ผู้เขียน หัวข้อ: ศิริราชส่งหมอ รักษาพ่อคูณ เจาะช่องท้อง  (อ่าน 1215 ครั้ง)

story

  • Staff
  • Hero Member
  • ****
  • กระทู้: 9753
    • ดูรายละเอียด
หลวงพ่อคูณ" ทรุด ทีมแพทย์ ศิษยานุศิษย์เครียดถกด่วน เล็งส่งตัวไปรักษาที่ รพ.ศิริราช มีอาการสำลัก ฉันได้น้อยถึงไม่ยอมฉันเลย เล็งเจาะช่องท้องให้อาหาร-ยา ขณะที่ รพ.ศิริราช ตอบกลับ เตรียมส่งหมอชุดใหญ่มารักษาแทน...

เมื่อเวลา 09.30 น. วันที่ 30 ส.ค. ที่หอประชุมเปรมติณสูลานนท์ อ.เมือง จ.นครราชสีมา นายระพี ผ่องบุพกิจ ผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา และลูกศิษย์ใกล้ชิด เปิดเผยถึงอาการอาพาธของพระเทพวิทยาคม หรือหลวงพ่อคูณ ปริสุทโธ เจ้าอาวาสวัดบ้านไร่ ซึ่งพักรักษาอยู่ที่ รพ.มหาราชนครราชสีมา เป็นเวลานานเกือบ 4 เดือน มีอาการทรุดลงในช่วงกลางดึกว่า ตนได้รับรายงานจากคณะแพทย์แล้ว ไม่ได้ทรุดหรือเป็นอะไรมาก เนื่องจากน้ำหนักหลวงพ่อไม่เพิ่มขึ้น และฉันได้น้อย ขณะนี้อาการดีขึ้นแล้ว ซึ่งอาการโดยรวมยังทรงๆ ทรุดๆ และที่น่าห่วงคือเมื่อคืนหลวงพ่อคูณเกิดอาการสำลักอาหาร ทำให้ฉันภัตตาหารไม่ได้ และน้ำหนักตัวลดลงประมาณ 2-3 กิโลกรัม ทางคณะแพทย์ รพ.มหาราชนครราชสีมา จึงอยากให้นิมนต์หลวงพ่อคูณไปเจาะหน้าท้อง เพื่อให้อาหารทางกระเพาะอาหารที่ รพ.ศิริราช กรุงเทพฯ ขณะนี้อยู่ระหว่างการประสานกับ รพ.ศิริราช เพื่อส่งตัวไปรักษา ซึ่งทาง รพ.ศิริราชยังไม่ตอบรับกลับมา

ต่อมาเมื่อเวลา 11.00 น. วันเดียวกัน ที่ห้อง 9821 อาคารเฉลิมพระเกียรติ ชั้น 8 รพ.มหาราชนครราชสีมา คณะแพทย์โดยการนำของ นพ.พินิศจัย นาคพันธ์ แพทย์ผู้เชี่ยวชาญโรคหัวใจและหลอดเลือด รพ.มหาราชฯ แพทย์ประจำตัวหลวงพ่อคูณ ได้เข้าตรวจอาการ โดยหลวงพ่อคูณยังคงนอนพักผ่อนอยู่บนเตียง มีสายยางให้อาหารทางโพรงจมูก เนื่องจากหลวงพ่อคูณฉันได้น้อย และบางครั้งก็ไม่ยอมฉัน ประกอบกับมีอาการสำลักบ่อยครั้ง พร้อมกับให้ยาขยายหลอดลม โดยการตรวจใช้เวลาประมาณ 30 นาที ก่อนอนุญาตให้ผู้สื่อข่าวบันทึกภาพ และถ่ายภาพอยู่หน้าห้องกระจก โดยหลวงพ่อคูณนั่งก้มหน้าตลอดเวลา แต่รับรู้ และตอบสนองได้ดี ขยับมือ เท้าได้ ลุกยืนได้ แต่ก็ต้องมีลูกศิษย์คอยพยุงช่วย เนื่องจากหลบแสงแฟลช

นพ.พินิศจัย กล่าวว่า เมื่อวันที่ 19 ส.ค. หลวงพ่อคูณมีอาการสำลัก และติดเชื้อในปอดขึ้นอีกครั้ง จากนั้นได้รับยาปฏิชีวนะทางหลอดเลือดดำ รักษาภาวะปอดบวมจากการสำลัก ก็ดีขึ้นเรื่อยๆ และเมื่อวันที่ 28 ส.ค. สามารถที่จะหยุดยาฆ่าเชื้อที่ ให้ทางหลอดเลือดดำ สาเหตุสำลักเกิดจากปัจจัย 1. อายุมาก และ 2. เคยมีปัญหาเส้นเลือดสมองตีบ และเส้นเลือดสมองแตกที่รุนแรงมากต้องผ่าตัดเมื่อ 7 ปีก่อน จึงทำให้กลไกการกลืนผิดปกติ ทำให้มีอาการลำลักได้ง่ายขึ้น ส่วนอาการติดเชื้อที่ปอด ตอนนี้ดีขึ้นแล้ว

เมื่อถามถึงการที่หลวงพ่อไม่ยอมฉัน หรือฉันได้น้อย และมีอาการสำลักบ่อยครั้ง จำเป็นจะต้องเจาะหน้าท้อง เพื่อให้อาหารหรือไม่ นพ.พินิศจัย ตอบว่า มาถึง ณ วันนี้ที่เราได้คำตอบคือว่า ทุกคนเห็นพ้องต้องกันว่า ถ้าให้ท่านฉันอาหารเอง ไม่พอแน่ เพราะพอให้ท่านฉันเอง น้ำหนักก็จะลดลงไปเรื่อยๆ ซึ่งจริงๆ ท่านอยากฉัน แต่ก็ฉันได้น้อย และเรื่องของภาวะสำลัก เพราะพอท่านฉันเอง ก็จะเกิดปัญหาเกี่ยวกับการกลืน ซึ่งตั้งแต่ท่านอยู่ที่ รพ.มหาราชฯ ยังมีปัญหาปอดบวมจากการสำลัก 3 รอบแล้ว

ฉะนั้นคณะแพทย์ และลูกศิษย์รวมถึงผู้ใหญ่ที่ดูแล และทาง รพ.ศิริราช ทุกคนเห็นพ้องต้องกันว่า หลวงพ่อคงจะต้องให้อาหารทางหน้าท้องดีที่สุด เมื่อถามว่าหากจะย้ายไป รพ.ศิริราช จริงจะเดินทางได้หรือไม่ นพ.พินิศจัย กล่าวว่า เดินทางได้ แต่ตนคิดว่าทางศิริราชประเมินไว้หมดแล้ว ไม่อย่างนั้นจะเอาอาจารย์ขึ้นมา ทำให้เราหรือตนเชื่อว่าทางศิริราช ก็คงเอาหลวงพ่อเป็นหลัก จึงให้คำตอบเรามาแบบนั้น ส่วนอาการหรือสภาพ ณ วันนี้ ถือว่าท่านดีขึ้น วัณโรคดีขึ้นชัดเจน น้ำในช่องปอด วัณโรคในปอดด้านซ้ายก็หายไปเกือบหมด น้ำหนักขึ้นมา 5 กก.ครึ่ง จาก 35 กก. ตอนนี้ 40.5 กก. ส่วนการเจาะหน้าท้อง คงต้องรอคำตอบจากทางศิษยานุศิษย์ และผู้ว่าฯ ว่าประสานกันว่าจะเอาอย่างไร ส่วนโอกาสจะคืนสภาพร่างกาย กลับมาฉันอาหารเหมือนเดิม หรือเดินไปไหนมาไหนสะดวกนั้น ถ้าพูดในแง่ฉันอาหารได้เหมือนเดิม ตนคิดว่าคงเป็นไปไม่ได้ ซึ่งท่านฉันได้น้อยลงเรื่อยๆ ตามอายุของท่าน เรื่องเดินไปมา คิดว่าคงมีโอกาสที่ท่านจะมาเดินได้ ทุกวันนี้ก็เดินได้แต่เดินได้ระยะสั้นๆ.

ไทยรัฐออนไลน์ 30 สิงหาคม พ.ศ.2554