ผู้เขียน หัวข้อ: หัวอกแม่สลาย!! รพ.ออสเตรเลียทำแท้งลูกแฝดผิดตัวจนตายทั้งคู่  (อ่าน 1500 ครั้ง)

story

  • Staff
  • Hero Member
  • ****
  • กระทู้: 9721
    • ดูรายละเอียด
 เอเอฟพี - โรงพยาบาลแห่งหนึ่งของออสเตรเลียเผยเมื่อวันพฤหัสบดี (24) ว่ากำลังดำเนินการสืบสวนเหตุสลด กรณีผ่าตัดทำแท้งหนึ่งเด็กแฝดในครรภ์หญิงวัย 32 ปีผิดตัว จนนำมาซึ่งโศกนาฏกรรมเลวร้ายด้วยผู้เป็นแม่ต้องมาเสียลูกไปทั้งสองคน
       
       หนังสือพิมพ์เฮรัลด์ ซัน ของออสเตรเลีย รายงานคณะแพทย์บอกกับว่าที่คุณแม่รายนี้ว่าหนึ่งในทารกชายที่อยู่ภายในครรภ์ของเธอมีภาวะโรคหัวใจพิการ และแม้ถือกำเนิดออกมาก็จำเป็นต้องใช้เวลาผ่าตัดอีกนานหลายปี
       
       ดังนั้นเธอจึงตัดสินใจด้วยความรู้สึกที่เจ็บปวดรวดร้าว ต้องยอมให้ทำแท้งลูกคนที่ป่วยเมื่อวันอังคาร (22) ทว่าเหตุการณ์เลวร้ายที่ไม่คาดคิดก็กระหน่ำซ้ำเติมเธอ หลังกระบวนการผ่าตัดทำแท้งเกิดความผิดพลาดขึ้น โดยไปเอาแฝดคนที่สุขภาพดีออกไป
       
       จากนั้นเธอก็เข้ารับการผ่าตัดคลอดบุตรแผดอีกคนที่เหลือ ณ โรงพยาบาลรอยัล วีเมนในนครเมลเบิร์นซึ่งทารกในครรภ์ที่สุขภาพไม่ดีก็คลอดออกมาเสียชีวิตเช่นกัน
       
       ถ้อยแถลงของโรงพยาบาลระบุว่า “โรงพยาบาลรอยัล วีเมน ยืนยันว่าเหตุการณ์ทางการแพทย์อันน่าเศร้านี้เกิดขึ้นเมื่อวันอังคาร นี่คือโศกนาฏกรรมครั้งเลวร้าย และโรงพยาบาลขอแสดงความเสียใจอย่างสุดซึ่งต่อคนไข้และครอบครัวของเธอ”
       
       “เรากำลังดำเนินการสืบสวนอย่างเต็มที่และพร้อมช่วยเหลือทุกอย่างแก่ครอบครัวและเจ้าหน้าที่ผู้เกี่ยวข้อง” โรงพยาบาลระบุ พร้อมบอกต่อว่าเจ้าหน้าที่สืบสวนอิสระจากโรงพยาบาลแคนเบอร์ราจะเข้าช่วยปฏิบัติการสืบสวนหาสาเหตุของเรื่องราวอันน่าเศร้านี้
       
       เพื่อนคนหนึ่งของผู้หญิงรายดังกล่าวบอกกับผู้สื่อข่าวว่า ครอบครัวนี้กำลังพยายามทำใจอย่างหนักเพื่อรับกับเรื่องราวที่เกิดขึ้นให้ได้ “เธอไปโรงพยาบาลพร้อมกับลูกในครรภ์ 2 คน แต่ตอนนี้เธอไม่เหลือใครเลย แค่เลือกสละชีวิตของลูกที่ป่วยก็เจ็บปวดพออยู่แล้ว มันคือบาดแผลทางใจของเธอ โรงพยาบาลบอกว่ากระบวนการเป็นไปอย่างถูกต้อง แต่เรื่องแบบนี้มันเกิดขึ้นได้อย่างไร”
       
       ทางครอบครัวของคนไข้ออกแถลงการณ์ขอความเป็นส่วนตัวหลังกลายเป็นคดีที่สื่อมวลชนให้ความสนใจ ขณะที่ เทด เบลลู นายกรัฐมนตรีรัฐวิกตอเรียกล่าวว่านับเป็นเรื่องเศร้าของทุกคนที่เกี่ยวข้องและขอให้สอบสวนอย่างเต็มที่

ASTVผู้จัดการออนไลน์    25 พฤศจิกายน 2554