จากข่าวหน้าหนึ่งที่อดีตนางเอกและรองนางสาวไทย อรัญญา นามวงศ์ เกิดอาการกล้ามเนื้ออ่อนแรง และปากเบี้ยว ระหว่างรับประทานอาหารกับครอบครัวอย่างกะทันหัน จนต้องหามส่งเข้ารับการรักษาอย่างเร่งด่วน แพทย์วินิจฉัยว่าสาเหตุหลักเกิดจากความดันโรคหิตสูงเป็นเวลานานและควบคุมไม่ดี ทำให้เส้นเลือดในสมองซีกขวาแตก เกิดเป็นก้อนเลือดคั่งในสมอง หรือภาษาแพทย์เรียกว่า "เลือดออกในสมอง" ซึ่งอาการของโรค ดังกล่าวมักจะเกิดกับผู้สูงอายุ 40 ปีขึ้นไป ที่มีภาวะของโรคความดัน หัวใจ เบาหวาน ไขมันในเลือดสูง
ภาวะเลือดออกในสมอง ส่วนใหญ่เกิดขึ้นจากสาเหตุหลัก คือมีการแตกของเส้นเลือดในสมองขนาดเล็ก เนื่องจากการเสื่อมสภาพของหลอดเลือด มีการเปลี่ยนสภาพของภาวะสมองขาดเลือด และทำให้มีเลือดออกเกิดจากพยาธิสภาพที่ผิดปกติ เช่น ภาวะเส้นเลือดขอดในสมอง เนื้องอกในสมองกดทับ เป็นต้น ประสบอุบัติเหตุ สมองขาดออกซิเจน เนื่องจากมีอาการชัก หยุดหายใจ ผู้ที่มีภาวะหลอดเลือดหัวใจอุดตัน
สำหรับ ปัจจัยเสี่ยง ที่ทำให้เกิดภาวะเลือดออกในสมอง ได้แก่ โรคความดันโลหิตสูง โรคที่มีความผิดปกติของการแข็งตัวของเลือด จากการกินยาที่ช่วยไม่ให้เลือดแข็งตัว ไม่ควบคุมโรคเบาหวาน โรคไขมันในเส้นเลือดสูง ผู้ที่มีความเข้มข้นของเลือดสูง เช่น ผู้ที่กินอาหารรสจัด ผู้ที่เป็นโรคเส้นโลหิตเปราะบาง เช่น ผู้ป่วยที่กินแอสไพรินเป็นเวลานาน
ส่วน แนวทางการรักษาโดยปกติทั่วไปแล้ว เมื่อเกิดภาวะเลือดออกในสมองส่วนใหญ่จะให้การรักษาโดยการใช้ยาเป็นเบื้องต้น แต่ก็มีผู้ป่วยเป็นจำนวนไม่น้อย ที่จะต้องรับการรักษาโดยการผ่าตัด การผ่าตัดมี 2 วิธีที่นิยมทำกัน คือ การผ่าตัดเปิดกะโหลกศีรษะ เพื่อผ่าตัดเอาก้อนเลือดในสมองออก วิธีการใช้เจาะดูดก้อนเลือดในสมองด้วยเทคนิคนำวิถี
สำหรับศาสตร์ของแพทย์แผนจีน คิงส์ตัน ซี ฮาว อุย แพทย์จีนด้านการฝังเข็มฟื้นฟูระบบประสาท เปิดเผยว่า ภาวะเลือดออกในสมอง เกิดจากความเครียด หรือผู้ที่มีความดันโลหิตสูงและไม่ได้ควบคุม ตามศาสตร์แผนจีนแบ่งผู้ป่วยเป็น 2 ประเภท คือ 1 เรียกว่า "ผู้ที่มีตับหยางแกร่ง" ซึ่งจะผลักให้เป็นโรคความดันโลหิตสูง
สาเหตุของการเกิด "ตับหย่างแกร่ง" เกิดจากคนที่มีความเครียดสูง เจ้าอารมณ์ ขี้โมโห คิดเล็กคิดน้อย 2 เรียกว่า "หยินพร่อง" สาเหตุของการเกิด "หยินพร่อง" อาจเกิดจากการพักผ่อนไม่เพียงพอ นอนดึก อดนอน ในกรณีผู้สูงอายุอาจจะเกิดจากการมีเพศสัมพันธ์ที่มากเกินไปด้วย รวมทั้งผู้ที่ชอบกินเหล้า กินอาหารไขมันสูง ขาดการออกกำลังกาย
หลังจากการวินิจฉัยแล้วแบ่งอาการของโรคเป็น 2 ประเภท
ประเภทที่ 1 โท๊ะเจิ่น (ปล่อย) จะทำให้เกิดอาการน้ำลายยืด มือข้างใดข้างหนึ่งอ่อนแรง มือปล่อยค้างไม่มีแรง ยกขาไม่ขึ้น กลั้นปัสสาวะไม่ได้
ประเภทที่ 2 ปิ๊เจิ่น (ปิดกั้น) จะเกิดอาการมือเกร็งข้างใดข้างหนึ่ง กลืนไม่ได้ ลิ้นแข็ง ปากปิดไม่สามารถพูดได้ นอนไม่หลับ ขาก้าวไม่ออก
แพทย์จีน คิงส์ตัน ซี ฮาว อุย กล่าวว่า การรักษาตามศาสตร์ของแพทย์จีนจะรักษาด้วยการฝังเข็มและใช้ยาสมุนไพรจีนร่วมรักษา โดยจะมีช่วงเวลาทองคำ คือช่วงของการรักษาผู้ป่วยที่มีอาการเลือดออกในสมองที่มีอาการมาแล้ว 2 อาทิตย์-6 เดือน จะมีโอกาสฟื้นฟูได้ดีและมีโอกาสหายได้ไว ซึ่งผู้ที่มีอาการมานานกว่า 6 เดือนก็สามารถเข้ารับการรักษาได้ ซึ่งระยะเวลาการรักษาจะขึ้นอยู่กับอาการของคนไข้และการวินิจฉัย ผู้ที่มีอาการหนักจะต้องเข้ามาฝังเข็มอย่างต่อเนื่องถึง 6 วันต่อสัปดาห์
สำหรับผู้สูงอายุหรือผู้ที่มีโรคหัวใจและความดันโลหิตสูง ควรไปพบแพทย์เพื่อตรวจร่างกายเป็นประจำทุกปี และควรหลีกเลี่ยงอาหารไขมันสูง รสจัด รวมทั้งออกกำลังกายสม่ำเสมอ ก็จะมีสุขภาพแข็งแรงห่างไกลโรคภัยแน่นอน
บ้านเมือง 8 ตุลาคม 2554