ผู้เขียน หัวข้อ: สธ.หั่นงบฯ5หมื่นล้านประชาชนเสียโอกาส (คมชัดลึก20เมย2553)  (อ่าน 1966 ครั้ง)

story

  • Staff
  • Hero Member
  • ****
  • กระทู้: 9745
    • ดูรายละเอียด
 เมื่อแพทย์ชนบทออกมาตี แผ่ว่าโครงการไทยเข้มแข็งของสธ.ในส่วนที่จะได้รับการจัดสรรตามพ.ร.บ.ให้ อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อฟื้นฟูและเสริมสร้างความมั่นคงทางด้านเศรษฐกิจ จำนวน 7.5 หมื่นล้านบาท มีการส่อทุจริต แม้จะยังไม่มีการจัดซื้อจัดจ้างเพราะเงินงบประมาณยังไม่ได้รับการจัดสรร เนื่องจากพ.ร.บ.ยังไม่ผ่านสภา แต่ก็มีการเตรียมการ ทั้งในประเด็นการจัดซื้อครุภัณฑ์หลายรายการและการตั้งค่าราคาประเมินสิ่งก่อสร้างสูงเกิน จนทำให้ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ต้องแต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนการทุจริตโครงการไทยเข้มแข็งของสธ. ที่มีนพ.บรรลุ ศิริพานิช เป็นประธาน ที่สรุปว่ามีการส่อเจตนาทุจริต และส่งผลให้นายวิทยา แก้วภราดัย ในฐานะรมว.สาธารณสุข ต้องลาออกจากตำแหน่ง

 ขณะที่ นพ.ไพจิตร์ วราชิต ปลัดสธ. มีการแต่งตั้งคณะกรรมการทบทวนความเหมาะสมและแก้ไขปัญหาโครงการไทยเข้มแข็ง และมีคณะอนุกรรมการพิจารณาถึง 8 ชุด อาทิ คณะอนุกรรมการทบทวนรายการและราคาของครุภัณฑ์ภายใต้โครงการไทยเข้มแข็ง, คณะอนุกรรมการกำหนดรายการสิ่งก่อสร้างของโรงพยาบาลชุมชนใหม่, คณะอนุกรรมการพิจารณาความเหมาะสม และทบทวนการจัดสรรของหน่วยบริการปฐมภูมิ, คณะอนุกรรมการพิจารณาความเหมาะสมและทบทวนการจัดสรรของโรงพยาบาลศูนย์โรงพยาบาลทั่วไปหรือบริการตติยภูมิ

 แต่ดูเหมือนบรรดาหมอๆ จะเถียงกันไม่จบ โดยเฉพาะประเด็นราคาประเมินสิ่งก่อสร้าง เมื่อฝ่ายแพทย์ชนบทพยายามจี้ให้มีการลดระดับราคาลง ส่วนฝ่ายกระทรวงเห็นว่าราคาที่ตั้งและมีการลดลงมาบ้างแล้วนั้น ไม่สามารถลดต่ำลงได้อีก เนื่องจากอาจเป็นราคาที่ต่ำเกินไป ทำให้สถานพยาบาลไม่สามารถจัดซื้อจัดจ้างได้จนต้องสำรองเงินของสถานพยาบาล สมทบ จึงส่งเรื่องให้สำนักงบประมาณฟันธงราคา ระหว่างนั้นครม.ก็มีมติให้ทุกกระทรวงนำงบประมาณเดิมของไทยเข้มแข็งในส่วน พ.ร.บ. มารวมกับงบปกติประจำปี 2554 เพื่อเสนอในคราวเดียวกัน

 "ครม.ให้นำงบประมาณที่ตั้งไว้ในงบฯโครงการไทยเข้มแข็งในส่วนของพ.ร.บ.มา ปรับตั้งเป็นงบประมาณปกติประจำปี 2554 แทน ซึ่งในส่วนของสธ.จะพิจารณาคงโครงการที่มีความจำเป็นมากที่สุดไว้เพื่อดำเนินการในปี 2554" นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฎ์ รมว.สาธารณสุข กล่าว 

 ล่าสุด ในการประชุมผู้บริหารกระทรวงสาธารณสุขที่มีนายจุรินทร์เป็นประธานเมื่อวัน ที่ 19 เมษายน 2553 เห็นชอบ โครงการไทยเข้มแข็งที่อยู่ในส่วนของพ.ร.บ. ปี 2554 เป็นจำนวน 19,295.728 ล้านบาท ประกอบด้วยงบประมาณก่อสร้าง 8,257 ล้านบาท งบครุภัณฑ์ 6,563 ล้านบาท งบในการผลิตและพัฒนาบุคลากร 1,112 ล้านบาท งบชายแดนภาคใต้ 531.73 ล้านบาท และงบกรมการแพทย์ 2,316.63 ล้านบาท ตัดทอนจากเดิมที่วางไว้ 7.5 หมื่นล้านบาทถึงกว่า 5 หมื่นล้านบาท

 ทั้งที่ หากเป็นไปตามแผนเดิมที่จะได้รับจัดสรรงบฯเต็มเม็ดเต็มหน่วย 7.5 หมื่นล้านบาท จะใช้เฉพาะส่วนการก่อสร้างปรับปรุงสถานพยาบาลทั้งโรงพยาบาลชุมชน โรงพยาบาลศูนย์/ทั่วไป ประมาณ 60% หรือกว่า 4 หมื่นล้านบาท, จัดซื้อครุภัณฑ์ทางการแพทย์ 27% คิดเป็นราว 1.5 หมื่นล้านบาท จะเห็นว่าเฉพาะงบฯก่อสร้างถูกตัดหายไปถึง 3 หมื่นกว่าล้านบาท ส่วนงบฯครุภัณฑ์หายไปเกือบ 1 หมื่นล้านบาท

 "ในการพิจาณางบฯ มีการตัดครุภัณฑ์ที่ไม่เหมาะสมออกไป 7 รายการ อาทิ เครื่องตรวจชีวเคมีในเลือด หรือออโต้เมท เครื่องทำลายเชื้อโรคด้วยรังสีอัลตราไวโอเลตระบบปิด หรือยูวีแฟน และมีการปรับราคาลง ทั้งงบฯ สิ่งก่อสร้าง และการจัดซื้อครุภัณฑ์ โดยงบฯ สิ่งก่อสร้างจะถือราคาของคณะกรรมการทบทวนฯ และสำนักงบประมาณเป็นหลัก ส่วนครุภัณฑ์ทางการแพทย์ปรับราคาให้ต่ำลงจากเดิมราวร้อยละ 10-15 หรือประมาณ 3,000 ล้านบาท นอกจากนี้ยังให้มีการกระจายการใช้งบเพิ่ม จากเดิมกระจุกตัวอยู่ในบางพื้นที่ 11 จังหวัดเท่านั้น” นายจุรินทร์ กล่าว

 สิ่งที่เกิดขึ้นไม่ว่าจะเป็นผลจากใครหรืออะไร ท้ายที่สุด ผู้ที่เสียโอกาสและประโยชน์ที่จะได้ใช้บริการสาธารณสุขที่ดี ก็คือ ชาวบ้านตาดำๆ ที่ทุกวันนี้ยามไปโรงพยาบาลแทบจะไม่มีที่ให้นอน เตียงผู้ป่วยล้นถึงทางเดิน ไม่เว้นแม้แต่หน้าห้องน้ำ โดยเฉพาะในโรงพยาบาลศูนย์และโรงพยาบาลทั่วไป ซึ่งบางแห่งไร้การก่อสร้างอาคารผู้ป่วยใหม่มานานนับสิบปี ขณะที่ผู้ป่วยเข้าถึงการรักษาพยาบาลเพิ่มขึ้นภายหลังมีหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า และใช้บริการในโรงพยาบาลเหล่านี้เพิ่มมากขึ้นถึง 160%