ผู้เขียน หัวข้อ: การเมืองเปลี่ยนขั้วไป ใช่ว่าขบวนการยุบกระทรวงสาธารณสุขจะหมดไป พ.ร.บ.คุ้มครองผู้เสียหายฯยังไม่ตาย  (อ่าน 2182 ครั้ง)

usah

  • Staff
  • Newbie
  • ****
  • กระทู้: 6
    • ดูรายละเอียด
การเมืองเปลี่ยนขั้วไป ใช่ว่าขบวนการยุบกระทรวงสาธารณสุขจะหมดไป พ.ร.บ.คุ้มครองผู้เสียหายฯยังไม่ตาย ยังเป็นหนึงในเครื่องมือของการยุบกระทรวงสาธารณสุข และเครื่องมือหากินของกลุ่มผู้อยู่เบื้องหลังการถลุงเงินแผ่นดิน ด้วยกองทุนอิสระ โปรดทบทวน บทเรียนประว้ติศาสตร์กระทรวงสาธารณสุข ในปีที่ผ่านมา


______________________________________________________________
การเดินทาง ของ อ.ประชุมพร อ.พจนา อ.เชิดชู อ.อรพรรณ ... เปรียบเสมือน คณะการเดินทางของพันธมิตรแห่งแหวน The Fellowship of the Ring
โดยหมอแต๋ง เมื่อ 19 กันยายน 2010 เวลา 10:55 น.


การเดินทาง ของ อ.ประชุมพร อ.พจนา อ.เชิดชู อ.อรพรรณ อ.ประดิษฐ์ อ.สุกฤษฎิ์ อ.พัชรี อ.สุธัญญา อ.วัฒโนทัย อ.วิสุทธิ์ และอีกคนหนึ่ง  เปรียบเสมือน คณะการเดินทางของโฟรโด้และพันธมิตรแห่งแหวน The Fellowship of the Ring.
ผู้เขียน หมอแต๋ง
 
คำขวัญประจำใจ ของทุกคน กล่าวได้ว่า ใจตรงกัน  คือ "คนเก่งคนดีมีมากมาย แต่ทำไมถึงต้องเป็นกรู?"
 
The Fellowship of the Ring.
 
-เซารอน ขยายกองทัพและพันธมิตร เตรียมคุกคาม อาณาจักร กอนดอร์ โรฮัน เอลฟ์ คนแคระ พ่อมด และเอ๊นท์
-กอนดอร์ มีปัญหาเกมการเมืองภายใน
-โรฮัน มีปัญหาคนสนิทพระราชาทรยศ พระราชาถูกครอบงำและแม้เมื่อพ้นการครอบงำก็ไม่มีใจสู้ แก้ปัญหาโดยใช้วิธีหนีสงคราม
-เอลฟ์ เคยผิดหวังกับมนุษย์จึงเตรียมปลีกวิเวกไม่เข้าสงครามแต่จะหลบไปแดนอมตะ
-เอ๊นท์ เป็นพวกเทพ สุขสบายปลีกวิเวกว่าธุระไม่ใช่
-อาณาจักรคนแคระถูกทำลายไปแล้ว
-อาณาจักรพ่อมดขาวซารูมานก็หักหลังพวกเดียวกันไปเข้ากับเซารอนเรียบร้อยไปแล้วอีกอาณาจักรหนึ่ง
 
คนที่มองเห็นปัญหาคือ พ่อมดเทา แกนดัฟท์ ซึ่งเป็นผู้วิ่งรอบๆจัดคนนั้นคนนี้ให้มาเจอกันแล้วตกลงร่วมงานกัน ซึ่งโฟรโด้รักและเชื่อถือแกนดัฟท์
 
ทั้งหมดได้หารือกันถึงอันตรายที่จะเกิดขึ้น และเห็นร่วมกันว่า ปัญหาคืออะไร และการแก้ปัญหาคืออะไร? ก็มอบให้พันธมิตรแห่งแหวนไปเคลื่อนไหว เพราะเจ้านายของพันธมิตรอาจกลัวเซารอนจะโกรธ จึงใช้วิธีให้คนที่ไม่ใช่ลูกน้องตัวเองแอบไปหยอดแหวนลงปล่องภูเขาไฟเพื่อทำลายอำนาจของเซารอน ทั้งนี้ ต้องมีการตกลงว่าใครจะเป็นคนถือแหวน เพราะเกรงอาจจะหักหลังเอาแหวนไปใช้เสริมอำนาจตนเอง
 
กรรมจึงมาตกที่โฟรโด้ เพราะไม่รู้เรื่องมากที่สุดและมีจิตใจที่สะอาดที่สุด
 
ทางหนึ่งต้องมีกลุ่มบอดี้การ์ดช่วยให้โฟรโด้และคณะไปให้ถึงที่หมาย
 
ทางหนึ่งก็ปลุกระดมพันธมิตรให้เห็นปัญหาและทางแก้เพื่อให้กลับมามีกำลังใจที่จะสู้
 
The Fellowship of the Pojchana&Prachumporn.
สถานการณ์เมื่อเริ่มต้น
 
สังคมได้รับรู้ถึงร่างกฎหมายที่ดีที่สุดในโลกและการันตีโดยผู้มีชื่อเสียงสังคมคนทั่วไปรู้จักหน้าฉากว่าเป็นคนดีของสังคมให้การรับรอง
 
หลักการและเหตุผลเป็นการเขียนระดับเทพ อ้างที่มาถึงเมืองนอกเมืองนาสวีเดนแดนสวรรค์
 
-ใครค้านย่อมเป็นคนเลวหรือวิกลจริต ไม่สมองก็จิตใจต้องไม่สมประกอบ ไม่มีหัวใจ เป็นคนใจดำ เป็นควายเพราะถูกจูงจมูก
 
-ใครสนับสนุนย่อมเป็นคนดีที่หวังดีต่อประชาชนและประเทศชาติ มีมนุษยธรรมสูงส่ง มีหัวใจมนุษย์
 
-มีองค์กรเอกชนที่เข้มแข็งพร้อมคนป่วยคนพิการที่จะนำมาสร้างความน่าสงสารสังเวชแก่ผู้คนได้ทุกเมื่อ
 
ทำให้ไม่มีใครกล้าออกมาคัดค้านผ่านสื่อสังคม เพราะกลัวจะเดือดร้อน ภายใต้สถานการณ์ที่เป็นรองทางสังคมและการเมืองรวมทั้งการบริหารงานของผู้บริหารกระทรวงสาธารณสุขที่อยู่ข้างเอวนักการเมืองตลอดเวลา
 
 
เบื้องหลังของสถานการณ์ คือ การดำเนินการของสหพันธ์ผู้ปฏิบัติงานด้านสุขภาพและสาธารณสุข แห่งประเทศไทย กับ สมาพันธ์แพทย์รพศ./รพท.เพื่อปกป้องวิชาชีพสุขภาพและสาธารณสุข เพื่อป้องกันแก้ไขไม่ให้เกิดวิกฤติการณ์สาธารณสุข อันจะนำไปสู่วิกฤติการณ์ของประเทศ นั้น เป็นไปด้วยความยากลำบาก  
 
สถานการณ์ที่ผ่านมา : จุดเริ่มต้นของพันธมิตรแห่งแหวน
 
สมาพันธ์แพทย์รพศ./รพท. เป็นองค์กรที่ไม่มีใครอยากอ้างชื่อและไม่อยากมีชื่อร่วม แต่อยากได้ส่วนที่เป็นผลลัพธ์เท่านั้น เพราะ เป็นการรวมกลุ่มเพื่อเรียกร้องสิ่งที่น่าเกลียดในสายตาของคนที่ดี๊ดี คือ การเรียกร้องค่าตอบแทน เพราะทนไม่ได้กับการเลือกปฏิบัติของผู้บริหารระดับสูงของกระทรวง ในปีที่แล้วมา แม้ชาวสมาพันธ์เองก็รู้สึกว่าตนเอง น่าจะไม่ต้องกินข้าว เพราะเป็นหมอจะต้องให้ประชาชนต้องมาก่อน เป็นหมอต้องเสียสละ อะไรทำนองนั้น
 
มันเป็นวาระจร แต่ เป็นเรื่องด่วนที่สุดของที่สุด
 
กรรมการสมาพันธ์ส่วนหนึ่งเป็นอนุกรรมการปรับเปลี่ยนค่าตอบแทนฯในแพทยสภา ได้มีหัวข้อในวาระจรว่า อยากรู้ว่าแปดปีแล้วที่เราเป็นเมืองขึ้นของสปสช. การเข้าถึง-เสมอภาค-เท่าเทียมในบริการสาธารณสุขมันไปถึงโลกพระศรีอาริยเมตไตรยดังความมุ่งหวังของผู้เสนอกฎหมายแล้วหรือยัง? เราก็เลยได้คุยกัน
 
แล้วก็มีการจัดสัมมนาแปดปีภายใต้หลักประกันสุขภาพแห่งชาติ รองเลขาธิการสปสช.นพ.ประทีป ธนกิจเจริญ แจ้งว่าสถานะเงินบำรุงเป็นบวกกว่า๕หมื่นล้านบาท
 
แต่ขณะเดียวกัน ข้อมูลจากกระทรวงสาธารณสุขโดยผู้ตรวจราชการสมชัย นิจพาณิชย์ แจ้งว่าขณะนั้น โรงพยาบาลของรัฐมีสถานะการเงินติดลบกว่า๕๐๐แห่ง รวมติดลบ๒พันล้านบาท กว่า๓๐๐แห่งใกล้สถานะล้มละลาย หลายโรงพยาบาลได้รับใบแจ้งหนี้ และหลายโรงพยาบาลได้รับหมายศาล เพราะไม่มีเงินชำระค่ายา สปสช.ก็ใช้วิธีเดิมที่ชำนาญ คือ ไม่ตอบคำถาม
 
ไม่ว่าเวทีไหนก็ตาม ที่มีการสัมมนาเรื่องราวเกี่ยวกับสปสช. จะพบว่า ผู้ปฏิบัติงานแทบทุกแห่งมีความไม่พึงพอใจที่จะอยู่ภายใต้สภาวการณ์เช่นนี้  จากการประชุมสัมมนาแปดปีภายใต้พรบ.หลักประกันสุขภาพแห่งชาติก็เช่นเดียวกัน ข้อเสนอมีมากมาย แต่ที่เด่นชัดและมากมายที่สุด คือ การปลดแอกสปสช.ออกจากกระทรวงสาธารณสุขและโรงพยาบาลทุกแห่ง เสนอให้ยุบสปสช.และให้กระทรวงสาธารณสุขบริหารเงินเอง อีกทั้งมีข้อเสนอเพิ่มเติมคือ การออกจาก กพ. นั่นคือ ปัญหาการทำงานไม่ใช่จากเงินเท่านั้น ยังมีปัญหาของอัตรากำลัง ที่มีความขาดแคลนทุกสาขาอาชีพ เรียนจบมาไม่ได้รับการบรรจุเป็นข้าราชการเพราะรัฐบาลมีนโยบายลดจำนวนข้าราชการทั้งที่ภาระงานด้านสุขภาพและสาธารณสุขเพิ่มมากขึ้น และประชาชนมีความคาดหวังถึงบริการที่สูงกว่าความเป็นจริงซึ่งเป็นผลมาจากการที่สปสช.โฆษณาเกินจริงอยู่ตลอดเวลา
 
และปัญหาอัตรากำลังน่าจะเร่งด่วนกว่า จึงมีการสัมมนาเรื่องการออกจากกพ.เพื่อกำหนดอัตรากำลังเองให้เหมาะสมกับภารกิจที่เราต้องดูแลสุขภาพและการสาธารณสุขแก่ประชาชน ซึ่งผู้เข้าร่วมการสัมมนาที่มาจากทั่วประเทศและจากกรมวิชาการก็ได้มีมติร่วมกันว่าสมควรดำเนินการเสนอร่างกฎหมายแยกตัวออกจากกพ. ในขณะที่เรากำลังดำเนินการเกี่ยวกับการสัมมนานั้นกลับมีเรื่องเร่งด่วนแทรกเข้ามา คือ เรื่องการออกพระราชบัญญัติคุ้มครองผู้เสียหายจากการรับบริการสาธารณสุข อ.ประชุมพรได้เสนอเรื่องนี้เมื่อศึกษาโดยคร่าวๆแล้วก็พบว่ามีปัญหาใหญ่กว่าและเร่งด่วนกว่า
 
ที่ประชุมทราบว่า ปัญหาการดูแลรักษาสุขภาพประชาชนนั้นเป็นเหตุมาจากพ.ร.บ.หลักประกันสุขภาพแห่งชาติที่เอาเงินไปกักไว้ที่สปสช. ทำให้ไม่มีเงินมาใช้ในการดูแลประชาชนและการมีนโยบายลดอัตรากำลังข้าราชการ ทำให้อัตรากำลังขาดแคลน ผู้ให้การดูแลรักษาคนป่วยไม่เพียงพอและเกิดความเหลื่อมล้ำไม่เป็นธรรม ไม่เสมอภาค ไม่เท่าเทียม เพราะผู้ปฏิบัติงานในหน้าที่รับผิดชอบเดียวกัน แต่ได้รับการปฏิบัติจากรัฐไม่เหมือนกัน คนหนึ่งสถานะลูกจ้างแต่อีกคนหนึ่งเป็นข้าราชการ ทั้งปัญหาจากสปสช.และปัญหาจากนโยบายลดข้าราชการ ทำให้โรงพยาบาลและสถานบริการ รวมทั้งหน่วยเหนือคือกระทรวงสาธารณสุขและรัฐบาลไม่สามารถแก้ปัญหาการบริการที่ไม่สมดุลของผู้ป่วยกับผู้ดูแลรักษาผู้ป่วย ผู้ดูแลรักษาผู้ป่วยทำงานเกินกำลัง ทำให้เกิดปัญหาต่างๆ แต่รัฐบาลโดยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข กำลังจะออกกฎหมายด้วยความเขลาเพราะไม่มีความรู้ที่จะบริหารจัดการและมีความประสงค์จะหาเสียงเท่านั้น คิดง่ายๆว่าหลักการดูดีน่าจะได้คะแนนเสียงจากแพทย์-ประชาชน-และเอนจีโอผู้ที่รัฐมนตรีอยากได้เป็นพวก ยิงทีเดียวได้นกสามตัว แต่ที่ไหนได้เมื่อเข้าเนื้อหาและดูกลไกที่จะเกิดจากกฎหมายแล้ว พบว่า เป็นกฎหมายปีศาจแปลงร่างมาในคราบวิญญูชนจอมปลอม แต่จะทำอย่างไร? เมื่อสังคมถูกทำให้เชื่อเช่นเดียวกับคุณรัฐมนตรีและคุณรัฐบาล วาระเร่งด่วนของการปกป้องระบบการแพทย์และการสาธารณสุขจึงเกิดขึ้น
 
 
ทำอย่างไร? เพื่อให้สังคมและรัฐบาลได้สติ และมองเห็นปีศาจในร่างเทพ ตามความเป็นจริง จะทำอย่างไร?
จึงเป็นที่มาของพันธมิตรแห่งแหวน
 
จากสมาพันธ์แพทย์โรงพยาบาลศูนย์/โรงพยาบาลทั่วไป สู่ สหพันธ์ผู้ปฏิบัติงานด้านการแพทย์และสาธารณสุข แห่งประเทศไทย
 
------------------------------------------------------------------------------------------------
หมายเหตุเพิ่มเติม
 
ดินแดนที่เรียกว่า ไชร์ ในตำนานแห่งแหวน
ที่นี่ไม่มีใครรู้ว่ามหันตภัยคืออะไร
พ่อมด พระราชา เอลฟ์ เอ๊นท์ คนแคระ และทหารม้าแห่งโรฮัน ต่อสู้กับอำนาจมืดของเซารอนอย่างไรก็เป็นเพียงตำนานที่เล่ากันในไชร์  
ชีวิตในไชร์ก็ต่างทำมาหากิน ตามประสา ไม่มีกำลังอำนาจที่จะต่อสู้  
เมื่อมีภัยชีวิตในไชร์ก็จะหลบซ่อนหากถูกพบเห็นก็จะหลบหนี มีการรวมกลุ่มเฉพาะการสังสรรค์
แต่ไม่มีการรวมกลุ่มเพื่อการต่อสู้ เมื่อประสบเรื่องร้ายแรงก็จะสูญเสียและร้องไห้คร่ำครวญ  
 
ไชร์จึงเป็นดินแดนที่ห่างไกลข้อมูลข่าวสาร ห่างไกลสนามรบและการต่อสู้  
ไชร์ไม่รับรู้ถึงมหันตภัย เมื่อแกนดัฟท์ไปพบโฟรโด้ ครั้งนั้น การแสดงอิทธิฤทธิ์ของพ่อมด
กลายเป็นสิ่งที่เรียกว่ามายากลของผู้คนในไชร์
เมื่อกล่าวถึงการไปต่อสู้กับอำนาจมืด
ผู้คนในไชร์จึงเพียงสงสัย "จริงหรือ?"
"ทำไมเราต้องเชื่อคุณ?" แต่สุดท้าย
จะมีเสียงคร่ำครวญว่า "ทำไมถึงต้องเป็นเรา?"
 
----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
โปรดติดตามตอนต่อไป  หอคอยคู่พิฆาต : The Two Towers

______________________________________________________________________________

หอคอยคู่พิฆาต : The Two Towers
ผู้เขียน หมอแต๋ง  ๑๙กันยายน ๒๕๕๓
ทำอย่างไร? เพื่อให้สังคมและรัฐบาลได้สติ
และการช่วยให้สังคมและรัฐบาลได้มองเห็นปีศาจในร่างเทพ ตามความเป็นจริง จะทำอย่างไร?
จึงเป็นที่มาของพันธมิตรแห่งแหวน

 
กลุ่มสมาพันธ์แพทย์รพศ./รพท. เคยร่วมกันเรียกร้องความเป็นธรรมจากผู้บริหารกระทรวงสาธารณสุขในเรื่องค่าตอบแทนที่ไม่เป็นธรรมซึ่งอดีตผู้บริหารเคยเลือกปฏิบัติ ด้วยการคล้อยตามชมรมแพทย์ชนบท ซึ่งเป็นกลุ่มที่ได้รับการต้อนรับ ด้วยการยอมให้เป็นอภิสิทธิ์ชนและเป็นที่คร้ามเกรงของผู้บริหารกระทรวงสาธารณสุข และเป็นแขนงเล็กๆของกลุ่มสนับสนุนร่างกฎหมายอันตรายในปัจจุบัน โดยผู้บริหารกระทรวงไม่มีรายใดที่กล้าหาญต่อกรกับกลุ่มอิทธิพลกลุ่มนี้ นับเป็นที่ดูหมิ่นดูคลนของผู้ใต้บังคับบัญชา ทั้งที่กลุ่มนี้มีอยู่ไม่กี่คน
 
ตามตำนานแห่งแหวน คนเหล่านี้เปรียบเสมือนเหล่า “นาซกูล” ของเซารอน ที่ผู้คนต่างกลัวเกรงครั่นคร้าม จนลืมว่าเหล่า “นาซกูล” นั้น มันตายได้เหมือนกัน
 
แล้วเหล่าพันธมิตรแห่งแหวนก็เริ่มออกเดินทาง
การเดินทางของเหล่าพันธมิตรแห่งแหวนได้รับการต้อนรับจากกองกำลังต่างๆเป็นอย่างดี จนในที่สุดก็พบว่า กองกำลังต่างที่กระจัดกระจายกันอยู่นั้น สามารถต่อสู้กับ “เซารอน” ที่อยู่เบื้องหลังการออกร่างกฎหมายอันตราย และยังพบว่า จุดอ่อนของร่างกฎหมายอันตรายและกองกำลังของ “เซารอน” นั้น อยู่ที่ “ความจริง”
 
แสงสว่างจากไม้เท้ากายสิทธิ์ คือ อาวุธที่ต่อสู้กับเหล่าปีศาจ
 
เหล่า “นาซกูล”ในตำนานแห่งแหวน กลัวแสงสว่างจากไม้เท้าของแกนดัฟท์ฉันใด เหล่า “นาซกูล”กระทรวงสาธารณสุขก็กลัวแสงสว่างจาก “ความจริง” ก็ฉันนั้น
 
ดังนั้น พันธมิตรแห่งแหวน ก็เริ่มนำ “แสงสว่าง” ออกเผยแผ่แก่กองกำลังที่พากันคร้ามเกรงเซารอน
 
การนำข้อเท็จจริงมาพูด และมีการแสดงสัญลักษณ์ของการไม่ยินยอมด้วยการแต่ง“ชุดดำ”เพื่อเป็นการขัดขืนต่ออำนาจเถื่อนโดยเหล่าผู้ปฏิบัติงานด้านการแพทย์และสาธารณสุขได้แสดงออกต่อสังคมอย่างพร้อมเพรียง ทำให้กลุ่มที่เคย “กินฟรีกระทรวงสาธารณสุข” กันมานานก็ถึงกับขาดสติ พากันออกมากล่าวหาผู้ที่ขัดขืนอำนาจแห่งสปสช.,สมัชชาเอนจีโอสุขภาพ,และนาซกูลสาธารณสุข โดยนาซกูลสาธารณสุขและสมัชชาเอ็นจีโอสุขภาพต่างก็ออกมาเซ็งแซ่ มีการแสดงผลการสำรวจโพลเรื่องความต้องการพ.ร.บ.ดังกล่าวอย่างเด่นชัด เพื่อเป็นการตอกตะปูปิดฝาโลงภูมิปัญญาของนักการเมืองและผู้บริหารที่กลัวนักการเมือง
 
ขณะเดียวกันนายอำพล จินดาวัฒนะ เลขาธิการคณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติซึ่งเคยเป็นหมอแต่ปัจจุบันไม่รักษาคนไข้แล้ว ถึงกับระบุหมอที่แต่งชุดดำใจดำ นายวิชัย โชควิวัฒน์ อดีตคนเคยทำหน้าที่หมอรักษาคนไข้และอดีตเลขาธิการแพทยสภาที่มีเรื่องราวมากมาย ก็ออกมากล่าวหาว่าแพทย์และผู้ปฏิบัติงานที่ออกมาคัดค้านร่างกฎหมายอธรรมเป็นกลุ่มคนที่ถูกแพทยสภาจูงจมูก ด้วยความเขลาเพราะเข้าใจว่าแพทยสภาเป็นผู้อยู่เบื้องหลังการคัดค้านร่างกฎหมายฉบับรัฐบาลแต่วิญญาณเอนจีโอ ด้วยเข้าใจว่า แพทยสภาแพ้แล้วตั้งแต่กระบวนการร่างกฎหมายและผู้ปฏิบัติงานกระทรวงสาธารณสุขคิดเองไม่เป็น จึงใช้คำว่าจูงจมูก แสดงให้เห็นพื้นฐานว่า นายวิชัยคิดว่าผู้ปฏิบัติงานดูแลสุขภาพประชาชนนั้น “โง่เป็นควาย” จึงถูก “จูงจมูก” ตามความคิดของนายวิชัย
 
กระแสสังคมเริ่มตีกลับ สถานการณ์ของพันธมิตรแห่งแหวนเริ่มมีแนวร่วม
 
แล้วสังคมก็เริ่มสงสัย ว่า คนกลุ่มนั้นทำไมออกมาด่าหมอมากมาย? คนที่คัดค้านทำไมจึงถูกกล่าวหาว่าเป็นคนไม่ดี? อะไรจะขนาดนั้น เริ่มมีสื่อมวลชนให้ความสนใจว่า ทั้งๆที่แพ้แทบทุกเกม,แล้วทำไมคุณหมอๆและผู้ที่ร่วมกับคุณหมอดูแลคนไข้จึงพากันออกมาสู้มาคัดค้านมากขึ้น? หากร่างกฎหมายนั้นดีต่อทุกคน แล้วทำไมหมอและผู้ร่วมงานจึงต้องค้าน?
 
สังคมเริ่มสงสัย สื่อก็เริ่มถามผู้คัดค้าน และเริ่มมีการนำความจริงมาพูดกันมากขึ้น นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี เริ่มสงสัยจึงอนุญาตให้ผู้คัดค้านเข้าพบหลังจากที่เคยปฏิเสธให้ผู้คัดค้านพากันคอตกกลับบ้านมาแล้ว นายกรัฐมนตรีเริ่มกังวลว่ารัฐบาลของตนจะเป็นผู้สร้างกฎหมายอธรรม การเป็นนายกรัฐมนตรีที่ต่อสู้ด้วยความยากลำบากจะลงเอยด้วยการเป็นทรราชผู้ออกกฎหมายกดขี่ผู้มีวิชาชีพเช่นเดียวกับผู้หลักผู้ใหญ่ที่บ้านและให้ประชาชนเดือดร้อนกันหรือ?
 
ก็ใกล้จะถึงบางอ้อ แต่ปลายทางของโฟรโด้และคณะมิใช่บางอ้อ การนำความจริงมาพูดกันนั้นคือยุทธศาสตร์ที่สำคัญที่สุดของการต่อสู้ ผู้คนเริ่มตั้งข้อสังเกตมากมาย
                -เริ่มมีคำถามว่า การเสนอร่างกฎหมายนี้เป็นการช่วยเหลือประชาชนหรือแค้ต้องการกองทุน
-เริ่มมีคนสงสัยว่าผู้เสนอกฎหมายเขียนให้ตนเองไปบริหารกองทุนและรับผลประโยชน์จากเงินบริหารกองทุน๑๐%
-เริ่มมีคนตั้งข้อสังเกตว่า ลักษณะของกองทุนตามที่เขียนไว้ในร่างกฎหมายดังกล่าวมีลักษณะคล้ายกับกองทุนตามกฎหมายที่เคยออกมาก่อน ที่ออกระเบียบใช้เงินเองโดยรัฐบาลไม่มีการตรวจสอบประเมินผล ไม่มีใครรู้รายละเอียดการใช้เงิน ตัวอย่างเช่น กองทุนสสส. กองทุนไทยพีบีเอส กองทุนหลักประกันสุขภาพ กองทุนเหล่านั้นไม่มีใครรู้ว่า ใช้ไปอย่างไรบ้าง แม้อัตราเงินเดือนเลขาธิการสปสช.ก็สามารถกำหนดได้เองโดยสูงสองแสนบาทและเพิ่มเป็นสามแสนบาทกำหนดได้สูงกว่าเงินเดือนนายกรัฐมนตรี ทั้งที่อำนาจหน้าที่ความรับผิดชอบของนายกรัฐมนตรีสูงกว่าเลขาธิการสปสช. และเลขาธิการสพฉ.ที่เงินเดือนเท่ากัน
-ความสงสัยมากมายกว่านั้นเริ่มทวีคูณ เนื่องจาก มีข้อสังเกตว่า เงินจำนวนมหาศาลออกจากรัฐบาลไปเข้ากองทุน แต่รัฐบาลไม่ทราบรายละเอียด การใช้เงินไม่อยู่ในระเบียบกระทรวงการคลัง สำนักงานตรวจเงินแผ่นดินมีฐานะเป็นเพียงผู้ตรวจสอบบัญชี ยิ่งมีตัวอย่างการใช้เงินผิดวัตถุประสงค์ของสปสช.ก็ยิ่งทำให้ผู้คนเริ่มสงสัยมากขึ้น สงสัยถึงสถานะของกองทุน กรรมการบริหารกองทุน ที่เป็นเสมือนกองทุนอิสระของรัฐอิสระ หรือการอ้างความช่วยเหลือประชาชนจะเป็นเพียงกลลวง? หรือคนกลุ่มนั้นจะเอาเงินมากมายมหาศาลไปทำอะไร? จำนวนเงินกองทุนสามารถพยากรณ์ได้ว่ามากมาย หรือวัตถุประสงค์มากกว่าการคอรัปชั่น?
กองทุนอิสระที่รัฐควบคุม-ตรวจสอบ-ประเมินผลไม่ได้เสมือนหนึ่งรัฐซ้อนรัฐ หรือกำลังจะทำอะไรกัน?
 
หอคอยคู่พิฆาต
 
พ่อมดเทาแกนดัฟท์ เดินทางไปหาพ่อมดขาวซารูมาน เจอการหักหลังอย่างไร้คุณธรรม พ่อมดเทาใช้จิตใจที่ยิ่งใหญ่กว่า เอาชนะการกักขังด้วยอำนาจมนต์ของพ่อมดขาวใจดำได้ ก็กลายเป็นพ่อมดใจขาว เสื้อคลุมก็ขาวเองด้วยอำนาจแห่ง “แสงสว่าง”ของใจขาว การเคลื่อนไหวหรือการเดินทางของเหล่าพันธมิตรแห่งแหวนเจออุปสรรค แกนดัฟท์เจอการหักหลังของ “พ่อมดขาวใจดำ” อย่างซารูมาน คณะของอ.พจนา อ.ประชุมพรฯ ก็เจอ หอคอยคู่พิฆาต เช่นกัน
 
การมีข้อสงสัยของสังคมและสื่อ นำมาซึ่งประเด็นทางสังคมที่เปลี่ยนไป จึงมีความพยายามที่จะทำให้การต่อสู้ของผู้คัดค้านยุติโดยเร็ว
ในขณะที่การเดินทางของพันธมิตรแห่งแหวนได้นำความจริงออกสู่สังคม การต่อสู้จากกลุ่มผู้เสนอร่างกฎหมายก็เริ่มบีบคั้นไปที่รัฐบาลและรัฐมนตรี เนื่องจากรัฐมนตรีได้ประกาศว่าล้านเปอร์เซ็นต์ต้องออกกฎหมายนี้ให้ได้  เป็นตายร้ายดีรัฐมนตรีสู้แหลก เมื่อรัฐมนตรีสู้แหลก ผู้บริหารระดับสูงก็ต้องสนองนโยบาย
 
ความพยายามของเซารอนมาจับมือประสานกับซารูมานต่างคนต่างใช้อีกฝ่ายเป็นเครื่องมือ ซารูมานสาธารณสุขพยายามที่จะจับตัวแกนนำพันธมิตรแห่งแหวน พยายามสลายกลุ่มให้ได้ ด้วยการใช้อคติ๔ ได้แก่ ความรัก/ความเกรงใจ๑ ความกลัว๑ ความหลอกลวง/ความเกลียด๑ ความโลภ๑  ทำให้เหล่าพันธมิตรแห่งแหวนแทบแตกและเสียกระบวนไปพอประมาณ แต่ด้วยพลังใจที่ตรงกัน ไม่ได้มีการหวังผลประโยชน์ส่วนตัว ทำให้พันธมิตรส่วนมากยังรวมกันเดินหน้าต่อไป แผนการของคู่พิฆาตจึงไม่สำเร็จ  การเดินหน้าของเหล่าพันธมิตรแห่งแหวนได้ปรับขบวนการขับเคลื่อน สมาพันธ์แพทย์โรงพยาบาลศูนย์/โรงพยาบาลทั่วไปยังคงอยู่แต่ได้รับความร่วมมือจากพันธมิตรนอกโรงพยาบาลศูนย์/โรงพยาบาลทั่วไป ขยายวงใหญ่กว่าเดิม เป็นรูปแบบของสหพันธ์ผู้ปฏิบัติงานด้านการแพทย์และสาธารณสุข มีผู้เข้ามาร่วมงานมากกว่าเดิมมีผู้มีความรู้ความชำนาญมาช่วยกันมากมาย การตำเนินการสื่อสารข้อมูลข่าวสารกว้างขวางและแน่นแฟ้น มากขึ้น การนำข้อเท็จจริงไปในวงกว้างเท่าใดกระแสการต่อต้านร่างกฎหมายอธรรมก็ถูกต้านมากขึ้นเท่านั้น  
 
การต่อสู้ยังไม่จบเท่านี้  เซารอนยังอยู่ นาซกูลยังไม่ตาย ร่างกฎหมายถูกยังยั้งด้วยกระบวนการทางนิติบัญญัติ พันธมิตรแห่งแหวนภารกิจยังไม่จบสิ้น แต่แสงสว่างได้เริ่มแผ่ไปอย่างกว้างขวาง เราจะเดินหน้ากันต่อไป
----------------------------------------------------
โปรดติดตาม ตอนต่อไป รายละเอียดของการต่อสู้กับอำนาจมืด ของตอน The Two Towers
และตอนจบ การกลับมาของพระราชา The Return of The King

หมายเหตุ เพิ่มเติม (ยังไม่ได้แต่งตอนจบ.....เพราะเรื่องยังไม่จบครับ )
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 07 สิงหาคม 2011, 08:42:27 โดย usah »

today

  • Staff
  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 263
    • ดูรายละเอียด