ผู้เขียน หัวข้อ: ส่งยิ้ม เสริมสุขภาพ บรรเทาป่วย  (อ่าน 1150 ครั้ง)

pani

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 756
    • ดูรายละเอียด
ส่งยิ้ม เสริมสุขภาพ บรรเทาป่วย
« เมื่อ: 20 ธันวาคม 2011, 23:33:12 »
คุณอาจเคยสังเกตไหมว่า คนบางคนเพียงคุณเจอหน้าก็รู้สึกน่าคบหา และอยากสนทนาวิสาสะด้วย

เด็กเล็กบางคนถ้าใครๆ ได้เห็นหน้าก็อดที่จะสบตา หรือเล่นจ๊ะเอ๋ด้วยไม่ได้

นั่นเป็นเพราะอะไร?

ไม่ใช่เรื่องที่คิดไปเอง แต่เป็นเพราะคนเหล่านี้มีออร่าเชิงบวก ที่ดึงดูดใจผู้คนรอบข้าง และถ้าสังเกตให้ดีบุคคลเหล่านี้ก็มักมีนิสัยโอบอ้อมอารีย์ เป็นคนใจดี ไม่ค่อยเก็บกด ไม่ค่อยโกรธใคร ใช้ชีวิตชิวๆ ไปเรื่อยๆ

คนเรามีกายและจิต มีออร่าเป็นชั้นๆ ตำแหน่งของร่างกายที่เชื่อมต่อระหว่างกายกับจิต ก็คือ สมอง หัวใจ และใบหน้า สมองใช้คิดไล่เรียงเหตุผล หัวใจใช้รับรู้อารมณ์ แต่ทั้งสมองและหัวใจต้องอาศัยใบหน้าเป็นตัวรับส่งหรือเชื่อมต่อระหว่างกายกับจิต ภายนอกกับภายใน ระหว่างตัวเรากับผู้คนรอบข้าง

นั่นก็คือ การแสดงสีหน้าอารมณ์ของเราซึ่งไม่เพียงทำให้คนอื่นได้รับรู้อารมณ์ของเราเท่านั้น แต่ยังสื่อระหว่างกายเนื้อกับกายทิพย์หรือออร่าของเราเองด้วย เราอาจอาศัยการปรับใบหน้าของเราไปเปลี่ยนแปลงอารมณ์เชิงบวกหรือเชิงลบให้กับจิตใจของเราได้

คุณอาจเคยได้ยินคำถามเล่นๆ ว่า "วันนี้คุณยิ้มแล้วรึยัง?" ที่สนุกสนานไปกว่านั้น มีการพัฒนาศาสตร์สุขภาพที่เรียกว่า หัวเราะบำบัด ด้วยซ้ำไป

การแพทย์แผนไทย และการแพทย์มนุษยปรัชญา

พิจารณาลึกเข้าไปอีกนิด ต้องใช้การแพทย์แผนไทยและการแพทย์มนุษยปรัชญามาอธิบาย คอธรรมชาติบำบัดคอลัมน์นี้คงจำได้ว่า ผมเคยอธิบายเชิงเปรียบเทียบให้เข้าใจ 2 ศาสตร์นี้ไว้แล้วว่าจักรวาลทั้งหมด โลก ตัวเรา รวมทั้งสัตว์และพืช ล้วนประกอบขึ้นด้วยองค์ประกอบสี่ ดังนี้คือ :

- ส่วนของโครงสร้างทางกายภาพ (physical) มองในเชิงจักรวาลก็คือ โลก (earth) เริ่มต้นจากเป็นมวลสารของแร่ธาตุต่างๆ ซึ่งไม่มีชีวิต เปรียบเทียบกับแผนไทยได้คือ ธาตุดิน

- ส่วนของชีวิต (life) หรืออีเธอริกบอดี้ (etheric body) มองในเชิงจักรวาลก็คือ เมื่อโลกเย็นตัวลงสภาพแวดล้อมเหมาะสม ก็เริ่มมีชีวิต ชีวิตอย่างแรกก็คือพืช ซึ่งพืชจะมีได้ต้องมีน้ำหล่อเลี้ยง เปรียบเทียบแผนไทยคือ ธาตุน้ำ และน้ำก็คือชีวิต แต่ชีวิตตรงนี้ยังไม่มีจิตใจหรือวิญญาณ ต้องรอการประกอบเข้าของส่วนที่สาม

- ส่วนของสัญชาตญาณ (consciousness) หรือแอสทรอลบอดี้ (astral body) มองในเชิงจักรวาลคือ พอโลกมีพืชและมีสิ่งแวดล้อมอันเหมาะสมก็เกิดสิ่งมีชีวิตอีกชนิดหนึ่งคือสัตว์ ซึ่งมีสัญชาตญาณ เปรียบเทียบกับแผนไทยคือ ธาตุลม ลมคือการเคลื่อนไหว และสัตว์มีการเคลื่อนไหว ขณะที่พืชไม่เคลื่อนไหว (โดยเชิงเปรียบเทียบ)

- ส่วนของอัตตา (ego) เป็นภาพสะท้อนความเป็นตัวตนของแต่ละคน เป็นเจตนารมณ์อันอิสระ (free will) ซึ่งร่วมส่วนกับโครงสร้างทางกายภาพให้กลายเป็นตัวตนทางชีวภาพของคนเราโดยองค์รวม เปรียบเทียบกับแผนไทย คือ ธาตุไฟ คนใช้ธาตุไฟนี้ในการสร้างสรรค์สิ่งต่างๆ

เมื่อเราเข้าใจอย่างนี้แล้ว มามองตัวของเราเอง ซึ่งมีองค์ประกอบสี่ คือ กายภาพ (physical = ดิน), ชีวิต (etheric = น้ำ), สัญชาตญาณ (astral = ลม), อัตตา (ego = ไฟ) ในบรรดาองค์ประกอบสี่เหล่านี้องค์ประกอบที่ทำให้คนเรามีความเร่งรัดเคร่งเครียดสูง ก็คือ ธาตุไฟหรืออัตตาตัวตนของเรา รวมกับสัญชาตญาณของสัตว์หรือธาตุลม ที่ผลักดันให้เราเคลื่อนไหว ดิ้นรน ไขว่คว้า หาสิ่งต่างๆ มาเสริมเติมอัตตาของเรานั่นเอง

ใครที่เร่งรัด เคร่งเครียดมาก อัตตาสูง จะมีข้อดีคือมีพลังสร้างสรรค์เยอะ ชอบเร่งรัด พัฒนา

แต่ถ้ามีมากเกินไปก็เดือดร้อนแก่ผู้อื่น หรือเดือดร้อนแก่ตัวเอง กระทั่งตกอยู่ในสภาวะที่ไร้คุณธรรมอีกต่อไป

วิชาส่งยิ้ม แก่อวัยวะทั่วร่างกาย

ศาสตร์ว่าด้วยโอสถสรรพกิจบรรเทาป่วย โดย อาจารย์อัคนี นวรัตน แนะนำหลักของการ ส่งยิ้มส่งเสริมสุขภาพ และบรรเทาโรค ท่านกล่าวไว้ว่า

"รอยยิ้มอันบริสุทธิ์ส่งกระแสพลังแห่งความเมตตาปรานี ความเอื้ออาทร เห็นอกเห็นใจ ความรักและห่วงใย อันเป็นพลังต่อการรักษาเยียวยา ขอให้ท่านคิดถึงสัจธรรมที่ว่า สรรพสิ่งทั้งหลายมีการสั่นสะเทือน นั่นคือมีพลังในตัวเอง เมื่อท่านยิ้มด้วยความบริสุทธิ์ใจต่อสิ่งเหล่านี้ ท่านย่อมได้รับการตอบสนอง"

ในเชิงมนุษยปรัชญาและแผนไทย ก็กล่าวได้ว่า การยิ้มเป็นการกระตุ้นธาตุน้ำ (etheric) ซึ่งเป็นองค์ประกอบของชีวิตให้กับตัวเรา สิ่งแวดล้อมรอบข้าง รวมทั้งผู้คนอื่นๆ ที่ได้เห็นใบหน้าที่ยิ้มแย้มของเราด้วย

ดังนั้น จึงเป็นที่มาของหลักการส่งยิ้มเสริมสุขภาพ

ทำได้ดังนี้คือ :

วิธีปฏิบัติ

1. นั่งที่ขอบม้านั่ง หลังตรง คอตรง ฝ่ามือทั้งสองประสานกัน ปิดตาเบาๆ

2. สร้างยิ้มขึ้นบนใบหน้า มองเห็นพลังจักรภาพอยู่ตรงหน้า ม้วนตัวเป็นเกลียวเข้าสู่จักระหน้าผาก พร้อมกับหายใจเข้า หายใจลึก เบาๆ ช้าๆ

3. ปล่อยพลังลงสู่ต่อมไทมัส (กลางทรวงอก) สู่หัวใจ เห็นพลังสีเขียว ซึ่งเป็นสีของจักระทรวงอกวิ่งเป็นสาย ยิ้มให้แก่อวัยวะทั้งสองนี้ตลอดเวลา พึงรู้ไว้ว่าหัวใจเป็นอวัยวะแห่งอารมณ์ ไทมัสเป็นอวัยวะควบคุมภูมิต้านทาน ยิ้มให้แก่อวัยวะทั้งสองนี้ตลอดเวลา แล้วหายใจออก ด้วยความสดชื่น สุขสงบ เมตตากรุณา

4. หายใจเข้า ดึงพลังเป็นเกลียวเข้าตัวที่จักระหน้าผาก ซึ่งสัมพันธ์กับต่อมใต้สมองอันเป็นนายของฮอร์โมนทั่วร่างกาย พร้อมกันนั้นก็ยิ้มบนใบหน้า ดังข้อ 2

5. ปล่อยพลังลงสู่จมูก หลอดลม ต่อมไทรอยด์ พาราไทรอยด์ซึ่งอยู่ที่ลำคอ เห็นพลังสีน้ำเงินซึ่งเป็นสีของจักระลำคอเกลือกกลั้วอยู่บริเวณนั้น พร้อมด้วยยิ้มแห่งความเมตตา แล้วปล่อยลมหายใจออกไป

6. หายใจเข้าเช่นข้อ 2 ปล่อยพลังลงสู่ตับ ตับอ่อน ม้าม เห็นพลังสีเหลือง ซึ่งเป็นสีของจักระหน้าท้อง (solar plexus) ให้สีแห่งลมหายใจนี้เกลือกกลั้วอยู่บริเวณนั้น พร้อมกับยิ้มแห่งความเมตตา แล้วหายใจออก

7. หายใจเข้าเช่นข้อ 2 ปล่อยพลังลงสู่ต่อมหมวกไต ไตทั้งสองข้าง เห็นพลังสีส้มซึ่งเป็นสีของจักระใต้สะดือ 1 นิ้ว เกลือกกลั้วอยู่บริเวณนั้น พร้อมกับยิ้มแห่งความเมตตา แล้วหายใจออก

8. หายใจเข้าเช่นข้อ 2 ปล่อยพลังลงสู่กระเพาะปัสสาวะ ท่อปัสสาวะ เห็นพลังสีแดงซึ่งเป็นสีของจักระก้นกบเกลือกกลั้วอยู่บริเวณนั้น พร้อมกับยิ้มแห่งความเมตตา แล้วหายใจออก

9. หายใจเข้าเช่นข้อ 2 ปล่อยพลังลงสู่อวัยวะสืบพันธุ์ มดลูก รังไข่ อัณฑะ ด้วยสีแดง ยิ้ม หายใจออก

10. หายใจเข้า ปล่อยพลังสีเขียวเข้าปาก หลอดอาหาร กระเพาะอาหาร ลำไส้เล็ก ลำไส้ใหญ่ กระทั่งถึงทวารหนัก ด้วยยิ้มแห่งเมตตา แล้วหายใจออก

11. หายใจเข้า ปล่อยพลังสีม่วงอ่อน สู่สมองซีกซ้ายและซีกขวา ยิ้ม แล้วหายใจออก

12. หายใจเข้า ปล่อยพลังสีม่วงเข้มสู่สมองด้านหลัง (cerebellum) ลงไปสู่ไขสันหลัง ลงไปถึงก้นกบ ยิ้ม แล้วหายใจออก

13. หายใจเข้า ปล่อยพลังสีม่วงเข้มสู่ต่อมใต้สมอง 3 แห่งคือ ไพเนียล พิตูอิตารี ฮัยโปทาลามัส ยิ้ม หายใจออก

14. หายใจเข้า ปล่อยพังสีเขียวชโลมไล้ไปทั่วร่างกาย ยิ้มด้วยความสดชื่น เมตตาปรานีแก่ทั่วร่างกาย

เมื่อปฏิบัติสิ้นสุดแล้วอาจรู้สึกมือชาซาบซ่า ให้ทำการเสก หรืออธิษฐาน หรือโปรแกรมจิต สุดแล้วแต่จะเรียก ให้เกิดพลังที่จักระกลางฝ่ามือทั้งสองข้าง แล้วส่งไปยังผู้ที่ท่านประสงค์ให้เป็นไป (เป็นส่วนหนึ่งของการทำคุณไสยในทางที่ดีงาม) เช่น ให้ลูกสอบได้ เป็นต้น

ผลการส่งยิ้มให้ทำทุกวัน ประมาณ 5 วันจะเกิดผลดีแก่ตัวทันที จิตใจที่เคยเร่าร้อน ตึงตัง โครมคราม กระวนกระวายจะกลายเป็นสงบเยือกเย็น สุขสบาย สดชื่น แจ่มใส ยิ้มให้สรรพสิ่ง เจอใครก็ยิ้ม ไม่เสแสร้ง

ความคิดอ่านปลอดโปร่ง ปัญหาต่างๆ ลุล่วงไปด้วยดี หน้าตาสดชื่นแจ่มใส

ความคิดที่กล่าวนี้ซื้อหากันไม่ได้ ไม่อาจแบ่งปันหยิบยื่นให้กันได้ นอกจากคุณจะทำเอง

แล้วคุณจะพบว่ารอบตัวของคุณเต็มไปด้วยมิตร

ธรรมชาติบำบัด
น.พ.บรรจบ ชุณหสวัสดิกุล
มติชนออนไลน์  20 ธันวาคม พ.ศ. 2554