ผู้เขียน หัวข้อ: ตั้งประธานสอบวินัยร้ายแรง ขรก.สธ.ลวนลามสาวแล้ว ย้ำเสร็จใน ก.ย.นี้แน่  (อ่าน 829 ครั้ง)

story

  • Staff
  • Hero Member
  • ****
  • กระทู้: 9745
    • ดูรายละเอียด
 ปลัด สธ. เผยตั้งประธานสอบวินัยร้ายแรง “ข้าราชการ” คุกคามทางเพศแล้ว ย้ำดำเนินการรวดเร็วที่สุด ภายใน ก.ย. นี้ ก่อนเกษียณแน่นอน ระบุ 120 วันเป้นกรอบระยะเวลาตาม ก.พ. กำหนด

วันนี้ (24 ส.ค.) นพ.โสภณ เมฆธน ปลัดกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กล่าวถึงการตั้งคณะกรรมการสอบสวนวินัยร้ายแรง ข้าราชการมีพฤติกรรมคุกคามทางเพศ และตั้งคณะกรรมการสอบสวนวินัยไม่ร้ายแรงกับผู้บังคับบัญชาชั้นต้นที่ถูกพาดพิง ว่า ขณะนี้ สธ. ได้ตั้งคณะกรรมการสอบสวนทางวินัย โดยมี นพ.พิศิษฐ์ ศรีประเสริฐ ผู้ตรวจราชการ สธ. เขต 5 เป็นประธาน แล้วทั้งชุดวินัยร้ายแรงและไม่ร้ายแรง ซึ่ง นพ.ปิยะสกล สกลสัตยาทร รมว.สาธารณสุข ได้กำชับให้ดำเนินการสอบสวนทางวินัยให้เสร็จสิ้นโดยเร็วที่สุด เพราะอยู่ในความสนใจของสังคม เพื่อให้เกิดความเป็นธรรมกับผู้เสียหาย ขณะเดียวกัน ก็ไม่กระทบสิทธิของผู้ถูกกล่าวหา

“ขอให้ทุกฝ่ายมั่นใจในการดำเนินการ เมื่อคณะกรรมการได้รับคำสั่งแต่งตั้งแล้วจะรีบดำเนินการทันที เป็นไปตามขั้นตอนการสอบสวนทางวินัย อย่างโปร่งใส ไม่มีการช่วยเหลือคนผิดอย่างแน่นอน ในส่วนของข้อกังวลว่าตั้งกรอบระยะเวลานานเกินไป จะเป็นการยืดเวลาหรือไม่นั้น จริงๆ ไม่ใช่ ขอย้ำว่า กรอบระยะเวลา 120 วันที่ตั้งไว้นั้นเป็นเพียงกรอบระยะเวลาของระบบราชการในการสอบสวนทางวินัย ซึ่งเป็นระเบียบของ ก.พ. ไม่ใช่ว่าต้องใช้เวลาถึง 4 เดือน เพราะเรื่องนี้ท่านรัฐมนตรีกำชับแล้วว่าต้องทำให้เร็วที่สุด แต่ต้องเป็นไปอย่างเป็นธรรมทั้งสองฝ่าย ซึ่งคาดว่าจะแล้วเสร็จภายใน ก.ย. นี้ ก่อนผมเกษียณอายุราชการแน่นอน” ปลัด สธ. กล่าว
ผู้สื่อข่าวถามว่า กรรมการสอบสวนวินัยต้องดึงคนนอกเข้าร่วมหรือไม่ นพ.โสภณ กล่าวว่า บุคลากรใน สธ. มีความรู้ความสามารถ และมีนิติกรไม่แพ้ที่อื่น ต้องถามว่าจะไม่ไว้ใจกันเลยหรืออย่างไร ขอให้รอผลการสอบสวนทางวินัยก่อน

เมื่อถามว่า สังคมจับตามองว่าผู้บังคับบัญชาที่ถูกสอบสวนวินัยไม่ร้ายแรงเป็นใคร เพราะหวั่นว่าอาจมีการช่วยเหลือกัน นพ.โสภณ กล่าวว่า ไม่มีการช่วยเหลือกันแน่นอน แต่ที่ไม่อยากเปิดเผยชื่อ เนื่องจากยังถือว่าเป็นผู้ถูกกล่าวหาก แต่ที่ตั้งสอบวินัยไม่ร้ายแรง เพราะคณะกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริงพบว่า ผู้บังคับบัญชาท่านนี้ ซึ่งเป็นระดับรอง ผอ.กอง นั้น ทราบเรื่องมาตลอด จึงต้องมีการสอบสวนว่าเท็จจริงเป็นอย่างไร ซึ่งก็ต้องรอผลสอบสวนกันก่อน เพื่อให้ทุกอย่างชัดเจนมากขึ้น

 24 ส.ค. 2560 16:41:00   โดย: MGR Online

story

  • Staff
  • Hero Member
  • ****
  • กระทู้: 9745
    • ดูรายละเอียด
นายแพทย์โสภณ เมฆธน ปลัดกระทรวงสาธารณสุข กล่าวถึงการสอบสวนทางวินัยกรณีข้าราชการมีพฤติกรรมคุกคามทางเพศ และผู้บังคับบัญชาชั้นต้นที่ถูกพาดพิง ว่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ได้กำชับให้ดำเนินการสอบสวนทางวินัยให้เสร็จสิ้นโดยเร็วที่สุด เพราะเป็นเรื่องที่อยู่ในความสนใจของสังคม เพื่อให้เกิดความเป็นธรรมกับผู้เสียหาย ขณะเดียวกัน ต้องไม่กระทบสิทธิของผู้ถูกกล่าวหา โดยกระทรวงสาธารณสุข ได้ตั้งคณะกรรมการสอบสวนทางวินัย มีนายแพทย์พิศิษฐ์ ศรีประเสริฐ ผู้ตรวจราชการกระทรวงสาธารณสุข เขต 5 เป็นประธาน เพื่อดำเนินการสอบสวนทางวินัยร้ายแรงกับข้าราชการผู้ถูกกล่าวหา และสอบสวนทางวินัยไม่ร้ายแรงกับผู้บังคับบัญชาชั้นต้น ตามกระบวนการที่กฎหมายกำหนดไว้อย่างเคร่งครัด

ทั้งนี้ ขอให้ทุกฝ่ายมั่นใจในการดำเนินการของกระทรวงสาธารณสุข เมื่อคณะกรรมการได้รับคำสั่งแต่งตั้งแล้วจะรีบดำเนินการทันที เป็นไปตามขั้นตอนการสอบสวนทางวินัย อย่างโปร่งใส ไม่มีการช่วยเหลือคนผิดอย่างแน่นอน

 24 ส.ค. 2560 14:53:00   โดย: MGR Online

story

  • Staff
  • Hero Member
  • ****
  • กระทู้: 9745
    • ดูรายละเอียด
ผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีเอ็นจีโอกังวลว่าจะไม่สามารถเอาผิดได้ นพ. ปิยะสกล กล่าวว่า อย่ากังวล ที่ผ่านมาก็มีการทำงานที่ชัดเจนและรวดเร็วพอสมควรแล้ว อีกทั้งข้อมูลที่ได้มาก็ยากที่จะเป็นไปตามที่เอ็นจีโอวิตก ความยุติธรรมมีเสมอในระบบราชการ เราไม่ช่วยเหลือคนผิดแน่นอน โดยเฉพาะใน สธ.
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นพ.โสภณ เมฆธน ปลัด สธ. มีคำสั่งย้ายผู้บังคับบัญชาที่ถูกตั้งสอบวินัยไม่ร้ายแรงจากกองกลาง ให้ไปอยู่กองยุทธศาสตร์และแผน เนื่องจากอาจไม่เหมาะที่อยู่ในกองเดียวกับผู้เสียหาย โดยให้มีผลตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป อย่างไรก็ตาม มีกระแสว่า ผู้บังคับบัญชาคนดังกล่าวไม่พอใจ และต้องการจะลาออก ซึ่งหากลาออกจริงจะมีผลในวันที่ 1 ต.ค. 2560 ทั้งนี้ ทางผู้บริหาร สธ.ต่างเห็นว่าเรื่องนี้ต้องจัดการให้ถูกต้อง และคำสั่งย้ายก็เป็นไปตามระเบียบ

25 ส.ค. 2560
https://mgronline.com/qol/detail/9600000087382

story

  • Staff
  • Hero Member
  • ****
  • กระทู้: 9745
    • ดูรายละเอียด
 ข้าราชการ สธ.ลวนลามสาว เข้ารับทราบคำสั่งตั้งสอบวินัยร้ายแรงแล้ว ด้านผู้บังคับบัญชาเพิกเฉยรับทราบคำสั่งสอบไม่ร้ายแรงแล้วเช่นกัน

วันนี้ (31 ส.ค.) นพ.สมศักดิ์ อรรฆศิลป์ รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กล่าวถึงความคืบหน้าการตั้งคณะกรรมการสอบสวนวินัยร้ายแรงข้าราชการที่ลวนลามลูกจ้างหญิงมาหลายปี ว่า ขณะนี้ได้เริ่มกระบวนการสอบสวนวินัยร้ายแรงผู้ถูกกล่าวหาแล้ว โดยผู้ถูกกล่าวหาได้เข้ามาเซ็นชื่อรับทราบคำสั่งการสอบสวนวินัยร้ายแรง เพื่อให้ทราบว่าจะมีการดำเนินการอย่างไรบ้าง เช่นเดียวกับผู้บังคับบัญชาที่เพิกเฉยต่อการตรวจสอบเรื่องลวนลามภายในกองนั้นและต้องถูกสอบสวนวินัยไม่ร้ายแรง ขณะนี้ก็รับทราบคำสั่งแล้วเช่นกัน และได้ถูกย้ายไปประจำอยู่กองอื่นแล้ว เพื่อไม่ให้เกิดผลกระทบกับผู้เสียหาย

เมื่อถามถึงกระแสผู้บังคับบัญชาคนดังกล่าวจะมีการลาออก นพ.สมศักดิ์ กล่าวว่า ขณะนี้ยังไม่ได้มีการลาออก และการสอบสวนวินัยไม่ร้ายแรง หากมีความผิดจริงโทษก็อยู่ที่ภาคทัณฑ์ ตัดเงินเดือน และลดเงินเดือน ซึ่งหาลาออกไปก็อาจจะจบกระบวนการสอบสวน เพราะโทษของวินัยไม่ร้ายแรงไม่ได้เกี่ยวข้องกับเรื่องของการให้ออก

31 ส.ค. 2560
https://mgronline.com/qol/detail/9600000089431

story

  • Staff
  • Hero Member
  • ****
  • กระทู้: 9745
    • ดูรายละเอียด
 ปลัด สธ.สั่งตรวจสอบคนล็อบบี้ลูกจ้างสาวถอนแจ้งความถูก "ข้าราชการ" ลวนลาม ติงสื่อบางสำนักบุกถึงที่ทำงานลูกจ้าง ขอเคารพความเป็นส่วนตัว ด้านเอ็นจีโอสตรีจี้ตรวจสอบคนล็อบบี้ ย้ำควรมีองค์กรกลางร่วมสอบสวนเพื่อความเป็นธรรม ป้องกันช่วยเหลือกันเอง

วันนี้ (16 ส.ค.) นพ.ปิยะสกล สกลสัตยาทร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กล่าวถึงความคืบหน้าการสอบสวนข้าราชการ สธ.ระดับหัวหน้างานที่ลวนลามลูกจ้างสาว 4 คน ตั้งแต่ปี 2557 - ปัจจุบัน ว่า ตนได้กำชับให้มีการตรวจสอบอย่างละเอียดและเป็นธรรม เพราะเป็นเรื่องที่ไม่น่าเกิดขึ้น หากผิดก็ต้องลงโทษให้เป็นกรณีตัวอย่าง เพราะตนไม่ชอบเรื่องพวกนี้ และจะติดตามอย่างใกล้ชิด ถือเป็นสิ่งที่ไม่ควรเกิดขึ้นไม่ว่าในส่วนราชการไหนก็ตาม ตอนนี้ปลัด สธ.ก็ดำเนินการตามขั้นตอน หากผิดก็ว่าไปตามผิด

นพ.โสภณ เมฆธน ปลัด สธ. กล่าวว่า ตนกำชับคณะกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริงไปแล้วให้ดำเนินการถึงที่สุด ส่วนคนที่เกี่ยวข้องอื่นๆ หากลูกจ้างมีการพาดพิงถึงก็ต้องตรวจสอบ รวมถึงหากมีใครไปขอให้ลูกจ้างถอนแจ้งความก็ต้องตรวจสอบว่า ข้อเท็จจริงเป็นอย่างไร ทั้งนี้ ขอยืนยันกับลูกจ้างสาวทั้งหมดว่า ไม่ต้องกังวลหรือกลัว ใครที่มีส่วนหรือละเลยไม่ช่วยเหลือตั้งแต่ต้นให้แจ้งมาได้เลย จะดำเนินการตรวจสอบและให้ความเป็นธรรมโดยเร็วที่สุด ส่วนการปกป้องคุ้มครองลูกจ้างได้กำชับไปแล้วว่า หากใครไปข่มขู่อีกให้รีบแจ้งมาทันที อย่างไรก็ตาม ที่อยากจะขอร้องอีกอย่างคือ สื่อมวลชนบางแห่งอยากให้เห็นใจลูกจ้างเหล่านี้ เพราะพวกเขาคือผู้ได้รับผลกระทบ หากเขาไม่ต้องการให้สัมภาษณ์ แม้จะปกปิดชื่อหน้าตา แต่เมื่อเขาต้องการเช่นนั้นก็ควรเคารพ ไม่ใช่เข้ามาบุกถึงสำนักงานฯ ซึ่งที่ผ่านมามีกรณีนี้เกิดขึ้นบุกเข้ามาโดยไม่ได้ขออนุญาต ซึ่งเป็นเรื่องไม่ควรเกิดขึ้น และต้องขอขอบคุณสื่อมวลชนอื่นๆ ที่เข้าใจสถานการณ์และนำเสนออย่างรอบด้านเสมอมา
นายจะเด็จ เชาวน์วิไล ผู้อำนวยการมูลนิธิหญิงชายก้าวไกล กล่าวว่า กรณีล็อบบี้ให้ยอมความเป็นเรื่องที่ตนห่วงมาตลอด เพราะมีอยู่บ่อยครั้งในเหตุการณ์ที่ผู้หญิงถูกคุกคามทางเพศ ปัญหาคือ สธ.เป็นหน่วยงานรัฐ ไม่ควรให้มีเหตุการณ์ลักษณะนี้ และทราบมาว่าปลัด สธ. ก็มีความเป็นห่วงเรื่องนี้มาก เพราะภาพที่ออกมาเป็นภาพชายดังกล่าวสวมชุดข้าราชการ กระทำอนาจารซึ่งทำให้เสื่อมเสียระบบ ขณะที่รัฐบาลก็ประกาศตลอดว่าข้าราชการต้องเป็นแบบอย่างที่ดี แต่สิ่งที่เกิดขึ้นกลับสวนทางกัน ดังนั้น ผู้บริหาร สธ.ต้องเดินหน้าเรื่องนี้ให้ถึงที่สุด และตรวจสอบให้ได้ข้อเท็จจริงว่า สรุปมีการล็อบบี้จริงหรือไม่ และหากจริง ใครที่เป็นผู้เข้าไปคุยกับลูกจ้างให้ถอนแจ้งความ สธ.ต้องจัดการให้โปร่งใสและเป็นธรรมที่สุด เพราะสังคมกำลังจับตาอยู่ว่าตกลงจะมีความเป็นกลางจริงหรือไม่

นายจะเด็จ กล่าวว่า ที่ผ่านมา ตนเคยเรียกร้องให้มีองค์กรที่เป็นกลางเข้าไปตรวจสอบกรณีเช่นนี้ด้วย อย่างหากตั้งคณะกรรมการสอบวินัย ก็ต้องดึงภาคส่วนต่างๆ เช่น กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) เป็นต้น เพราะมี พ.ร.บ.ความเสมอภาคระหว่างเพศ ต้องเอามาจัดการให้ได้ ดังนั้น คนที่จะมาสอบวินัยต้องโปร่งใสจริงๆ เพื่อไม่ให้เกิดข้อครหา เพราะหากเป็นคนในกระทรวง เป็นข้าราชการด้วยกัน จะรับประกันได้หรือไม่ว่าจะโปร่งใสและเป็นธรรมจริงๆ อย่างผู้บังคับบัญชาของข้าราชการชายคนนี้ จริงๆ ก็ต้องตรวจสอบด้วย เนื่องจากเรื่องเกิดตั้งแต่ปี 2557 ก็ต้องทราบเรื่องอยู่แล้ว แต่เพราะสาเหตุใดถึงไม่มีการตรวจสอบเรื่องนี้ ซึ่งไม่ต้องรอให้ลูกจ้างสาวพาดพิงถึง แต่โดยหน้าที่ต้องตรวจสอบ

"ขอย้ำว่าก่อนอื่นต้องตรวจสอบให้ได้ก่อนว่า มีคนล็อบบี้จริงหรือไม่ และหากจริงเป็นใคร รวมทั้งเรื่องนี้มีใครเกี่ยวข้อง และละเว้นการปฏิบัติหน้าที่หรือไม่อย่างไร เพราะนี่ไม่ใช่เรื่องเล็กๆ แต่เป็นเรื่องใหญ่ที่รัฐบาลก็ให้ความสำคัญในเรื่องความเป็นข้าราชการ ดังนั้น สธ.ต้องเอาผิดคนกระทำผิดให้ได้ เพื่อเป็นแบบอย่างว่าข้าราชการที่ผิดก็ต้องถูกลงโทษจะได้ไม่กล้าทำอีก ขณะที่ข้าราชการที่ดีก็มีการเชิดชู" นายจะเด็จ กล่าว

ผู้สื่อข่าวถามว่า คนมองว่าเหตุใดลูกจ้างสาวจึงเพิ่งมาแจ้งความ เพราะถูกกระทำมาตั้งแต่ปี 2557 นายจะเด็จ กล่าวว่า ต้องมองว่าผู้หญิงไม่เหมือนกับผู้ชาย และยิ่งเป็นลูกจ้าง ประกอบกับถูกข่มขู่ว่า อาจถูกไม่ต่อสัญญาจ้างด้วยแล้ว พวกเขามีภาระทางครอบครัว เป็นผู้หญิง รวมทั้งคนที่ทำเป็นข้าราชการ ซึ่งหญิงที่ถูกกระทำก็อาจกังวลได้ว่า หากร้องเรียนไปในระบบราชการจะมีการช่วยเหลือกันหรือไม่ และเรื่องเพิ่งจะมาปูดตอนนี้เพราะพวกผู้หญิงเขาทนไม่ได้แล้ว เราต้องคิดถึงใจเขาใจเราด้วย

 16 ส.ค. 2560
https://mgronline.com/qol/detail/9600000083774