เมื่อพูดถึงมะเร็ง กระแสหลักในปัจจุบันมองมะเร็งว่าเป็น "ตัวร้าย" และ "ศัตรู" และปีศาจที่น่ารังเกียจนี้ต้องถูกกำจัดออกไป และนี่คือจุดมุ่งหมายที่การแพทย์แผนตะวันตกทำ แต่การที่มองมะเร็งเป็นศัตรูนี่เอง ทำให้มะเร็งน่ากลัว และความกลัวนี่เองทำให้ผู้เผชิญกับโรคมะเร็งปิดกั้นหนทางรอดของตัวเอง
ดร.ไมค์ ซุน แพทย์ผู้ให้คำปรึกษาการรักษามะเร็งด้วยแพทย์แผนจีนในหลายสถาบัน ทั้งในจีน ไต้หวัน ฮ่องกง กล่าวว่า "มีคนมากมายเสียชีวิตจากโรคมะเร็ง เป็นการเสียชีวิตเนื่องจากความกลัว เขาคิดว่าการเชื่อมั่นในผู้เชี่ยวชาญก็คือแพทย์ และโรงพยาบาลก็เพียงพอแล้ว ตัวผู้ป่วยเองไม่ต้องรับผิดชอบสิ่งใด อย่างนี้เป็นความเข้าใจที่ผิด โรคมะเร็งเป็นเรื่องของตัวผู้ป่วยเอง ต้องปล่อยวางความกลัวจึงจะรู้ว่าจะจัดการกับโรคมะเร็งอย่างไร"
ดร.ไมค์ ซุน กล่าวอีกว่า "...ให้ท่านลองถามตัวเองว่า เมื่อพูดถึงมะเร็ง ความคิดเกี่ยวกับมะเร็งของเราคืออะไร เพราะความคิดของเรานั้นส่งผลต่อการรักษา หากเราเปรียบมะเร็งเป็นเพื่อน เชื่อว่าทุกคนคงอยากจะอยู่กันอย่างสงบสุข จากประสบการณ์รักษาผู้ป่วยมะเร็ง ผมพบว่าผู้ป่วยจำนวนมากหากมองมะเร็งแบบนี้ เขาจะรู้สึกว่ามะเร็งนั้นไม่น่ากลัว มะเร็งเป็นเพียงโรคเรื้อรังชนิดหนึ่งเท่านั้น เซลล์มะเร็งนั้นแต่เดิมก็อยู่ในร่างกายของเราอยู่แล้ว อาศัยมา 8-10 ปี เราอย่าไปเกลียดมะเร็ง เราต้องรักมัน เราต้องขอบคุณมะเร็งที่มันยอมเป็นถังให้เราทิ้งขยะมา 8 ปี 10 ปี เมื่อผู้ป่วยเปลี่ยนแปลงความคิด
เป็นอย่างนี้ ภูมิคุ้มกันก็เริ่มเพิ่มขึ้น ความดันโลหิตเริ่มปกติ จิตใจเริ่มสงบ ระบบประสาทเริ่มทำงาน ซึ่งระบบประสาทนั้นเชื่อมต่อโดยตรงกับเซลล์ภูมิคุ้มกันทั้ง T-cell lymphocyte และ NK cell เมื่อทั้งหมดกลับมาทำงาน เซลล์มะเร็งก็จะถูกควบคุม แม้อาจควบคุมได้ไม่ดี แต่อาการป่วยเริ่มคงที่ เนื้องอกเริ่มฝ่อเล็กลง ผ่านไป 3 เดือน 6 เดือน หรือ 3 ปี เซลล์มะเร็งเริ่มเปลี่ยนแปลงตายไป ร่างกายก็ยิ่งสงบ แม้ว่าเป็นมะเร็งแต่ร่างกายยังปกติ นี่เป็นมุมมองเกี่ยวกับการรักษาโรคมะเร็งอย่างหนึ่ง เป็นแนวคิดของแพทย์เพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ"
เกี่ยวกับแนวโน้มในการรักษามะเร็งในอนาคตนั้น ตามความเห็นของ ดร.ไมค์ ซุน ซึ่งปัจจุบันเป็นผู้บริหารของโรงพยาบาลมะเร็งเจิ้นกั๋ว กรุงปักกิ่ง สาธารณรัฐประชาชนจีน กล่าวว่า
"...ผมทำงานเป็นแพทย์ด้านการรักษามะเร็งโดยแพทย์แผนจีนในหลายประเทศ คิดว่าสำหรับการรักษามะเร็งในอนาคต ความหวังหนึ่งอยู่ที่ ยาสมุนไพรจีน เพราะปัจจุบันแพทย์แผนจีนสามารถผลิตยาจากสมุนไพรจีนที่เจาะจงต่อการรักษาโรคมะเร็ง โดยผ่านการวิจัยทางวิทยาศาสตร์ทั้งในหลอดทดลอง สัตว์ทดลอง และในคน เป็นยาที่ทำลายเซลล์มะเร็งเท่านั้น ไม่ทำลายเซลล์ปกติ เพราะเรายึดดังหลักการแพทย์แผนจีนที่กล่าวไว้ว่า ขจัดของเสีย รักษาสิ่งดีไว้ ที่สำคัญมีความปลอดภัย และสามารถใช้ร่วมกับการรักษาแผนตะวันตก ส่งเสริมสนับสนุนซึ่งกันและกัน โดยไม่ต่อต้านกัน"
ดร.ไมค์ ซุน ยังแสดงความเป็นห่วงว่า ด้วยแนวโน้มในปัจจุบันผู้ป่วยมะเร็งมักมองหาแพทย์ทางเลือกในการรักษามากยิ่งขึ้น แต่ปรากฏว่าหลายคนตัดสินใจใช้ตามคำบอกเล่าต่อๆ กันมา เมื่อได้ยินว่าวิธีใดที่จะช่วยเยียวยาโรคได้ ก็รีบหามาใช้โดยไม่ได้ดูว่าเหมาะกับร่างกายตนเองหรือไม่ เหล่านี้เป็นสิ่งที่บุคลากรทางการรักษามะเร็งทั้งหลายต้องเผชิญปัญหาอยู่ ในส่วนตนเองอยากฝากข้อคิดว่า เมื่อผู้ป่วยมะเร็งตัดสินใจในการรักษา สิ่งที่สำคัญที่สุด คือ ต้องพิจารณาหลักการ 3 SEE คือ S มาจาก Safety คือ ความปลอดภัย : ยาได้ผ่านการทดสอบความเป็นพิษแล้วรายงานผลว่าปลอดภัย ปราศจากความเป็นพิษ ส่งผลต่อเป้าหมายของยา คือเซลล์มะเร็งเท่านั้น ไม่เกิดผลข้างเคียงที่ไม่พึงประสงค์ E มาจาก Eficacy คือ ประสิทธิภาพ : ไม่เพียงแต่มีประสบการณ์ของผู้ใช้เท่านั้น แต่ต้องผ่านการทดลองทางวิทยาศาสตร์ ดีที่สุด คือ ผ่านการทดลองทางคลินิกในคน เพื่อยืนยันประสิทธิภาพ E มาจาก Economy คือ ค่าใช้จ่ายที่ต้องคุ้มค่า เหมาะสม
ปัจจุบัน ดร.ไมค์ ซุน ทำงานเป็นแพทย์ด้านมะเร็งในหลายสถาบัน อาทิ โรงพยาบาลมะเร็ง เจิ้นกั๋ว กรุงปักกิ่ง สาธารณรัฐประชาชนจีน, โรงพยาบาลว่านฮว๋า กรุงไทเป ไต้หวัน, ศูนย์วิจัยเพื่อต่อต้านโรคมะเร็ง ฮ่องกง, สมาชิกสมาคมแพทย์แผนจีนรักษามะเร็ง ไต้หวัน, แพทย์ที่ปรึกษา สมาคมการแพทย์บูรณาการและการแพทย์ทางเลือก แห่งฮ่องกง และแพทย์ที่แพทย์ทางเลือก แห่งฮ่องกง และแพทย์ที่ปรึกษา สมาคมฟื้นฟูสุขภาพผู้ป่วยโรคมะเร็งสากล ไต้หวัน
ทั้งนี้ชมรมฟื้นฟูสุขภาพผู้ป่วยโรคมะเร็ง ประเทศไทย ได้เรียนเชิญ ดร.ไมค์ ซุน มาบรรยายเรื่อง ยาสมุนไพรจีนกับการรักษาโรคมะเร็ง โดยจัดขึ้นที่ห้องออดิทอเรียม อาคารชินวัตร 3 (ชั้น 9) ถ.วิภาวดี-รังสิต ผู้สนใจสามารถติดต่อสำรองที่นั่งได้ที่ ชมรมฟื้นฟูสุขภาพผู้ป่วยโรคมะเร็ง โทรศัพท์ 0-2664-0078-9 หรือเข้าไปดูรายละเอียดได้ที่
www.siamca.com เข้าร่วมงานโดยไม่เสียค่าใช้จ่ายใดๆ ทั้งสิ้น
บ้านเมือง 12 กันยายน 2554