ผู้เขียน หัวข้อ: สธ.นำเข้าเซรุ่มแก้พิษงูเขียวแมมบ้า  (อ่าน 1299 ครั้ง)

story

  • Staff
  • Hero Member
  • ****
  • กระทู้: 9755
    • ดูรายละเอียด
สธ.นำเข้าเซรุ่มแก้พิษงูเขียวแมมบ้า
« เมื่อ: 04 พฤศจิกายน 2011, 08:18:56 »
สธ.นำเข้าเซรุ่มแก้พิษงูเขียวแมมบ้า เผยถึงไทยวันพรุ่งนี้ เตือนประชาชนระวังสัตว์มีพิษ แนะหากถูกงูกัด ให้สังเกตรอยเขี้ยว หากเป็นงูพิษจะมีรูเขี้ยว 1-2 เขี้ยว ให้ใช้ผ้า เชือก หรือแผ่นยางรัดเหนือแผล
       
       จากกรณีสื่อมวลชนเสนอข่าวว่า มี งูกรีนแมมบ้า (Green mamba) ซึ่งมีแหล่งกำเนิดในแอฟริกา จำนวน 15 ตัว หลุดจากบ้านถูกน้ำท่วมย่านปากเกร็ด จ.นนทบุรี งูดังกล่าวสีเขียว มีพิษร้ายแรงมาก และกลายป็นกระแสข่าวผ่านสังคมออนไลน์นั้น
       
       ล่าสุด (3 พ .ย. )  นายวิทยา บุรณศิริ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ให้สัมภาษณ์ว่า กรณีดังกล่าวเป็นข่าวที่เผยแพร่จากสังคมออนไลน์และบอกเล่าปากต่อปาก ยังไม่สามารถตรวจสอบข้อเท็จจริงได้ จึงขอให้ประชาชนอย่าตื่นตระหนกกับข่าว อย่างไรก็ตาม เพื่อความไม่ประมาท กระทรวงสาธารณสุขได้ประสานกระทรวงการต่างประเทศ ให้นำเข้าเซรุ่มแก้พิษงูดังกล่าว จะถึงเมืองไทยในวันพรุ่งนี้ แม้ว่างูเขียวแมมบ้านี้ ในประเทศไทยยังไม่เคยมีรายงานพบผู้ป่วยถูกงูชนิดนี้กัดก็ตาม ซึ่งเซรุ่มแก้พิษงูที่กระทรวงสาธารณสุขสำรองในช่วงน้ำท่วมขณะนี้ มี 7 ชนิดตามชนิดของงูที่พบบ่อยในแต่ละภูมิภาค ได้แก่ งูเห่า งูจงอาง งูสามเหลี่ยม งูทับสมิงคลา งูแมวเซา งูกะปะ งูเขียวหางไหม้ รวมจำนวน 3,500 ขวด
       
       รมว.สธ. กล่าวด้วยว่า ขอให้ระมัดระวัง เนื่องจากในช่วงน้ำท่วม สัตว์ต่างๆ รวมทั้งงูจะหนีน้ำเอาชีวิตรอด อาจขึ้นไปอาศัยตามต้นไม้ หรือตามบ้านเรือนได้ ฉะนั้น จึงควรหลีกเลี่ยงการขึ้นไปอยู่บนต้นไม้ และดูแลบ้านเรือนให้เรียบร้อย พยายามหลีกเลี่ยงการล้วงหยิบสิ่งของตามซอกมุมต่างๆ เพราะในสถานการณ์น้ำท่วมขณะนี้ส่วนใหญ่จะยกสิ่งของขึ้นไปเก็บไว้ในที่สูงหรือบนชั้น 2 ของบ้าน ทำให้เป็นที่หลบซ่อนของสัตว์ต่างๆ ได้
       
       นพ.ไพจิตร์ ปลัด สธ.กล่าวว่า ผู้ที่ถูกงูกัดขอให้จดจำลักษณะของงูที่กัด หรือตีให้ตายแล้วนำซากไปให้แพทย์ดู เพื่อให้เซรุ่มได้ตรงกับชนิดงู และให้สังเกตลักษณะรอยแผล หากเป็นงูพิษจะมีรอยเขี้ยวงู 1-2 เขี้ยว ส่วนงูไม่มีพิษจะเป็นรอยฟันเรียงกันเป็นแถว หรืออาจเป็นเพียงรอยถลอก ไม่มีจุดเขี้ยว พิษของงูจะออกมาจากต่อมน้ำพิษที่เชื่อมติดกับเขี้ยวเข้าสู่บาดแผล มักมีอาการปรากฏภายใน 10-15 นาที
       
       “วิธีการปฐมพยาบาลเมื่อถูกงูพิษกัด สิ่งสำคัญคือ ต้องป้องกันไม่ให้พิษงูเข้าสู่หัวใจหรือแพร่ไปทั่วร่างกาย โดยให้ผู้ป่วยนั่งหรือนอนนิ่งๆ ปลอบใจให้คลายความตื่นเต้น และใช้ผ้า เชือก หรือแผ่นยางที่มีความกว้างประมาณ 2 นิ้ว รัดเหนือบาดแผลขึ้นไป 5-10 เซนติเมตรให้แน่นพอดี คลายทุก 10-15 นาที เพื่อป้องกันไม่ให้เนื้อตาย ซึ่งวิธีนี้ไม่ค่อยนิยมใช้ในปัจจุบัน แต่แนะนำว่าให้ส่วนที่ถูกกัดอยู่นิ่งๆ แล้วรีบนำส่งแพทย์ ขณะส่งจัดอวัยวะที่ถูกงูกัดให้ต่ำกว่าหัวใจ คอยปลุกให้ตื่นตลอดเวลา อย่าให้ดื่มสุราหรือยาที่มีฤทธิ์กระตุ้นหัวใจเพราะพิษงูจะแพร่ไปทั่วร่างกาย” นพ.ไพจิตร์ กล่าว
       
       นพ.ไพจิตร์ กล่าวต่อว่า ในไทยงูเขียวมีพิษจะเป็นงูเขียวหางไหม้ พบได้ทั่วประเทศ ลักษณะจะมีหัวเป็นรูปสามเหลี่ยม หางสั้นมีสีแดง ลำตัวเขียว ตัวจะเล็กและสั้นกว่างูเขียวแมมบ้า มีพิษต่อเลือดทำให้บวมปวดที่แผล จากนั้นผิวหนังจะเปลี่ยนสีเป็นคล้ำขึ้น เป็นเม็ดพอง ส่วนงูเขียวแมมบ้า รายงานจากต่างประเทศ เป็นงูที่มีพิษต่อระบบประสาท หลังถูกกัดจะมีอาการง่วงซึม ตาปรือ เดินไม่ไหวเหมือนไม่มีแรง หนังตาตก ลืมตาไม่ขึ้น พูดจาอ้อแอ้ กลืนน้ำลายไม่สะดวก หายใจลำบาก และเป็นอัมพาต เสียชีวิตเพราะหยุดหายใจ

ASTVผู้จัดการออนไลน์    3 พฤศจิกายน 2554