นพ.สำลี เปลี่ยนบางช้าง : อดีตผู้อำนวยการองค์การอนามัยโลกประจำภาคพื้นเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ 2 สมัยระหว่างปี 2547-2557
ให้ความเห็ว่า
ในส่วนที่เกี่ยวกับบทบาทของ WHO ผมในฐานะที่เคยเป็นเจ้านน้าที่ระดับสูงของ WHO มาก่อน ขอให้ความเห็นดังนี้
- เป็นหลักปัฏิบัติที่สำคัญใน WHO ว่า WHO จะไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยว หรือเกี่ยวข้องในปัญหาของประเทศที่มีความขัดแย้งระหว่างฝ่ายต่างๆ WHOต้องเอาตัวออกห่างให้ไกลที่สุดจากข้อขัดแย้งในประเทศ การให้คำแนะนำทางวิชาการของ WHO จะต้องกระทำในบรรยากาสที่ปราศจากความขัอแย้ง WHO จะต้องวางตัวเป็นกลางในทุกๆกรณีให้ดีที่สุด
- ผมได้เห็น statement ของ WHO Representative ที่พูดในวันนั้น และได้แปลเป็นไทยแล้ว รู้สึกว่าคงจะแปลเกินที่เขาพูดไปมาก มีการเสริมแต่งเติมเนื้อหาเพื่อสนับสนุน status quo ของสสส และผมเห็นว่า WHO Representative ไม่เข้าใจประเด็นของการประชุมอย่างแท้จริง
.............................................
การสัมมนาประชาพิจารณ์ร่างพ.ร.บ.กองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ
ครั้งที่ 1 ณ โรงแรมมิราเคิลแกรนด์
วันที่ 2 เมษายน 2560
พญ.เชิดชู อริยศรีวัฒนา
ผู้เขียนเรื่องนี้ ได้รับจดหมายเชิญเข้าร่วมการประชาพิจารณ์จากคุณหมอมารุต จิรเศรษฐสิริ หัวหน้าผู้ตรวจราชการกระทรวงสาธารณสุข ในฐานะที่ผู้เขียนเป็นที่ปรึกษากิติมศักดิ์กรรมาธิการสาธารณศุข สภานิติบัญญัติแห่งชาติ การประชุมนี้จัดขึ้นในวันที่ 2 เมษายน 2560
จากจม.เชิญประชุมนั้น ได้อ้างว่าหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติและนายกรัฐมนตรีได้มีบัญชาให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมหารือร่วมกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ในฐานะผู้รักษาการตามพ.ร.บ.กองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ พ.ศ. 2544 ในการแต่งตั้งคณะกรรมการ เพื่อพิจารณาแก้ไขพ.ร.บ.กองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ พ.ศ. 2544 ให้เกิดความยั่งยืน โดยมีผลบังคับใช้ก่อนเปลี่ยนรัฐบาล โดยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมได้หารือร่วมกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง พร้อมทั้งผู้แทนหน่วยรัฐที่เกี่ยวข้อง พิจารณาและมีมติเห็นชอบร่างพ.ร.บ.กองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพฉบับที่ .. พ.ศ. ....
ในเอกสารประกอบการรับฟังความคิดเห็นได้เผยแพร่คำสั่งหัวหน้าคสช.ที่1/2559 เรื่องประกาศรายชื่อเจ้าหน้าที่ของรัฐที่อยู่ระหว่างการถูกตรวจสอบเพิ่มเติมครั้งที่ 3 ข้อ6 ให้ผู้มีรายชื่อในกลุ่มที่ 5 กรรมการกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ ตามบัญชีแนบท้ายคำสั่งนี้พ้นจากการเป็นกรรมการและการดำรงตำแหน่งในกองทุนดังกล่าว และให้ผู้มีอำนาจหน้าที่ดำเนินการแต่งตั้งกรรมการใหม่ตามกฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้อง
และยังได้เผยแพร่บัญชีแนบท้ายคำสั่งหัวหน้าคสช.ที่ 1/2559 ซึ่งมีรายชื่อกรรมการกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (จำนวน 7 ราย)
ประกาศดังกล่าวจึงอาจจะเป็นที่มาของการเขียนเหตุผลในการแก้ไขกฎหมายสสส.ว่า โดยที่กฎหมายว่าด้วยกองทุนสนับสนุนการสรางเสริมสุขภาพมีบมบัญญัติบางประการที่ไม่สอดคล้องกับการดำเนินงานของกองทุน การใช้จ่ายเงินไม่เป็นไปตามหลักธรรมาภิบาล ฯลฯ
บรรยากาศในการประชุมเริ่มจากพิธีเปิดการสัมนาโดยนพ.เสรี ตู้จินดา ประธานที่ปรึกษารมว.สธ. หลังจากนั้นเริ่มการเข้าสู่การพิจารณาเนื้อหารายละเอียดในร่างพ.ร.บ.กองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพฉบับที่ .. พ.ศ. .... ที่ผู้จัดได้แจกให้แก่ผู้เข้าประชุมทุกคน
เมื่อเริ่มการสัมนา มีผู้แสดงความไม่เห็นด้วยกับเหตุผลที่กล่าวไว้ในพ.ร.บ.กองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพฉบับที่ .. พ.ศ. .... ว่า เป็นกฎหมายฉบับเดียวที่ยกร่างโดยกล่าวว่าการบริหารกองทุนที่ผ่านมาไม่มีธรรมาภิบาล และต้องการให้มีกองทุนนี้บริหารแบบองค์กรภาคประชาชนเหมือนเดิมและไม่ต้องการให้มีการ จำกัดวงเงินจากภาษีบาปไว้แค่ 4,000 ล้านบาท"ตามที่เขียนไว้ในร่างกม.ใหม่
การรับฟังความเห็นก็เป็นไปอย่างราบรื่น จนกระทั่งมีบางคน(ที่ไม่รู้ว่าเป็นใคร) ได้เชิญผู้แทนองค์การอนามัยโลกมาให้ความเห็นเป็นภาษาอังกฤษพร้อมกับเตรียมล่ามภาษาไทยไว้คอยแปลด้วย จึงเกิดการคัดค้านไม่ให้ชาวต่างชาติมาออกความเห็นในการพิจารณารับฟังความคิดเห็นร่างกฎหมายของประเทศไทย เพราะเขาไม่ใช่พลเมืองไทย จึงไม่มีสิทธิในการมาแสดงความคิดเห็นในเวทีประชาพิจารณ์กฎหมายไทย
แต่ผู้ดำเนินการรับฟังความคิดเห็นก็ยินยอมให้ผู้แทนองค์การอนามัยโลกพูดต่อ ผู้เขียนจึงต้องประท้วงว่านอกจากผู้แทนองค์การอนามัยโลกจะไม่มีสิทธิแสดงความคิดเห็นแล้ว ยังเป็นการแทรกแซงกิจการภายในของไทย และจะทำให้การประชาพิจารณ์ครั้งนี้ผิดระเบียบการรับฟังความคิดเห็นของสำนักนายกรัฐมนตรี ผู้ดำเนินการฯก็ยังอนุญาตให้ผู้แทนองค์การอนามัยโลกพูดแสดงความเห็นต่อไป ผู้เขียนก็อดรนทนไม่ได้ จึงบอกว่า WHO ไม่ใช่พ่อ คนไทยไม่ต้องฟัง และการรับฟังความคิดเห็นในวันนี้จะเป็นโมฆะ เนื่องจากทำผิดระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีดังกล่าว จึงทำให้ผู้แทนองค์การอนามัยโลกต้องยุติการแสดงความคิดเห็นและยอมออกจากห้องประชุมไป
ยังมีรายละเอียดเรื่องคุณสมบัติของกรรมการกองทุนฯและอื่นๆอีกมาก แต่เนื่องจากผู้ดำเนินการรับฟังความคิดเห็นนี้ ไม่ได้เตือนให้ทุกคนพูดกระชับ สั้นๆ ตรงประเด็นให้ได้ใจความ จึงทำให้การรับฟังความคิดเห็นนี้ไม่สามารถดำเนินการต่อไปจนจบร่างพ.ร.บ.กองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพฉบับที่ .. พ.ศ. .... ที่กำหนดไว้ได้ และเลิกประชุมตรงเวลากำหนด (ถึงแม้ว่าตอนเริ่มประชุมจะล่าช้าไปกว่ากำหนดการก็ตาม)
ทั้งนี้ผู้เขียนได้เสนอข้อคิดเห็นในร่างพ.ร.บ.สสส. ฉบับที่ .. พศ. .... โดยได้กล่าวแสดงความคิดเห็นในที่ประชุม และได้ฝากความคิดเห็นไว้ก่อนปิดประชุม โดยสาระสำคัญที่สุดที่ผู้เขียนฝากไว้คือ ขอให้กำหนดให้กรรมการ และผู้จัดการกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพเป็นบุคคลตามาตรา 100 ของพร.บ.ปปช. เพื่อให้สามารถตรวจสอบและขจัดปัญหาการมีผลประโยชน์ทับซ้อน (Conflict of Interest) ของบุคคลเหล่านี้ (อันอาจจะเป็นเหตุผลในการแก้ไขพ.ร.บ.กองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ พ.ศ. 2544 ดังที่คณะกรรมการยกร่างพ.ร.บ.กองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพฉบับที่ .. พ.ศ. .... ได้ให้เหตุผลไว้)
และที่สำคัญคือการประเมินผลจากบุคคลภายนอก ผู้เขียนได้เสนอให้มีการจัดตั้งคณะกรรมการตรวจสอบภายนอกที่ต้องมีผู้ตรวจสอบบัญชีรับอนุญาต ร่วมเป็นกรรมการตรวจสอบการเงิน การคลังและบัญชีของกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพเป็นประจำทุกปีด้วย
และขอให้กพร. (คณะกรรมการพัฒนาระบบราชการ) ซึ่งมีอำนาจหน้าที่ตามมติครม.วันที่ 7 กย. 2547 ทำหน้าที่ประเมินผลงานของการดำเนินงานของกรรมการสสส.ว่า ได้ดำเนินงานในรอบปี อย่างมีประสิทธิผล ประสิทธิภาพ ประหยัด คุ้มค่าและเป็นประโยชน์แก่ประเทศชาติและประชาชนอย่างแท้จริง และในมติครม.ฉบับนี้ ยังได้เขียนไว้อีกว่า ถ้าประเมินแล้วไม่ผ่านเกณฑ์ดังกล่าว ให้พิจารณายุบหน่วยงานที่ไม่มีประสิทธิผลและประสิทธิภาพดังกล่าว
ความเห็นของผู้เขียนต่อพ.ร.บ.กองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพฉบับที่ .. พ.ศ. .... มีดังต่อไปนี้คือ
1.การยกร่างพ.ร.บ.สสส.ใหม่ เน้นที่การแก้ไขปัญหาบทบัญญัติของกฎหมายที่ไม่สอดคล้องกับการดำเนินงานของกองทุน และการใช้จ่ายเงืนงบประมาณไม่เป็นไปตามหลักธรรมาภิบาล
ผู้เขียนเห็นว่าน่าจะเขียนว่าการดำเนินงานของสสส.ไม่สอดคล้องกับบทบัญญัติของกฎหมาย
2.ในพ.ร.บ.ไม่มีนิยามคำว่า สุขภาวะ และพ.ร.บ.ก็ใช้คำว่า กองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ แต่ในมาตรา 3 คำว่า สุขภาวะ ก็ปรากฎขึ้นมา จึงควรให้นิยามว่าสุขภาวะต่างจากสุขภาพอย่างไร และกองทุนนี้จะ สนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพหรือสุขภาวะ?
พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตสถาน สุขภาพ หมายถึงภาวะที่ปราศจากโรคภัยไข้เจ็บ"
สุขภาวะไม่ปรากฎคำนี้ในพจนานุกรม แต่คำว่าภาวะ แปลว่า ความมี ความเป็น ความปรากฎ
ในภาษาอังกฤษใช้คำว่า Health ซึ่งหมายความถึงความสมบูรณ์ แข็งแรงทั้งร่างกาย จิตใจ อารมณ์ สังคม ไม่ได้หมายถึงความไม่เป็นโรคหรือพิการเท่านั้น Health is a state of complete physical mental and social well-being and not merely the absence of disease or infirmity แต่ในปัจจุบันความหมายชอง Health ก็ได้เปลี่ยนไป.
ในแง่ที่เป็นการที่มนุษย์สามารถปรับตัวให้เข้าได้กับการเปลี่ยนแปลงของร่างกาย จิตใจและสังคม เพื่อทำให้ตนเองมีความรู้สึกพึงพอใจกับสภาพของตนเอง (มีสุขภาพดีแม้มีข้อจำกัดทางกายภาพ)
ฉะนั้นถ้าจะใช้คำว่าสุขภาวะ ก็ควรต้องมีคำจำกัดความของคำว่าสุขภาวะคืออะไร แตกต่างกับคำว่าสุขภาพหรือไม่/อย่างไร ?
3.คำว่า สร้างสุขภาพ หมายความว่า อะไร? ในกรณีกองทุนนี้ ต้องการสนับสนุนให้ ปัจเจกบุคคล มีความสามารถในการสร้างสุขภาพได้เองอย่างเดียว หรือต้องการให้สสส. ส่งเสริมให้หน่วยงานภาครัฐ หรือสสส.เอง ดำเนินงานเพื่อให้หน่วยงานภาครัฐ ส่งเสริมและสนับสนุน กิจกรรมที่จะทำให้ประชาชน สร้างสุขภาพได้ด้วย
3.1 ถ้าต้องการเพียงอย่างเดียวก็ต้องเน้นกิจกรรมให้ประชาชนตระหนักรู้ และนำไปปฏิบัติ ให้เกิดผลสัมฤทธิ์เป็นรูปธรรม
3.2 ถ้าต้องการทั้งสองอย่าง สสส.ก็ต้องมีหน้าที่ในการช่วยผลักดันรัฐบาลให้มีนโยบายที่จัดการสิ่งแวดล้อม การจัดสถานที่พักผ่อนหย่อนใจ สถานที่ออกกำลังกาย และการจัดการด้านสิ่งแวดล้อม ให้ปราศจากมลภาวะ ทั้งในดิน น้ำ อากาศ อาหาร
แต่การจัดการต่างๆเหล่านี้ เป็นภารกิจของกระทรวงสาธารณสุข กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงเกษตร และกระทรวงอุตสาหกรรม รวมทั้งองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เช่นเทศบาลอยู่แล้ว
จึงมีคำถามว่า สสส.ควรมีบทบาทแค่ไหน/อย่างไร? และกำหนดไว้ในกฎหมายให้ชัดเจน
เพื่อจะนำมาบัญญํติในมาตรา 3
อนึ่ง มีข้อสังเกตว่าถ้าต้องการให้สสส.มีบทบาทในการส่งเสริมและสนับสนุนให้ปัจเจกบุคคลสามารถ สร้างสุขภาพได้ งานนี้ก็เป็นภาระรับผิดชอบของกรมอนามัย(Department of Health) กระทรวงสาธารณสุขที่มีหน้าที่รับผิดชอบเรื่องนี้
จึงควรพิจารณาว่า ควรโอนพ.ร.บ.สสส.ให้เป็นภารกิจของกรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุขดำเนินการ มากกว่าจะมีการตั้งกรรมการและสำนักงานอิสระนอกหน่วยราชการ อันเป็นต้นเหตุแห่งการใช้จ่ายเงินงบประมาณที่ไม่เป็นไปตามหลักธรรมาภิบาล (ซึ่งเป็นเหตุผลที่ต้องมีการแก้ไขกฎหมายนี้) และต้องจ่ายค่าจ้างกรรมการและเจ้าหน้าที่อีกในอัตราที่สูงกว่าอัตราค่าตอบแทนข้าราชการให้มาทำงาซ้ำซ้อนกับกรมอนามัย
4. ในมาตรา 5 เดิม วัตถุประสงค์ของการจัดตั้งกองทุน ควรยกเลิก(4) ที่สนับสนุนให้มีการศึกษาวิจัย เนื่องจากมีกองทุนสำหรับการวิจัยมากมายในองค์กรอื่น เช่นสวรส. สกว. และการศึกษาวิจัยของสสส.ก่อให้เกิด ผลประโยชน์ทับซ้อนมากมาย แต่มีคำถามว่าเคยมีการนำผลการวิจัย มาปรับเปลี่ยนพฤติกรรมสุขภาพของประชาชนหรือไม่? และผลจากการวิจัยเหล่านี้ได้นำมาเป็นประโยชน์ในการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมของบุคคลตามเป้าหมายและวัตถุประสงค์ของการจัดตั้งกองทุนสสส.หรือไม่? เช่น ลดการสูบบุหรี่ ดื่มสุรา ขับรถในขณะที่ดื่มสุรามาแล้ว ลดละการบริโภคยาเสพติด ?
5.ในมาตรา 9 เดิม ควรตัด(3)ออก ไม่ควรให้นำเงินกองทุนไปหาผลประโยชน์ เพราะจะสุ่มเสี่ยงต่อการทุจริตประพฤติมิชอบดังในกรณีไทยพีบีเอส หรือกากรกขาดธรรมาภิบาลในการบริหารกองทุน
6.ใน มาตรา 10 เดิม ขอแก้ไขว่า กองทุนมีฐานะเป็นหน่วยงานของรัฐ ใช้งบประมาณจากภาษีที่เป็นรายได้ของแผ่นดิน จึงต้องทำตามระเบียบการใช้จ่ายเงินงบประมาณแผ่นดินตามระเบียบของสำนักนายกรัฐมนตรีอย่างเคร่งครัด
7. ในมาตรา 11 เดิม ที่บัญญัติในมาตรา 4 ใหม่ ควรจะแก้ไขโดยให้กระทรวงการคลังที่มีหน้าที่จัดเก็บภาษีอากรอยู่แล้ว ให้จัดเก็บภาษีตามกฎหมายสุราและยาสูบ แล้วเก็บเพิ่มเติมจากสุราและยาสูบที่ร้อยละ 2 ของภาษี แต่ไม่เกินปีละ 4,000 ล้านบาทและจัดสรรให้แก่กองทุนสสส. (โดยที่สสส.ไม่ต้องไปเรียกเก็บเอง) และให้รมต.คลัง เสนอครม.ให้พิจารณาจัดสรรเพิ่มเติมได้ในกรณีที่สสส.ร้องขอตามความจำเป็น
(เมื่อกำหนดให้การจัดเก็บเงินเป็นหน้าที่ของกระทรวงการคลังแล้ว มาตรา 12-15 ก็ยกเลิกได้)
8.มาตรา 5 (ฉบับร่างแก้ไข) ให้พิจารณามาตรา 5 เดิมและมาตรา9 เดิม ที่เสนอให้ตัดมาตรา5 (4) และมาตรา9 (3)
9. ในมาตรา6 (ในฉบับร่างแก้ไข) เห็นด้วย
10.มาตรา7 (ในฉบับร่างแก้ไข) (3) กรรมการโดยตำแหน่งควรจะตัดปลัดกระทรวงอื่นๆออกหมด ยกเว้น ปลัดกระทรวงสาธารณสุข เพิ่ม อธิบดีกรมอนามัย ถ้าวัตถุประสงค์ของกองทุนมีเพียงต้องการให้สสส.ส่งเสริมปัจเจกบุคคลให้สร้างสุขภาพตามข้อสังเกตุ 3.1
แต่ถ้าต้องการให้สสส.สนับสนุนหน่วยงานภาครัฐตามข้อสังเกตุ 3.2 ก็ให้คงตำแหน่งกรรมการตามมาตรา 7 (ร่างแก้ไขใหม่) ไว้
แต่ขอตั้งข้อสังเกตุว่าปลัดกระทรวงต่างๆอาจมีภารกิจมากมาย จนส่งผู้แทนมาประชุมเสมอๆ (เหมือนที่เคยเกิดขึ้นมาแล้วในคณะกรรมการต่างๆ) จึงอาจไม่ได้รับฟังข้อคิดเห็นที่มีประโยชน์จากกรรมการเหล่านี้เท่าใดนัก
11. ในมาตรา 7 (ในฉบับร่างแก้ไข) (5) กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ควรมีที่มาจาก นักวิชาการด้านสุขศึกษา (จากคณะสาธารณสุขศาสตร์)เลือกกันมา 2 คน ด้านสื่อสารมวลชน ด้านโภชนาการ ด้านการกีฬา ด้านการศึกษา และด้านสิ่งแวดล้อม รวมทั้งหมด 7 คน
12.ในมาตรา 8 (ในฉบับร่างแก้ไข) ขอให้เพิ่มเติมว่า ให้คณะกรรมการและผู้จัดการเป็นบุคคลตามมาตรา 100 ของปปช. เพื่อป้องกันการมีผลประโยชน์ทับซ้อน
13.ในมาตรา 9 (ในฉบับร่างแก้ไข) ให้กรรมการผ็ทรงคุณวุฒิดำรงตำแหน่งคราวละ 4 ปี (เท่ากับผู้จัดการ)
14. ในมาตรา 10 (ในฉบับร่างแก้ไข) มาตรา 21 ขอแก้ไขเป็น ให้คณะกรรมการมีอำนาจหน้าที่ควบคุมการดำเนินกิจการของกองทุนให้เป็นไปตามวัตถุประสงค์ที่กำหนดไว้ในมาตรา 5
และตัด (3) ออก ไม่ต้องให้กองทุนไประดมจัดหาทุนอีก เพราะปัจจุบันก็ไม่เห็นว่าสสส.จะต้องไประดมหาทุนมาเพิ่มอีก มีแต่เอาเงินไปแจกกองทุนอื่นที่ผิดวัตถุประสงค์ของกฎหมายสสส.
15.ในมาตรา 11 (ในฉบับร่างแก้ไข) ไม่เห็นด้วย ถ้าประธานหรือรองประธานไม่สามารถมาประชุมได้ ควรเลื่อนการประชุมออกไปจนกว่าประธานหรือรองประธานมาประชุมได้ (เพื่อไม่ให้มีการใช้อำนาจของคณะกรรมการโดยมิชอบ)
16. ในมาตรา 14 (ในฉบับร่างแก้ไข) ให้ผู้จัดการมีอำนาจหน้าที่บริหารกิจการของกองทุนให้เป็นไปตามมติของคณะกรรมการและเป็นไปตามที่บัญญัติไว้ในกฎหมาย
17.ควรให้มีการจัดตั้งกรรมการตรวจสอบภายนอกเพื่อตรวจสอบบัญชี การเงินการคลังและทรัพย์สินของกองทุน โดยมีผู้สอบบัญชีที่ได้รับใบอนุญาตร่วมเป็นกรรมการตรวจสอบด้วย
18.ให้แก้ไขมาตรา 37 เดิม ให้กพร.ดำเนินการประเมินผลการดำเนินงานของกองทุนประจำปี