.โพธิ์กลาง นครราชสีมา เป็นที่เรียบร้อยเช่นกัน

อย่างไรก็ตาม หลังจากสอบสวนพยานและเก็บรวบรวมพยานหลักฐานแล้ว คาดว่าจะสามารถออกหมายเรียกตัวนักศึกษาแพทย์มาให้ปากคำต่อไป รวมถึงคำตัดสินจากคณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล ที่นักศึกษาแพทย์ผู้นี้ศึกษาอยู่ จะออกมาในรูปใด คาดว่าจะได้คำตอบในเร็ววันนี้

10 ก.ย. 2560
MGR Online

story

  • Staff
  • Hero Member
  • ****
  • กระทู้: 9745
    • ดูรายละเอียด
ไม่ใช่แค่หมาปอม 2 ตัว! พบพฤติกรรมสุดแสบ นักศึกษาแพทยศิริราชชั้นปีที่ 6 พบมีทั้งเตรียมสังหารกระต่ายนับสิบ แต่ไม่สำเร็จ แถมยังโวยวายโรงแรมเรียกเงิน 3 หมื่น อ้างหูฟังหาย

จากกรณีที่ นายสัตวแพทย์ จักรินทร์ เรียงเงิน สัตวแพทย์ประจำโรงพยาบาลสัตว์ เซ็นเตอร์ เพ็ท จ.นครราชสีมา ได้ออกมาแฉถึงพฤติกรรมของนายภัทรพงศ์ ทรงทรัพย์กุล นักศึกษาแพทย์ชั้นปีที่ 6 คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล ที่วางยาสุนัขให้เสียชีวิตเพื่อหวังเงินประกัน ทำเอาสังคมให้ความสนใจเรื่องนี้อย่างกว้างขวาง MGR Online จึงขอไล่เรียงพฤติกรรมนักศึกษาแพทย์ผู้เหี้ยมโหดรายนี้ เพื่อให้เห็นถึงความพยายามในการแสดงพฤติกรรมเพื่อหวังเคลมเงินประกันดังกล่าว

29 ก.ค. 2560 : ส่งกระต่าย 10 ตัว ขอทำประกันตัวละ 5 พัน

นายภัทรพงศ์ ได้ติดต่อบริษัทขนส่ง ฟินิกซ์ เอ็กซ์เพรส ในซอยจรัญสนิทวงศ์ 13 เพื่อให้ส่งกระต่าย 10 ตัว และขอทำประกันหากเสียชีวิตระหว่างขนส่ง ตัวละ 5,000 บาท รวม 50,000 บาท แต่บริษัทขนส่งปฏิเสธ

31 ก.ค. 2560 : หมาปอมเมอเรเนียนตายตัวแรก ร้องชดใช้เงิน 4 หมื่น

เริ่มจากวันที่ 30 ก.ค. นายภัทรพงศ์ ขอซื้อสุนัขปอมเปอเรเนียน อายุ 3-4 เดือน จากร้านมินโซปอม ซึ่งมีนายเจษฎา กุลโสภณ อายุ 27 ปี เป็นเจ้าของ ก่อนจะได้สุนัขเพศผู้ อายุ 7 เดือน ตกลงราคา 7,500 บาท ก่อนจะว่าจ้างบริษัทขนส่ง HSK Express ให้ส่งสุนัขไปฝากไว้ที่โรงพยาบาลสัตว์บ้านหมอต้น จ.นครราชสีมา 2 วัน อ้างว่าอยากเซอร์ไพร์สแฟนสาว เสียค่าขนส่ง 6,500 บาท พร้อมกับขอทำประกันอุบัติเหตุเพิ่ม 4,000 บาท โดยอ้างว่าซื้อสุนัขในราคา 40,000 บาท หากเสียชีวิตจะชดใช้เต็มจำนวน

วันที่ 31 ก.ค. นายภัทรพงศ์นัดส่งมอบสุนัขที่ศูนย์การค้าเจเจ มอลล์ ย่านสวนจตุจักร ก่อนที่จะนัดบริษัทขนส่งให้มารับนายภัทรพงศ์ และสุนัขที่โรงแรมในซอยลาดพร้าว 18 คนขับรถสังเกตเห็นสุนัขมีอาการอ่อนเพลีย จึงนำกลูโคสผสมน้ำให้ดื่มเป็นระยะ เมื่อถึงโรงพยาบาลสัตว์บ้านหมอต้น คนขับรถจึงเดินทางกลับทันที 1 ชั่วโมงต่อมา นายภัทรพงศ์ โทรศัพท์แจ้งว่าสุนัขตายแล้ว คนขับรถจึงขับรถกลับไปดู นายภัทรพงศ์เรียกร้องให้ชดใช้เงิน 40,000 บาท แต่คนขับรถไม่ยอมเพราะไม่ได้เสียชีวิตระหว่างทาง ส่วนโรงพยาบาลสัตว์บ้านหมอต้นระบุว่า ไม่ได้เป็นสาเหตุที่ทำให้สุนัขตาย

สุดท้าย โรงพยาบาลสัตว์บ้านหมอต้น จ่ายเงินให้นายภัทรพงศ์ 2,000 บาทเพื่อช่วยเหลือ เรื่องจึงจบลง ภายหลัง เจ้าของบริษัท HSK Express ทราบจากน้องชาย ซึ่งเป็นเจ้าของบริษัท ฟินิกซ์ เอ็กซ์เพรส ว่านายภัทรพงศ์เคยว่าจ้างให้ส่งกระต่าย 10 ตัวพร้อมทำประกัน แต่ได้ปฏิเสธ

4 ก.ย. 2560 : โวยวายหูฟังแพงหายที่โรงแรม ร้องชดใช้เงิน 3 หมื่น

ผ่านไป 1 เดือน 31 ส.ค. นายภัทรพงศ์ ติดต่อร้านมินโซปอมอีกครั้ง ขอซื้อสุนัขแบบเดิม อ้างว่าจะเอาไปเป็นเพื่อนเล่น จึงจัดหาสุนัขพันธุ์ปอมเมอเรเนียน เพศผู้ อายุ 7 เดือน ลดราคาเหลือ 6,500 บาท

4 ก.ย. นายภัทรพงศ์นัดส่งสุนัขที่ศูนย์การค้าเจเจ มอลล์ ย่านสวนจตุจักร ก่อนพาสุนัขมาเข้าพักที่โรงแรมแห่งหนึ่งย่านพหลโยธิน สะพานควาย ก่อนจะเช็กอิน นายภัทรพงศ์ได้กล่าวอ้างว่าตนมีหูฟังราคาแพง 30,000 บาท สักพักเมื่อเข้าห้องพักก็ออกไปข้างนอก พอกลับมาสักพัก เวลา 20.30 น. ก็โวยวายกับทางโรงแรมว่า หูฟังหายไปไหน พร้อมเรียกร้องให้ชดใช้เงิน 30,000 บาทก่อน แต่พนักงานโรงแรมปฏิเสธ เพราะตามระเบียบถ้ามีสิ่งของมีค่าต้องใส่ตู้เซฟ ไม่ใช่วางแล้วโดนขโมย และพนักงานทุกคนยืนยันว่าไม่มีใครเข้าห้อง จึงเงียบไป แต่ได้เฝ้าพฤติกรรมของแขกรายนี้เพราะมีพิรุธ

5 ก.ย. เวลา 11.00 น. นายภัทรพงศ์ได้เช็กเอาท์ออกจากโรงแรม ก่อนจะพยายามเดินออกไป แม่บ้านพบปัสสาวะ อุจจาระสุนัข และเศษยาเปื้อนบนที่นอน เจ้าหน้าที่วิ่งตามเพื่อให้จ่ายค่าปรับ 2,000 บาท เป็นค่าเสียหายฐานทำห้องสกปรก แต่นายภัทรพงศ์ไม่จ่ายเงิน นอกจากนี้เมื่อตรวจสอบกล้องวงจรปิด พบว่านายภัทรพงศ์ปล่อยสุนัขร่วงลงกับพื้น สุนัขไม่รู้ประสีประสา และพยายามจะเดินหนี

5 ก.ย. 2560 : วางยาหมาปอมเมอเรเนียนตัวที่สองตาย ร้องชดใช้เงิน 5 หมื่น

นายภัทรพงศ์ได้ว่าจ้างบริษัท ฮักมูฟวิ่ง จำกัด ให้ขนส่งสุนัขจากกรุงเทพฯ ไปยัง จ.นครราชสีมา ออกเดินทางจากย่านสะพานควาย เวลาประมาณ 11.00 น. มีนายไพโรจน์ สมศรี อายุ 41 ปีเป็นคนขับ นายภัทรพงศ์อ้างว่าจะนำสุนัขไปส่งให้แฟนเป็นของขวัญเซอร์ไพร์สเพื่อขอแต่งงาน ก่อนออกรถ สังเกตว่ามีการป้อนยาเม็ดให้ โดยบอกว่าเป็นยาแก้เมารถ จากนั้นเมื่อไปตามเส้นทางถนนสีคิ้ว-อุบลราชธานี ได้จอดรถที่ปั้ม ปตท. ก่อนถึงสี่แยกปักธงชัย จ.นครราชสีมา นายภัทรพงศ์ได้วานให้คนขับรถหยิบกระเป๋ายา ก่อนหายไปประมาณ 20 นาที

เมื่อนายภัทรพงศ์ขึ้นรถ จึงเดินทางต่อไปยังปลายทางที่ตลาดแห่งหนึ่งใน อ.โชคชัย พอถึงที่หมายแล้วเปิดกระเป๋านำสุนัขออกมาจึงพบว่าตัวแข็ง ในตอนเย็นจึงรีบขับรถย้อนกลับไปส่งโรงพยาบาลสัตว์เซ็นเตอร์ เพ็ท ถนนสาย 304 นครราชสีมา-กบินทร์บุรี จ.นครราชสีมา โดยมีสัตวแพทย์หญิงอนงค์นาถ สุตธรรม เจ้าของโรงพยาบาลสัตว์ เป็นผู้ทำการรักษา แต่เมื่อนายภัทรพงศ์เปิดกระเป๋าสุนัข พบว่าสุนัขตายแล้ว นายภัทรพงศ์ได้เดินไปคุยกับคนขับรถให้ชดใช้เงิน 50,000 บาท แต่คนขับรถยืนยันว่าสุนัขยังแข็งแรงดีทุกอย่าง

สุดท้าย คนขับรถจึงคืนเงินค่าทำประกันชีวิต 2,000 บาท และแจ้งให้ สัตวแพทย์หญิงอนงค์นาถ ผ่าซากสุนัขเพื่อตรวจสอบสาเหตุการตาย พบคราบสีชมพูในซอกฟัน ในกระเพาะอาหารสุนัขพบยาเม็ดสีขาวกว่า 10 เม็ด และยาลดความดันที่ใช้กับคน เม็ดสีเหลือง 3-4 เม็ด นายภัทรพงศ์โทรศัพท์แจ้งว่า ป้อนวิตามินเข้าไป ทั้งๆ ที่วิตามินบำรุงสุนัขส่วนใหญ่เป็นแบบเม็ดเคี้ยว กลิ่นนม ตับ ไก่ เมื่อสัตวแพทย์หญิงอนงค์นาถ ถามหาขวดวิตามินที่ซื้อเพื่อเขียนในใบชันสูตร ก็ได้รับคำตอบว่าทิ้งไปแล้ว ก่อนจะขอร้องให้เขียนในใบชันสูตรว่าว่าไม่พบสาเหตุ แต่ได้ปฏิเสธ

6 ก.ย. 2560 : ปลอมเอกสารใบชันสูตร ร้องชดใช้เงิน 5 หมื่น บริษัทขนส่ง-โรงพยาบาลสัตว์

วันที่ 6 ก.ย. นายภัทรพงศ์โทรศัพท์ขอไฟล์ใบชันสูตรแต่เช้า จึงส่งไปให้ทางไลน์เวลา 08.00 น. จากนั้นเวลา 16.00 น. นายภัทรพงศ์โทรศัพท์มาที่โรงพยาบาลสัตว์ แจ้งชื่อยาที่เห็นเป็นเม็ดสีขาวชื่อว่ากลูตามีน อ้างว่าโรงพยาบาลสัตว์ที่กรุงเทพฯ จ่ายให้มาเพราะสุนัขเป็นโรคข้อ เมื่อถามถึงยาสีเหลืองจึงตอบว่าคงเป็นยาแก้เมารถ เมื่อกล่าวถึงความผิดปกติของยาที่ป้อน นายภัทรพงศ์เงียบ จึงรบกวนขอใบรับรองแพทย์ที่จ่ายยามาให้ด้วย เพื่อเขียนในใบชันสูตรเพิ่ม จากนั้นบริษัทขนส่งสอบถามพฤติกรรม แต่ไม่สามารถออกความเห็นได้ จึงได้ไปลงบันทึกประจำวันที่ สภ.โพธิ์กลาง

จากนั้นพบว่า นายภัทรพงศ์โทรศัพท์ไปที่โรงพยาบาลสัตว์ที่กรุงเทพฯ ให้สัตวแพทย์เขียนใบรับรองว่ามีการจ่ายยาตัวนี้ มาให้กับสุนัข แต่ได้รับการปฏิเสธ พร้อมกับเรียกร้องเงินกับโรงพยาบาลสัตว์ที่กรุงเทพฯ ว่าตรวจยังไงถึงตายระหว่างทาง พร้อมเรียกร้องเงินอีก 50,000 บาท นอกจากนี้ยัพบว่า นายภัทรพงศ์ได้ปลอมใบชันสูตรที่ทางโรงพยาบาลส่งให้ โดยเติมแต่งข้อความในส่วนความเห็นของแพทย์ผู้ตรวจ เพื่อทำเรื่องขอรับเงินประกัน 50,000 บาทจากบริษัทขนส่งอีกด้วย

หลังเป็นข่าวออกไป นายภัทรพงศ์ได้ปิดเฟซบุ๊กส่วนตัว และติดต่อไม่ได้ ขณะนี้นายภัทรพงศ์มีคดีติดตัวอยู่ 2 คดี คือ คดีที่ตัวแทนจากปศุสัตว์จังหวัดนครราชสีมา แจ้งความไว้ที่ สภ.โพธิ์กลาง จ.นครราชสีมา ในข้อหาทารุณกรรมสัตว์โดยไม่มีเหตุอันควร กับ กลุ่มวอซด็อกไทยแลนด์ และบริษัท HSK Express แจ้งความไว้ที่ สน.สุทธิสาร ในข้อหาข้อหาพยายามฉ้อโกง และทารุณกรรมสัตว์เช่นกัน

11 ก.ย. 2560
https://mgronline.com/onlinesection/detail/9600000093005

story

  • Staff
  • Hero Member
  • ****
  • กระทู้: 9745
    • ดูรายละเอียด
ศูนย์ข่าวนครราชสีมา- หวังเป็นอุทาหรณ์เตือนสังคม สัตวแพทย์ รพ.สัตว์โคราชแฉพฤติกรรมอำมหิต นศ.แพทย์ป้อนยาฆ่าสุนัขตัวเองเพื่อเอาเงินประกันจากบริษัทขนส่งสัตว์เลี้ยง 50,000 บาท เผยผลผ่าพิสูจน์พบยาลดความดันอัดเต็มกระเพาะกว่า 10 เม็ด สุดแสบถูกจับได้ไม่ยอมรับ ตะแบงต่อเรียกค่าเสียหายจาก รพ.สัตว์ต้นทางที่กรุงเทพฯ ซ้ำวางแผนมาอย่างดีอัพราคาสุนัข 6,000 บาทเป็น 50,000 บาท ผงะพบทำมาแล้วหลายครั้ง



จากกรณีที่มีผู้ใช้เฟซบุ๊กชื่อว่า Jakkarin Ringngoen ได้โพสต์เรื่องราวในโลกโซเชียลมีเดียวเกี่ยวกับพฤติกรรมของเจ้าของสุนัขรายหนึ่ง ซึ่งต่อมาทราบว่าเป็นนักศึกษาแพทย์ มหาวิทยาลัยชื่อดังแห่งหนึ่ง ได้ทำการว่า จ้างรถบริษัทขนส่งสัตว์เลี้ยง ให้นำสุนัขพันธุ์ปอมเมอเรเนียนเดินทางมาส่งให้กับตนเอง แต่ระหว่างทางสุนัขเกิดตายทำให้เจ้าของสุนัขเรียกร้องเงินค่าประกันกับทางบริษัทขนส่ง และได้นำสุนัขที่ตายไปตรวจหาสาเหตุที่โรงพยาบาลสัตว์แห่งหนึ่ง อ.เมือง จ.นครราชสีมา แต่เมื่อสัตวแพทย์ได้สอบถามข้อมูล และผ่าพิสูจน์ซากสุนัขกลับพบว่า มีเม็ดยาอยู่ภายในกระเพาะของสุนัขเป็นจำนวนกว่า 10 เม็ด ซึ่งคาดว่าสุนัขน่าจะถูกวางยาโดยเจ้าของสุนัขเพื่อเรียกค่าประกันกับบริษัทขนส่ง จนกลายเป็นกระแสวิพากษ์วิจารณ์กันอย่างกว้างขวางในโลกโซเชียลมีเดีย อยู่ขณะนี้ นั้น


ล่าสุด วันนี้ (8 ก.ย.60) ผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปที่โรงพยาบาลสัตว์เซ็นเตอร์เพ็ท ถนนทางหลวงหมายเลข 304 สายราชสีมา-กบินทร์บุรี ต.ปรุใหญ่ อ.เมือง จ.นครราชสีมา ซึ่งเป็นโรงพยาบาลสัตว์ที่ได้ผ่าพิสูจน์การตายของสุนัขตัวดังกล่าว โดยพบกับ สัตวแพทย์หญิง (สพ.ญ.)อนงค์นาถ สุตธรรม เจ้าของโรงพยาบาลสัตว์ ดังกล่าวและเป็นผู้ทำการผ่าพิสูจน์สุนัข

สัตวแพทย์หญิงอนงค์นาถ เปิดเผยว่า เมื่อช่วงเย็นวันที่ 5 กันยายนที่ผ่านมา ได้มีลูกค้ารายหนึ่งโทรศัพท์เข้ามานัดว่าจะพาสุนัขมารักษา หลังจากนั้นประมาณ 30 นาที ลูกค้าก็เดินทางมาถึงโรงพยาบาลสัตว์ฯ พร้อมกับหิ้วประเป๋าที่มีสุนัขมาให้ตรวจดู แต่เมื่อตนเปิดดูพบว่าสุนัขได้ตายแล้ว จึงได้แจ้งให้เจ้าของสุนัขทราบว่าสุนัขตายแล้วก่อนที่จะมาถึงโรงพยาบาล จากนั้นเจ้าของสุนัขไปพูดคุยกับคนขับรถบริษัทขนส่งเพื่อให้รับผิดชอบต่อการตายของสุนัขในครั้งนี้ ซึ่งคนขับรถยืนยันว่าก่อนหน้านั้นสุนัขยังแข็งแรงแจ่มใสวิ่งเล่นไปมาตลอดเวลา ทำให้แปลกใจว่าเหตุใดสุนัขถึงตายได้เร็วขนาดนี้

ต่อมาบริษัทขนส่งดังกล่าว จึงแจ้งให้ตนทำการผ่าซากสุนัขเพื่อตรวจสอบดูสาเหตุการตาย ซึ่งเมื่อผ่าสุนัข พบเห็นเม็ดยาจำนวนมากอยู่ภายในกระเพาะของสุนัข เป็นเม็ดยาสีขาวกว่า10 เม็ด และเป็นเม็ดยาสีเหลือง 3-4 เม็ด โดยยาเม็ดสีเหลืองเป็นยาลดความดันที่ใช้กับคน ตนจึงเกิดความสงสัย และสอบถามกับเจ้าของสุนัข ซึ่งเจ้าของสุนัขบอกว่า เป็นยาของตัวเอง ซึ่งยังพบว่า มีเม็ดยาสีเหลืองแบบเดียวกันตกอยู่ภายในกระเป๋าที่ใส่สุนัขมาด้วย

จากนั้นตนจึงได้สอบถามว่าใครป้อนยาให้กับสุนัข คนขับรถส่งของบอกว่าเห็นเจ้าของป้อนยาให้ และทางเจ้าของสุนัขแจ้งว่าได้ป้อนยาวิตามินให้สุนัข แต่ตนตรวจสอบแล้วไม่น่าจะใช่ยาวิตามินของสัตว์อย่างแน่นอน เพราะส่วนใหญ่วิตามินของสุนัขจะเป็นรสตับ รสนม ที่ชวนให้สุนัขอยากกิน และยาวิตามินของสุนัขที่มีน้ำหนักประมาณ 2 กิโลกรัม ก็ไม่น่าจะป้อนจำนวนมากถึง 10 เม็ด อีกทั้งยังพบยาเม็ดสีเหลืองที่เป็นยาลดความดันของคนรวมอยู่ในกระเพาะสุนัขด้วย

ต่อมาตนได้ไปขอลงบันทึกประจำวันถึงผลการผ่าชันสูตรซากสุนัขไว้แล้วที่ สภ.โพธิ์กลาง เพื่อเป็นหลักฐาน

สัตวแพทย์หญิงอนงค์นาถ เปิดเผยอีกว่า ส่วนการที่ตนตั้งข้อสังเกตว่า น่าจะเป็นการจงใจฆ่าสุนัขเพื่อหวังเงินประกันเป็นเพราะว่าทางเจ้าของสุนัขพยายามขอให้เขียนผลการผ่าชันสูตรว่าไม่พบสาเหตุการตาย และ ได้มีการแก้ไขใบผ่าชันสูตรสุนัขของตน รวมทั้งได้ทราบจากทางพ่อค้าที่ขายสุนัขให้กับเจ้าของสุนัขคนดังกล่าวว่า ขายสุนัขตัวที่ตายให้ในราคา 6,500 บาท แต่เจ้าของสุนัขได้โทรศัพท์แจ้งขอร้องไปยังพ่อค้าที่ขายสุนัขให้เขียนใบเสร็จซื้อขายราคาสุนัขในราคา 50,000 บาท เพื่อไปเรียกเงินประกันจากบริษัทขนส่งสัตว์เลี้ยง 50,000 บาท

นอกจากนี้ยังมีเพื่อนสัตวแพทย์ที่อยู่โรงพยาบาลสัตว์อีกแห่งในจังหวัดนครราชสีมาแจ้งกับตนว่า เคยเกิดเหตุการณ์คล้ายกับแบบนี้มาแล้วครั้งหนึ่ง เมื่อช่วงต้นเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา แต่ไม่ได้มีการผ่าซากสุนัขจึงทำให้ไม่ทราบสาเหตุการตาย และเพื่อนสัตวแพทย์คนดังกล่าวได้ส่งรูปเจ้าของสุนัขมาให้ตนดูพบว่าเป็นเจ้าของคนเดียวกัน

ตนจึงมั่นใจว่าน่าจะเป็นการจงใจฆ่าสุนัขเพื่อหวังเงินค่าประกันในการขนส่งอย่างแน่นอน ซึ่งหลังเกิดเหตุการณ์ดังกล่าวทำให้เจ้าของสุนัขตกลงที่จะไม่เรียกค่าประกันกับทางบริษัทขนส่งแล้ว แต่ทราบว่าพยายามไปเรียกร้องเงินกับโรงพยาบาลสัตว์ต้นทางที่กรุงเทพ ว่า ตรวจน้องยังไง ทำไมน้องหมาถึงตายระหว่างทางได้ พร้อมเรียกร้องเงินอีก 50,000 บาท

ตนจึงนำเรื่องราวดังกล่าวมาเป็นอุทาหรณ์ว่าปัจจุบันยังคงมีพฤติกรรมแบบนี้อยู่ในสังคม

8 ก.ย. 2560
MGR Online