ความคืบหน้ากรณีมีญาติคนไข้ทำร้ายร่างกาย เจ้าหน้าที่เวชกิจฉุกเฉิน โรงพยาบาลตรัง ทางร้อยเวรฯ จึงเรียก เจ้าหน้าที่ รพ.ตรัง กับผู้กระทำ ตกลงทำความเข้าใจกันด้วยดี
วานนี้ (8 มี.ค.) ที่สภ.เมืองตรัง ร.ต.อ.เอกลักษณ์ ศักดิ์ชัยนนท์ ร้อยเวรฯ สภ.เมืองตรัง ได้รับแจ้งความกรณีมีญาติคนไข้ทำร้ายร่างกาย นายทศพล ชุมนวน เจ้าหน้าที่เวชกิจฉุกเฉิน โรงพยาบาลตรัง ซึ่งได้ตบศีรษะ 2 ครั้ง เมื่อวันที่ 5 มี.ค.ที่ผ่านมา ทางร้อยเวรฯ เจ้าของคดี จึงเรียก เจ้าหน้าที่ รพ.ตรัง กับผู้กระทำ ตกลงทำความเข้าใจกัน และได้เรียกทั้ง 2 ฝ่ายมาเจรจาไกล่เกลี่ยที่ สภ.เมืองตรัง
โดยนายทศพร ชุมนวล เจ้าหน้าที่ รพ.ตรัง ได้เดินทางมาพร้อมกับญาติๆ และทางด้านผู้ต้องหาคือ นายสติพงษ์ บัวทอง อายุ 26 ปี ได้เข้าเดินทางมาพบ ร้อยเวรฯ เช่นเดียวกัน
หลังจากนั้นทาง ร.ต.อ.เอกลักษณ์ ศักดิ์ชัยนนท์ ร้อยเวรฯ ได้ให้ทั้งสองฝ่ายตกลงเจรจากัน โดยนายทศพร ผู้เสียหาย กล่าวว่า ตนก็ไม่ได้อยากจะเอาเรื่องอะไรกับผู้ต้องหาแค่อยากจะแจ้งความไว้เป็นหลักฐาน และไม่อยากให้เกิดเรื่องแบบนี้กับเจ้าหน้าที่ รพ.ตรัง อีก
ส่วนทางด้านของผู้ต้องหา นายสติพงษ์ ฯ กล่าวว่า ตอนนั้นที่เกิดเหตุคนไข้ ซึ่งเป็นพ่อของตนอยู่ในอาการโคม่าและท่านก็เป็นเสาหลักของครอบครัว ตนจึงอารมณ์ชั่ววูบที่ได้กระทำแบบนั้นไป และอยากฝากถึงที่คนที่อารมณ์อยากให้คิดก่อนที่จะทำอะไรลงไป และขอโทษกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นด้วย ส่วนทางด้านผู้ต้องหาทางเจ้าหน้าที่ได้ให้เสียค่าปรับในข้อหาทำร้ายร่างกายผู้อื่น ปรับไม่เกิน 1,000 บาท
อย่างไรก็ตาม ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้รับแจ้งเป็นหนังสือจากทางโรงพยาบาลตรัง ขอให้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจสายตรวจมาดูแลความปลอดภัยเพิ่มขึ้นบริเวณหน้าห้องฉุกเฉิน
วานนี้(8 มี.ค.) นายทศพล ชุมนวน เจ้าหน้าที่เวชกิจฉุกเฉิน โรงพยาบาลตรัง ได้เผยคลิปกล้องวงจรปิด ซึ่งเหตุเกิดเมื่อวันที่ 5 มีนาคมที่ผ่านมา เวลา 17.20 น. ตนได้ทำงานอยู่ตามปกติ จู่ๆ มีคนเข้ามาทำร้าย ทราบภายหลังว่าไม่พอใจที่ไม่ให้เข้าไปเยี่ยมญาติภายในห้องฉุกเฉิน และตอนที่เข้ามาทำร้ายได้มีการเปิดเสื้อ ให้ดูรอยสัก และจู่โจมเข้ามาตบศีรษะ 2 ครั้ง ทำให้ตนเกิดความกังวล ถ้ามีอาวุธ จะแย่ขนาดไหน ซึ่งตนก็ขอยืนยันว่าตอนนั้นไม่ได้พูดจาไม่ดีเลย เพราะว่าเพิ่งรับเวร ไม่ได้อารมณ์เสียอะไร
นายทศพล เล่าว่า ญาติผู้ป่วยรายหนึ่งทำร้ายร่างกายโดยการตบที่ศีรษะจำนวน 2 ครั้ง หลังไม่พอใจที่ไม่ให้เข้าห้องฉุกเฉิน แต่ญาติยืนยันที่จะเข้าไป ตนจึงพูดกับน้องเจ้าหน้าที่อีกคนว่า ถ้างั้นก็ให้เข้าไป เพราะห้ามไม่ได้ หลังเกิดเหตุตนรู้สึกหวาดกลัวหวาดระแวง กลัวจะมาทำร้ายซ้ำ ซึ่งเป็นสิ่งที่กลัวที่สุด เพราะไม่ได้รู้จักกันมาก่อน ไม่เคยบาดหมางอะไรกันมาก่อน
ทั้งนี้ ได้ฝากในฐานะที่เป็นเจ้าหน้าที่เข้าใจ เพราะเห็นคนป่วยคนเจ็บมาเยอะ เห็นใจ ที่มีญาติป่วยแล้วเข้าโรงพยาบาล แต่ในอีกมุมหนึ่งก็มีแบบแผนปฏิบัติจากนโยบายของผู้บริหาร และที่ให้ญาติรอด้านหน้า เพื่ออำนวยความสะดวกกับผู้ป่วยที่อยู่ในห้อง หากญาติเข้าไปเต็ม แพทย์ พยาบาลทำงานลำบาก ก็จะตกอยู่กับผู้ป่วย ทางเจ้าหน้าที่ก็เห็นใจอยากจะช่วยให้เต็มที่ แต่ทางญาติก็ต้องเห็นใจเจ้าหน้าที่เหมือนกัน เพราะหากมีอะไรก็มีการแจ้งอยู่แล้ว
ส่วนการที่ตนไปแจ้งความนั้นก็ไม่ได้อยากจะเอาเรื่องหรือดำเนินคดีใดๆ แต่อยากให้เป็นอุทาหรณ์ว่าการที่มาทำร้ายเจ้าหน้าที่ ด้วยการมีอาวุธหรือไม่มีอาวุธก็แล้วแต่ ซึ่งครั้งนี้ไม่ใช้อาวุธ มันเป็นสิ่งที่ไม่สมควร ซึ่งหากมีอะไรก็คุยกัน หรือช่องทางอื่น ร้องเรียนอะไรก็สุดแล้วแต่ในทางคดีความทางเจ้าหน้าที่ได้ดำเนินการเรียกตัวผู้กระทำความผิด เพื่อรับทราบข้อกล่าวหาแล้ว และในอีกมุมหนึ่งก็อยากจะให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ออกมาดูแลไม่ให้เกิดเหตุการณ์แบบนี้ซ้ำอีก เพราะบางเหตุการณ์เราห้ามไม่ได้ แต่เราสามารถป้องกันได้ ลดการปะทะระหว่างเจ้าหน้าที่กับญาติคนไข้ และตนหวังว่าคงจะได้รับความเป็นธรรมจากทุกฝ่าย เห็นใจในมุมของผู้ถูกกระทำ
9มีค60
http://news.mthai.com/general-news/552930.html