ผู้เขียน หัวข้อ: ใครกล้ากินปูขนจีน นับว่าใจถึง‏  (อ่าน 1814 ครั้ง)

seeat

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 470
    • ดูรายละเอียด
ใครกล้ากินปูขนจีน นับว่าใจถึง‏
« เมื่อ: 15 สิงหาคม 2011, 18:05:25 »
มีรายงานข่าวว่าศาสตราจารย์ทางเศรษฐศาสตร์แห่งมหาวิทยาลัยเยลท่านหนึ่งไปบรรยายที่มหาวิทยาลัยปักกิ่งเมื่อปีที่แล้วได้พูดถึงปลาไหล เขาบอกว่า ในเดือนกรกฎาคมปีเดียวกันนั้น เขาไปร่วมการประชุมทางวิชาการที่เมืองซูโจว ขณะรับประทานอาหาร มีนักวิทยาศาสตร์จากสถาบันวิจัยสิ่งแวดล้อมท่านหนึ่งบอก กับเขาว่า
" คุณรู้ไหมว่าทำไมปลาไหลในทุกวันนี้เติบโตรวดเร็วขนาดนี้ ก็เพราะว่าผู้เลี้ยง ใช้สารกระตุ้นในการเลี้ยง เมื่อคนกินปลาไหลเข้าไป สารกระตุ้นเหล่านี้จะออกฤทธิ์ในร่างกายคนติดต่อกัน 7-8 ปี"

ศาสตราจารย์างเศรษฐศาสตร์บอกว่าหลังจากได้ยินคำพูดนี้แล้วผู้ร่วมประชุม ไม่มีใครกล้ากินปลาไหลอีกเลย
เขายังเล่าต่อว่า"ข้าพเจ้ามีญาติคนหนึ่งขายถั่วงอก เขาบอกกับข้าพเจ้าว่าถั่วงอกนี้กินไม่ได้นะเพราะใช้สารกระตุ้น
ตามธรรมดาถั่วงอกจะต้องใช้เวลา 5 วันกว่าจะงอกเต็มที่ ถ้าใช้สารกระตุ้นค่ำคืนเดียวก็งอกเต็มที่แล้ว คนในหมู่บ้านรู้กันทั่วจึงไม่ซื้อถั่วงอกพวกนี้และถั่วงอกพวกนี้ก็จะส่งเป็นคันรถใหญ่ ภายในค่ำคืนเดียวก็ส่งถึงตลาดสดในกวางเจา

นอกจากปลาไหลและถั่วงอกแล้ว คนกวางตุ้งและคนฮ่องกงยังชอบกินปูขนอีก ซึ่งก็เลี้ยงด้วยสารกระตุ้นด้วยเช่นกัน
มณฑลเจียงซูเป็นแหล่งผลิตปูขนใหญ่ที่สุดในจีนมีฟาร์มปูขนกว่า 600 แห่ง ปูขนที่ขายในฮ่องกงและกวางตุ้งส่วนใหญ่มาจากมณฑลเจียงซู วารสารรายสัปดาห์ฉบับหนึ่งในฮ่องกงรายงานเมื่อเดือนตุลาคมปีที่แล้วว่า คนฮ่องกงชอบกินปูขน ราคาปูขนนับวันก็ยิ่งถูกลงจนกลายเป็นอาหารธรรมดาของชาวบ้านเสียแล้ว เมื่อราคาปูขนถูกลงชาวบ้านก็ยิ่งกินอย่างดุเดือด ปูขนทำไมถึงยิ่งขายยิ่งถูก เกิดจากปริมาณการผลิตมากหรือ ?

ผู้สื่อข่าววารสารฉบับนั้นเดินทางไปทำข่าวในมณฑลเจียงซูพบว่า ปูขนล้วนแล้วแต่ใช้สารกระตุ้นในการเลี้ยงปูขนในธรรมชาติอย่างน้อยต้องใช้เวลาสองปีกว่าจะเติบโตหนักถึงตัวละสองตำลึง แต่ในฟาร์มปูขนมณฑลเจียงซูใช้สารกระตุ้นในการเลี้ยงเพียงปีเดียวก็สามารถเก็บเกี่ยวไปขายได้

ผู้สื่อข่าวซื้อปูขนจากฟาร์มในมณฑลเจียงซูกลับมาตรวจวิเคราะห์ที่ศูนย์ปฏิบัติการห้องแล็บในฮ่องกง ผลปรากฏว่า
ในเนื้อปูไม่เพียงแต่มีสารกระตุ้นเท่านั้น ยังมีสารปฏิชีวนะอีกหลายชนิด

นายฉวี ผู้จัดการฟาร์มปูขนต้าฟาในมณฑลเจียงซู กล่าวกับผู้สื่อข่าวว่าปูขนนับตั้งแต่ลูกปูจนกระทั่งปูขุนวางตลาดขายได้อย่างน้อยต้องใช้สารกระตุ้น เช่น เอธานอลและยาปฏิชีวนะกว่าสิบชนิดในการเพาะเลี้ยง

เขายังพูดอย่างถ่อมตนว่าเขาเองถือว่าเป็นคนอนุรักษ์หน่อย คนฮกเกี้ยนร้ายกว่านี้เพราะใช้ยาคุมกำเนิดให้ปูกินขณะที่ปูวางไข่เพื่อแม่ปูจะได้ไม่ผอมและโตเร็ว

ผู้จัดการฟาร์มยังจับปูสองตัวชูขึ้นมาอวดผู้สื่อข่าวว่า
" คุณดูซิมันดุแค่ไหน ถ้าไม่กินยามันจะดุขนาดนี้หรือ"
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า "ทำเช่นนี้จะไม่เป็นภัยต่อผู้อื่นหรือ ?

ผู้จัดการฟาร์มตอบอย่างตรงไปตรงมาว่า
" เดี๋ยวนี้พวกสัตว์น้ำเลียงและสัตว์บกเลี้ยงมีอย่างไหนที่ไม่ใช้ยาในการเลี้ยงบ้าง คุณไม่ทำแต่คนอื่นทำแล้วคุณจะทำธรกิจได้อย่างไร"

ผู้สื่อข่าวฮ่องกงขณะเข้าชมฟาร์มปูขน เห็นคนงานเอาอาหารสัตว์ที่ผสมสารกระตุ้นแล้ว ขนขึ้นเรือโปรยไปรอบๆสระน้ำดังกับนางฟ้าโปรยดอกไม้ ปูขนในเจียงซูส่วนใหญ่จะส่งขายที่ฮ่องกงและกวางตุ้งโดยขนส่งทางเครื่องบิน จับปูในค่ำคืนนั้นเช้าวันรุ่งขึ้นก็ส่งถึงฮ่องกงและเสิ่นเจิ้น

พอตกบ่ายก็ออกสู่ตลาด พอค่ำคืนปูเหล่านี้ก็ถูกกินลงท้องชาวฮ่องกงแล้ว ผู้จัดการฉวีเปิดเผยว่า เพื่อป้องกันปูขนตายระหว่างการขนส่ง ก่อนจับปูจะป้อนยาปฏิชีวนะเป็นครั้งสุดท้าย เพราะฉะนั้นหลังจากนั้น 24 ชั่วโมง ยาปฏิชีวนะก็จะตกลงท้องชาวฮ่องกง

ผู้สื่อข่าวฮ่องกงเปิดเผยว่าตามท้องถนนในระแวกฟาร์มเลี้ยงปูขนต้าฟา จะเห็นร้านขายยาปูขนกลาดเกลื่อนไปหมด
เขาเข้าไปชมร้านขายยาแห่งหนึ่ง คนขายเอายาออกมาให้ดูสิบกว่าชนิด แนะนำวิธีใช้ของแต่ละชนิดให้ผู้สื่อข่าวทราบด้วย นอกจากใช้สารกระตุ้นและยาปฏิชีวนะแล้ว ฟาร์มปูขนในเจียงซูยังใช้แมวตาย หมูตาย และสัตว์เลี้ยงที่ตายแล้วมาเลี้ยงปูขน

คุณอาหลี่ ผู้บริหารฟาร์มปูขนแห่งหนึ่งในเจียงซูชี้ไปยังหมาตายและกองเป็ดไก่ที่ตายแล้วแต่ยังไม่ลอกหนังออก
บอกว่าช้เลี้ยงปูขนสัปดาห์ละหนึ่งครั้งเพราะปูขนชอบเนื้อเน่าเป็นพิเศษ(สัตว์ตระกูลปู และ กุ้ง ตามธรรมชาติจะชอบกินอาหารที่เน่าเปื่อยแล้ว )

ผู้สื่อข่าวฮ่องกงเห็นหมาตายที่ลอกหนังออกแล้วลอยอยู่บนบ่อเลี้ยงปูและเห็นปูขนตะเกียกตะกายจิกกินหมาเน่าซึ่งลำตัวมีคราบเลือดสีม่วง แยกเขี้ยวอย่างน่าเกรงขาม

แต่คุณอาหลี่กล่าวอย่างพึงพอใจว่า "สิ่งเหล่านี้เป็นอาหารสัตว์ธรรมชาติเพราะฉะนั้นปูของผมมีคุณค่าทางโภชนาการอย่างสมบูรณ์ กินเนื้อตั้งแต่ยังเล็ก ไม่เหมือนฟาร์มอื่นที่กินแต่ยา"

หมาเหล่านี้ถูกแก๊งล่าหมาใช้โปแตสเชี่ยมไซยาไนให้เบื่อหมากินแล้วตายแล้วก็ลากมาขายให้กับฟาร์ม ในตัวหมาจึงมีพิษ

ปัจจุบันอาหารสัตว์ที่ใช้เลี้ยงปูขนมีสองประเภทใหญ่ คือ มังสะวิรัติ และอาหารคาว มังสะวิรัติหมายถึงการใช้สารกระตุ้นและยาปฏิชีวนะ อาหารคาวหมายถึงเนื้อหมา เป็ด ไก่ หนู ปลาที่ตายแล้ว สิ่งเหล่านี้เรียกว่าาหารสัตว์ธรรมชาติ

ทะเลสาบหยางเฉิงในมณฑลเจียงซูเป็นแหล่งปูขนที่มีชื่อที่สุด จากสถิติของหน่วยงานสัตว์น้ำเปิดเผยว่าทะเลสาบหยางเฉิงในแต่ละปี มีปูขนเกรดหนึ่งเพียง 13,000 ตัวเท่านั้น

แต่คนฮ่องกงในปีที่แล้วบริโภคปูขน 13 ล้านตัว เฉลี่ยแล้วบริโภคคนละ 2 ตัวต่อปี แสดงว่าส่วนใหญ่เป็นปูขนแปลกปลอม

นักวิจัยผู้หนึ่งจากสถาบันสัตว์น้ำจืดมณฑลเจียงซูกล่าวว่า " ปัจจุบันนี้ทุกคนก็บอกว่าเขาขายปูขนของแท้จากทะเลสาบหยางเฉิง แต่จริง ๆ แล้วกว่า 80 เปอร์เซ็นต์ เป็นปูขนกลายพันธุ์หรือปูขนพิษ

คนกวางตุ้งและคนฮ่องกงชอบบริโภคเต่า แต่ผู้เลี้ยงใช้ยาคุมกำเนิดให้เต่ากินเพื่อเพิ่มน้ำหนักโดยปรกติแล้วเต่าจะต้องใช้เวลาห้าถึงหกปีกว่าจะเติบโตแต่ปัจจุบันใช้เวลาปีถึงสองปีก็ออกสู่ตลาดได้แล้ว

คนฮ่องกงและคนกวางตุ้งยังชอบบริโภคงูอีก แต่ตามรายงานข่าวจากหนังสือพิมพ์จิงเป้าเปิดเผยว่า ฟาร์มงูจะใช้ยาคุมกำเนิดให้งูกินเพื่อเพิ่มน้ำหนักในเวลาอันสั้น งูที่ขายในตลาดเสิ่นเจิ้นและฮ่องกง ถ้าลำตัวอ้วนพลีนั้นแหละล้วนเกิดจากการกินยาคุมกำเนิด ปูขนพิษ งูพิษ ปลาไหลพิษ เต่าพิษ ต่าง ๆ เหล่านี้เป็นเพียงเสี้ยวหนึ่งของปลายยอดภูเขาน้ำแข็งขนาดมหึมาที่ โผล่เหนือน้ำของบรรดาอาหารปนเปื้อนพิษในประเทศจีน

ดังที่ผู้สื่อข่าวฮ่องกงถามผู้จัดการฉวีว่า " แล้วรัฐบาลไม่ห้ามหรือไม่มีมาตรการในการตรวจสอบหรือไง"
ผู้จัดการฉวีตอบอย่างไม่อ้อมค้อมว่า"พูดเป็นเล่น คุณไม่เข้าใจประเพณีของประเทศจีน จะใช้ยาในปริมาณเท่าไหร่
หรือการตรวจสอบก่อนออกสู่ตลาด มันไม่มีมาตรฐานที่แน่นอนหรอก

เขาพอใจก็จะปล่อย ถ้าไม่พอใจต่อให้มีมาตรฐานสะอาดบริสุทธิ์เขาก็ไม่ปล่อย"
เดิมทีคนที่กินปูขนถือว่าเป็นคนรวยเพราะการกินปูขนราคาแพงและหายาก มีน้อย แต่ปัจจุบันใครกล้ากินปูขนจากจีน ถือว่าเป็นคนใจถึง

(น่าจะรวมถึงอาหารที่มาจากฟาร์มเลี้ยงเกือบทุกชนิดด้วย)
..........................................................................