ผู้เขียน หัวข้อ: สบส.เร่งสอบ “คลินิก” พัวพันขน “ถังอสุจิ” ข้ามแดน ผิดทั้ง กม.อุ้มบุญ-สถานพยาบาล  (อ่าน 578 ครั้ง)

story

  • Staff
  • Hero Member
  • ****
  • กระทู้: 9753
    • ดูรายละเอียด
สบส. เร่งสอบ “คลินิก” พัวพันขน “ถังอสุจิ” ข้ามแดน หากมีส่วนเกี่ยวข้องจริงผิดทั้ง พ.ร.บ. อุ้มบุญ และ พ.ร.บ. สถานพยาบาล
       
       จากกรณีศุลกากรหนองคาย และสำนักงานสาธารณสุขจังหวัด (สสจ.) หนองคาย ร่วมกันสอบสวนจับกุม นายนิธินนทน์ ศรีธานิยานันท์ พร้อมด้วย ของกลางถังไนโตรเจน 1 ถัง ซึ่งภายในบรรจุหลอดใส่อสุจิ 6 หลอด ของบุคคล 2 คน ที่อ้างว่าเป็นของคนสัญชาติจีน และเวียดนาม โดยมีเอกสารจากสถาบันการแพทย์มาแสดงด้วย โดยให้การว่านำมาจากคลินิก 4 แห่ง ใน กทม. และจะนำไปยังคลินิกเอกชนที่เวียงจันทร์ สปป.ลาว ซึ่งเบื้องต้นแจ้งว่าเป็นการกระทำความผิดตาม พ.ร.บ. คุ้มครองเด็กที่เกิดโดยอาศัยเทคโนโลยีช่วยการเจริญพันธุ์ทางการแพทย์ พ.ศ. 2558

สบส.เร่งสอบ “คลินิก” พัวพันขน “ถังอสุจิ” ข้ามแดน ผิดทั้ง กม.อุ้มบุญ-สถานพยาบาล
        วันนี้ (20 เม.ย.) นพ.วิศิษฎ์ ตั้งนภากร อธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ (สบส.) กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กล่าวถึงเรื่องนี้ ว่า แม้ผู้หิ้วรายนี้จะสารภาพว่าสิ่งที่ขนคืออสุจิ แต่ก็ต้องมีการตรวจสอบของกลางดังกล่าวก่อนว่าใช่อสุจิจริงหรือไม่ ซึ่งหากตรวจสอบแล้วพบว่าเป็นอสุจิจริง ก็ต้องแจ้งให้พนักงานสอบสวนเอาผิดตามมาตรา 41 พ.ร.บ. คุ้มครองเด็กที่เกิดโดยอาศัยเทคโนโลยีช่วยการเจริญพันธุ์ทางการแพทย์ พ.ศ. 2558 หรือ พ.ร.บ. อุ้มบุญ ที่กำหนดว่า ห้ามมิให้ผู้ใดซื้อ เสนอซื้อ ขาย นําเข้า หรือส่งออก ซึ่งอสุจิ ไข่ หรือตัวอ่อน โดยมีโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี ปรับไม่เกิน 60,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ส่วนจะมีคลินิกหรือเอเจนซีเกี่ยวข้องด้วยหรือไม่ก็ต้องเป็นเรื่องของกระบวนการที่พนักงานสอบสวนจะดำเนินการต่อ ซึ่งหากผู้ว่าจ้างยอมรับสารภาพก็สามารถดำเนินการเอาผิดได้เช่นกัน ทั้งนี้ จะให้ นพ.ธงชัย กีรติหัตถยากร รองอธิบดี สบส. พร้อมเจ้าหน้าที่สำนักสถานพยาบาลและการประกอบโรคศิลปะ ลงพื้นที่ไปตรวจสอบข้อเท็จจริงว่า มีคลินิกที่เกี่ยวข้องกี่แห่ง อย่างไรบ้าง หากพบว่ามีส่วนเกี่ยวข้องจะมีความผิดตาม พ.ร.บ. อุ้มบุญ และ พ.ร.บ. สถานพยาบาล (ฉบับที่ 4) พ.ศ. 2559
       
       ด้าน ทพ.อาคม ประดิษฐสุวรรณ ผู้อำนวยการสำนักสถานพยาบาลและการประกอบโรคศิลปะ สบส. กล่าวว่า จากการตรวจสอบเบื้องต้นในรายชื่อ 4 คลินิกตามที่ปรากฏเป็นข่าวนั้น พบว่า มีบางแห่งยังมีปัญหาเรื่องร้องเรียนการเกี่ยวกับการทำอุ้มบุญมาก่อนด้วย เรื่องยังอยู่ที่แพทยสภาอยู่เลย


โดย MGR Online       20 เมษายน 2560

story

  • Staff
  • Hero Member
  • ****
  • กระทู้: 9753
    • ดูรายละเอียด
สบส. ลงตรวจคลินิกย่านเพลินจิต - ปทุมวัน หลังถูกอ้างพัวพันขน “อสุจิ” ข้ามประเทศ ชี้ ยังไม่พบความเชื่อมโยง ต้องรอผลตรวจสิ่งของในถังไนโตรเจนก่อน เป็น “อสุจิ - ไข่ - ตัวอ่อน” จริงหรือไม่ ย้ำหากใช่เอาผิดคนนำออก พร้อมสาวถึงเจ้าของ - คลินิก - เอเยนซี ไม่ฟันธงทำอุ้มบุญต่างประเทศ แต่มีความเป็นไปได้ แพทยสภาพร้อมฟัน “หมอ” หากพบเกี่ยวข้องจริง
       
       จากกรณีด่านศุลกากรหนองคายและสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดหนองคาย ร่วมกันจับกุมชายหนุ่มลอบขนถังไนโตรเจน ซึ่งภายในบรรจุหลอดใส่อสุจิ 6 หลอด ได้ที่ด่านพรมแดนสะพานมิตรภาพ ไทย - ลาว เมื่อวันที่ 20 เม.ย. ที่ผ่านมา โดยยอมรับว่า ได้รับการว่าจ้างจาก นายยู ลูกครึ่งไทย - ญี่ปุ่น ให้มาถังไนโตรเจนหมุนเวียนจากคลินิกใน กทม. 4 แห่ง เพื่อนำไปส่งให้คลินิกในลาว
       
       วันนี้ (21 เม.ย.) เมื่อเวลา 11.30 น. นพ.ธงชัย กีรติหัตถยากร รองอธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ (สบส.) กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) พร้อมด้วย ทพ.อาคม ประดิษฐสุวรรณ ผู้อำนวยการสำนักสถานพยาบาลและการประกอบโรคศิลปะ สบส. และเจ้าหน้าที่ สบส. ร่วมกันดำเนินการตรวจสอบคลินิกด้านการช่วยเจริญพันธุ์ย่านเพลินจิตและปทุมวัน หลังผู้ถูกจับกุมอ้างว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับการขนถังไนโตรเจน
       
       นพ.ธงชัย กล่าวว่า เมื่อมีการอ้างชื่อ สบส. จึงลงพื้นที่มาตรวจสอบมาตรฐานคลินิก ซึ่งก็ยังไม่ได้พบความผิดใดๆ ซึ่งในส่วนของคลินิกย่านเพลินจิตนั้น ก็พบว่า มีการขึ้นทะเบียนถูกต้องและมีมาตรฐานในการเก็บน้ำเชื้ออสุจิ และยังไม่พบความเชื่อมโยงกับกรณีที่หนองคาย แต่จากการหารือกับแพทย์ประจำคลินิกแจ้งว่า ได้เข้าแจ้งความกับเจ้าหน้าที่ตำรวจแล้วว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้
       
       เมื่อถามว่า การเข้าตรวจสอบอาจทำให้มีการเคลื่อนย้ายหลักฐานที่เชื่อมโยงกันหรือไม่ นพ.ธงชัย กล่าวว่า ไม่เกี่ยวกัน เพราะหลักฐานทั้งหมดอยู่ที่ จ.หนองคาย ซึ่งต้องรอการตรวจสอบสิ่งที่บรรจุในถังไนโตรเจนก่อนว่า เป็นอสุจิ ไข่ หรือตัวอ่อนจริงหรือไม่ ซึ่งหากพบว่าใช่ แน่นอนว่า ผู้ที่นำออกจากประเทศถือว่ามีความผิดทันที ตาม พ.ร.บ. คุ้มครองเด็กที่เกิดโดยอาศัยเทคโนโลยีชข่วยการเจริญพันธุ์ พ.ศ. 2558 หรือ พ.ร.บ. อุ้มบุญ ซึ่งมีโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี ปรับไม่เกิน 60,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ จากนั้นจึงค่อยมาดูหลักฐานที่มีอยู่เชื่อมโยงไปถึงคนกลาง เอเยนซี ผู้ว่าจ้าง หรือสถานพยาบาลหรือไม่
       
       “ยอมรับว่า การตรวจสอบไม่ใช่เรื่องง่ายว่า อสุจิ ไข่ หรือตัวอ่อน นั้น เป็นของใคร และมีการซื้อขายจริงหรือไม่ แต่หากพบว่า คนกลางมีการรับผลประโยชน์ หรือชี้ช่องทางให้มีการตั้งครรภ์แทน อย่างกรณีที่เกิดขึ้นมีการกล่าวอ้างถึงบุคคลที่เรียกว่า คุณยู ก็ต้องมาตรวจสอบว่าเป็นตัวแทนในการจัดส่งเรื่องนี้หรือไม่ หรือเป็นเอเยนซี ก็จะมีความผิดตาม พ.ร.บ. อุ้มบุญ โดยมีโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี ปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ นอกจากนี้ หากมีการโยงมาถึงสถานพยาบาล ก็จะตรวจสอบว่าทำตามกฎหมายและทำตามมาตรฐานหรือไม่ มีส่วนเกี่ยวข้องหรือไม่อย่างไร
       
       ผู้สื่อข่าวถามว่า การเคลื่อนย้ายถังไนโตรเจนบรรจุอสุจิเป็นไปได้หรือไม่ ที่จะเป็นการนำออกไปเพื่อทำอุ้มบุญยังต่างประเทศ เพราะไทยมีกฎหมายเข้มงวด นพ.ธงชัย กล่าวว่า มีความเป็นไปได้ แต่กฎหมายก็ระบุไว้แล้วว่า ไม่สามารถนำไข่ อสุจิ หรือตัวอ่อนออกนอกประเทศ ซึ่งประเทศเพื่อนบ้านของไทยยังไม่มีกฎหมายลักษณะนี้ จะมีก็เพียงแค่จีนและสิงคโปร์ และอาจเพราะไทยมีศักยภาพในเรื่องเทคโนโลยีช่วยการเจริญพันธุ์มากกว่า อย่างไรก็ตาม กรณีที่หนองคายยังไม่ทราบว่าเป็นการนำอสุจิไปทำอุ้มบุญจริงหรือไม่ เพราะยังไม่ได้รับการยืนยันว่า ถังไนโตรเจนเป็นเชื้ออสุจิ
       
       ด้าน ทพ.อาคม กล่าวว่า ขณะนี้ต้องรอหลักฐานจากทางพื้นที่ก่อนว่า เป็นอสุจิ ไข่ ตัวอ่อนหรือเป็นอะไร ซึ่งขณะนี้มีการส่งไปตรวจสอบที่ขอนแก่น ซึ่งหากพบว่าเป็นหนึ่งใน 3 อย่าง ก็จะส่งหลักฐานต่อมายัง สบส. เพื่อตรวจสอบหาต้นทางที่ส่งไป ซึ่งสามารถดูได้จากโอพีดีการ์ดในถังไนโตรเจน ซึ่งจะระบุชื่อเจ้าของ มารักษาด้วยอาการอะไร ช่วงไหน เวลาไหน และทราบว่าเป็นคลินิกไหน ก็จะทำให้เข้าไปตรวจสอบเพื่อดำเนินการต่อไปได้
       
       ศ.นพ.ประสิทธิ์ วัฒนาภา นายกแพทยสภา กล่าวว่า ขณะนี้ยังไม่ได้พิสูจน์ว่าในถังไนโตรเจนเป็นอสุจิ ไข่ หรือตัวอ่อน หรือไม่ หากตรวจพิสูจน์แล้วว่าเป็นจริงถือว่าผิดกฎหมาย แพทย์ที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้โดนแน่นอน ซึ่งนอกจากผิดกฎหมายแล้วก็จะผิดจริยธรรมแห่งวิชาชีพด้วย อาจจะต้องเพิกถอนใบประกอบวิชาชีพเวชกรรม
       
       เมื่อถามว่า มีข้อมูลปรากฏว่าเคยมีคลินิกที่เคยทำผิดเกี่ยวกับการทำอุ้มบุญมาก่อนด้วยถือว่าโทษต้องรุนแรงขึ้นหรือไม่ นพ.ประสิทธิ์ กล่าวว่า ถ้าทำผิดแม้ครั้งเดียวก็ผิด เป็นการเจตนา จงใจกระทำผิด ก็ถือว่าเป็นโทษร้ายแรง อย่างไรก็ตามเรื่องนี้ยังต้องมีการตรวจสอบก่อน
       
       นพ.สมชายโชติ ปิยวัชว์เวลา นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดหนองคาย กล่าวว่า สบส.ได้แจ้งว่าให้ทำการส่งถังไนโตรเจนไปตรวจกับทางโรงพยาบาลขอนแก่น จ.ขอนแก่น แทนที่จะส่งไปตรวจที่โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ เนื่องจากโรงพยาบาลขอนแก่น ใกล้กว่าและมีเครื่องมือที่สามารถทำการตรวจได้ และขณะนี้อยู่ระหว่างการขนส่งถังไนโตรเจนไปให้กับโรงพยาบาลขอนแก่น อย่างไรก็ตามคาดว่าจะทราบผลตรวจภายใน 1 สัปดาห์

โดย MGR Online       21 เมษายน 2560
..................................
ผงะ! หนุ่มหิ้วถังใส่อสุจิเตรียมอุ้มบุญข้ามไปลาว ถูกรวบคาด่านหนองคาย

หนองคาย - ศุลกากรหนองคายรวบหนุ่มกรุงเทพฯ หิ้วถังไนโตรเจนใส่อสุจิเตรียมออกไปลาว สารภาพรับจ้างจากคลินิกชื่อดังหลายแห่งในกรุงเทพฯ นำอสุจิไปเตรียมทำอุ้มบุญในคลินิกที่ฝั่งลาว
       
       

       
       เมื่อเวลา 09.00 น. วันนี้ (20 เม.ย.) ที่ด่านพรมแดนสะพานมิตรภาพไทย-ลาว อ.เมืองหนองคาย แห่งที่ 1 นายนิมิตร แสงอำไพ นายด่านศุลกากรหนองคาย, นายแพทย์ ชัชวาล ฤทธิ์ฐิติ รองนายแพทย์สาธารณสุข จ.หนองคาย และเจ้าหน้าที่ได้ร่วมกันสอบสวนจับกุมนายนิธินนทน์ ศรีธานิยานันท์ อายุ 25 ปี อยู่บ้านเลขที่ 114 ถนนพหลโยธิน แขวงสามเสนใน เขตพญาไท กรุงเทพฯ พร้อมของกลางถังไนโตรเจน 1 ถัง
       
       ภายในบรรจุหลอดใส่อสุจิ 6 หลอด ของบุคคล 2 คน ที่อ้างว่าเป็นของคนสัญชาติจีน และเวียดนาม โดยมีเอกสารจากสถาบันการแพทย์มาแสดงด้วย แต่เนื่องจากเป็นการกระทำตาม พ.ร.บ.คุ้มครองเด็กที่เกิดโดยอาศัยเทคโนโลยีช่วยการเจริญพันธุ์ทางการแพทย์ พ.ศ. 2558 มาตรา 41 ห้ามมิให้ผู้ใดซื้อ เสนอซื้อ ขาย นำเข้า ส่งออก ซึ่งอสุจิ ไข่ หรือตัวอ่อน อัตราโทษจำคุกไม่เกินสามปี หรือปรับไม่เกินหกหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และ พ.ร.บ.ศุลกากร ในการนำของต้องห้ามออกนอกราชอาณาจักร
       
       นายนิมิตร แสงอำไพ นายด่านศุลกากรหนองคาย กล่าวว่า เจ้าหน้าที่ศุลกากรได้จับตาดูพฤติการณ์ของนายนิธินนทน์อยู่นาน พบว่ามีการเข้าออกประเทศบ่อยครั้ง ทั้งที่ด่านอรัญประเทศ ไปกัมพูชา และด่านหนองคายไป สปป.ลาว ทุกครั้งจะสะพายกระเป๋าใบใหญ่ไปด้วย ซึ่งจากการข่าวแจ้งว่าภายในกระเป๋ามีถังไนโตรเจนบรรจุน้ำเชื้ออสุจิ ไข่ และตัวอ่อนแช่แข็งอยู่ภายใน ในครั้งนี้นายนิธินนทน์ได้เดินทางจากกรุงเทพฯ มายังสะพานมิตรภาพไทย-ลาว จ.หนองคาย เมื่อจะทำพิธีการผ่านแดน
       
       เจ้าหน้าที่จึงได้เรียกตรวจ นายนิธินนทน์ยอมรับว่ากำลังจะนำน้ำเชื้ออสุจิไปยังคลินิกแห่งหนึ่งในนครหลวงเวียงจันทน์ จึงควบคุมตัวไว้และเชิญเจ้าหน้าที่สาธารณสุข จ.หนองคายมาร่วมตรวจสอบด้วย

ผงะ! หนุ่มหิ้วถังใส่อสุจิเตรียมอุ้มบุญข้ามไปลาว ถูกรวบคาด่านหนองคาย (ชมคลิป)
        เบื้องต้นนายนิธินนทน์ให้การว่า ตนได้รับการว่าจ้างนายยู ลูกครึ่งไทย-ญี่ปุ่น ไม่ทราบชื่อและนามสกุลจริง ให้มารับถังไนโตรเจนที่มีการบรรจุอสุจิ ไข่ และตัวอ่อนแช่แข็ง สลับสับเปลี่ยนกันไปที่คลินิก 4 แห่งในกรุงเทพฯ (JETANIN, SUPERIOR A.R.T., First, I-BABY) แล้วนำข้ามไปยังนครหลวงเวียงจันทน์ สปป.ลาว ไปยังคลินิกแห่งหนึ่ง (VIP Clinic) ตั้งแต่ปี 2559 เป็นต้นมา รวม 12 ครั้ง
       
       ทั้งยังได้นำไปยังกรุงพนมเปญ กัมพูชา ทางด่านอรัญประเทศ ไปโรงพยาบาลแห่งหนึ่ง (FCC) และคลินิกไม่ทราบชื่อ ในปี 2559 รวม 13 ครั้ง แต่ละครั้งจะได้ค่าจ้าง 5,000 บาท
       
       นายนิมิต แสงอำไพ กล่าวว่า การซื้อขายอสุจิ ไข่ หรือตัวอ่อน นั้นผิดศีลธรรม ไม่อยากให้เกิดขบวนการค้าขายหรือการทำอุ้มบุญในลักษณะเช่นนี้ และการจับกุมครั้งนี้ถือว่าเป็นครั้งแรกที่เกิดขึ้นในประเทศไทย ผ่านด่านพรมแดนสะพานมิตรภาพไทย-ลาว จ.หนองคาย
       
       ขณะที่นายแพทย์ ชัชวาล ฤทธิ์ฐิติ รองนายแพทย์สาธารสุขจังหวัดหนองคาย กล่าวว่า ในส่วนของการแพทย์จะต้องนำไปตรวจแล็บที่โรงพยาบาลหนองคายว่าเป็นอสุจิ หรือตัวอ่อน แต่สังเกตด้วยตาเชื่อว่าน่าจะเป็นอสุจิเพื่อนำไปผสมกับไข่
       
       โดยคาดว่าจะมีแพทย์คนไทยไปดำเนินการที่ต่างประเทศให้ และต้องตรวจสอบสถานบริการทั้งหมดว่ามีใบประกอบที่สามารถดำเนินการเรื่องดังกล่าวได้หรือไม่
       
       ส่วนเรื่องคดีให้เจ้าหน้าที่ศุลกากรเป็นผู้แจ้งความกล่าวโทษเป็นหลัก สาธารณสุขทำได้ในส่วนที่เกี่ยวข้องเท่านั้น

โดย MGR Online       20 เมษายน 2560