ผู้เขียน หัวข้อ: ไพร่อัปยศ!ทำรพ.จุฬาฯระส่ำถึงขั้นต้องคลานพื้นเปลี่ยนน้ำเกลือคนไข้(ผู้จัดการ30เมย)  (อ่าน 1855 ครั้ง)

story

  • Staff
  • Hero Member
  • ****
  • กระทู้: 9721
    • ดูรายละเอียด
ผลพวง “ไพร่แดง” ป่วน รพ.จุฬาฯ สะเทือนใจทั้งผู้ป่วย อาการโคม่า และอยู่ระหว่างรักษาโรคมะเร็ง ต้องระเห็ดหนีไปรักษาตัวโรงพยาบาลอื่น ขณะที่พยาบาล รพ.จุฬาฯ สะอื้นน้ำตานอง ระบุ รพ.จุฬาฯ เปิดมาเป็นเวลา 100 ปี ทุกคนถูกปลูกฝังให้ช่วยชีวิตเพื่อนมนุษย์มาตลอด ชี้คืนวันอันโหดร้ายถึงขั้นต้องคอยหลบกระสุน คลานที่พื้นไปเปลี่ยนน้ำเกลือให้คนไข้ ย้ำไม่เคยฝักใฝ่ฝ่ายใด เพียงแค่ต้องการช่วยเหลือชีวิตเพื่อนมนุษย์เท่านั้น

 วันนี้ (30 เม.ย.) เมื่อเวลา 12.00 น. ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศการเคลื่อนย้ายผู้ป่วย บริเวณอาคารคัคณางค์ติดกับตึกนวมินทราชินี ภายในโรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ว่า ทีมแพทย์และพยาบาลได้เร่งทำการเคลื่อย้ายผู้ป่วยไปตามโรงพยาบาลต่างๆ ทั่วกรุงเทพมหานคร โดยมีทั้งผู้ป่วยที่อาการหนัก และผู้ป่วยที่พักรักษาตัวมาเพื่อรอดูอาการ โดยบรรยากาศการเคลื่อนย้ายในวันนี้เป็นไปด้วยความโกลาหล และท่ามกลางความรู้สึกเสียใจของแพทย์และพยาบาล เนื่องจากผู้ป่วยที่ย้ายออกไปนั้นบางรายมีอาการโคม่า แต่ต้องย้ายออกไปเพื่อความปลอดภัย
       
       ส่วนกรณีที่มีข่าวออกมาว่ามีผู้เสียชีวิต จำนวน 2 ราย เนื่องจากเหตุความวุ่นวายที่กลุ่มเสื้อแดงบุกเข้ามาภายในโรงพยาบาลนั้น ทาง รศ.นายแพทย์อดิศร ภัทราดูลย์ ผอ.รพ.จุฬาฯ ได้ออกมาแถลงข่าวยืนยันว่า ไม่เป็นความจริง
       
       ด้าน นางอุไร จันทร์ทอง อายุ 29 ปี มาดาของ ด.ญ.กานชนิต์ พวงแก้ว อายุ 1 ปี กล่าวว่า ลูกสาวป่วยเป็นโรคตับ ม้ามโต ตาเหลือง ตัวเหลือง และเข้ามารักษาที่ รพ.จุฬาฯ ตั้งแต่วันที่ 20 เม.ย.ที่ผ่านมา แต่วันนี้ทางแพทย์ได้แจ้งว่าสถานการณ์ขณะนี้ไม่สงบ มีการชุมนุม อาจจะเกิดความไม่ปลอดภัย ให้พาลูกกลับไปรักษาตัวที่บ้าน และนัดมาตรวจอาการอีกครั้งในวันที่ 13 พ.ค. ซึ่งตนรู้สึกเป็นห่วงอาการของลูกสาวอย่างมาก ซึ่งเสื้อผ้าก็ไม่ได้เตรียมมาให้ลูกต้องหาเสื้อตัวเก่ามาใส่ให้ก่อน
       
       ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เจ้าหน้าที่พยาบาลได้เข็นเตียงคนไข้เป็นเด็กหญิงอายุ 7 ขวบ ชื่อ ด.ญ.อรนัท ซึ่งป่วยเป็นโรคมะเร็งเม็ดเลือดขาว ลงมาจากอาคารคัคณางค์ โดยมารดาของ ด.ญ.อรนัท กล่าวด้วยน้ำตานองหน้าว่า ลูกสาวป่วยเป็นมะเร็งเม็ดเลือดขาว รักษาที่ รพ.จุฬาฯ มาเป็นเวลา 2 ปี แล้ว ตนเสียใจมากที่ต้องพาลูกย้ายออกจากโรงพยาบาลอย่างกะทันหัน เนื่องจากลูกสาวอาการไม่ค่อยดี กลัวว่าลูกจะแย่ลงกว่าเดิม จากนี้จะส่งตัวลูกไปรักษาต่อที่ รพ.ราชวิถี
       
       ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังจากที่มีการเคลื่อนย้ายผู้ป่วย ทีมแพทย์และพยาบาล รพ.จุฬาฯ ได้ออกมายืนรวมตัวกัน เพื่อถือป้ายแสดงจุดยืนขององค์กรและความรู้สึกที่มีต่อเหตุการณ์ในครั้งนี้ ว่า “รพ.จุฬาฯ สภากาชาดไทย เป็นกลาง ยึดถือหน้าที่การดูแลผู้ป่วยเป็นสิ่งสำคัญสูงสุด โดยไม่แบ่งแยก โปรดอย่ามารุกล้ำการปฏิบัติหน้าที่เพื่อช่วยชีวิตเพื่อนมนุษย์ของพวกเรา”
       
       ทางด้าน น.ส.สุภาภรณ์ ศรีตังศิริกุล พยาบาลประจำโรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ กล่าวทั้งน้ำตาว่า โรงพยาบาลจุฬาฯ เป็นองค์กรที่ปฏิบัติงานมาเป็นเวลา 100 ปี ทำหน้าที่ด้วยความบริสุทธิ์ ทุกคนถูกปลูกฝังให้ช่วยเหลือชีวิตเพื่อนมนุษย์มาโดยตลอด เมื่อคืนที่ผ่านมาตนเองก็ต้องคอยหลบกระสุน ต้องคลานที่พื้นไปเปลี่ยนน้ำเกลือให้คนไข้ ช่วงที่ผ่านมาจนถึงขณะนี้มีการบริจาคอวัยวะและเลือดเยอะมาก แต่เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทำให้คนไข้เสียโอกาสที่จะได้รับการเปลี่ยนอวัยวะ เพราะต้องย้ายโรงพยาบาล ตนไม่เคยฝักใฝ่ฝ่ายใด เพียงแค่ต้องการช่วยเหลือชีวิตเพื่อนมนุษย์เท่านั้น พวกเราขอเพียงแค่ความปลอดภัยให้กับคนไข้ และความสะดวกในการทำงานเท่านั้น ซึ่งตนไม่ได้กลับบ้านมาเป็นเวลา 5 วันแล้ว เนื่องจากต้องอยู่ประจำการเตรียมพร้อมช่วยเหลือผู้ป่วยหากเกิดเหตุการณ์ฉุกเฉิน
       
       ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ทางคณะแพทย์โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ได้ประสานงานไปยังโรงพยาบาลศิริราช เพื่อจัดเตรียมห้องประทับให้สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก โดยขณะนี้ทรงประทับอยู่ที่อาคารเพิ่มพูล ว่องวานิช ชั้น 8 และจะสเด็จออกจาก รพ.จุฬาฯ เพื่อไปประทับรักษาพระอาการที่ รพ.ศิริราช ในเวลาประมาณ 15.00 น.